ปลายสัปดาห์ก่อน
กายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้า
อนุญาตให้ผมใช้อำนาจทิพย์กำราบวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของผู้หญิงคนหนึ่งได้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรรายนี้ดื้อด้านและเล่ห์เหลี่ยมสูงเหลือเกิน ไม่รู้จะแค้นอะไรหนักหนา เล่นไม่ยอมอภัย
และไม่ยอมอโหสิกรรมให้ผู้หญิงคนนี้เลย
ที่สำคัญเจ้ากรรมนายเวรรายนี้หลอกให้ผมแผ่เมตตาให้เขาถึง
20 วัน ผมก็ทำตาม แต่ก็ไม่ยอมอภัย
และไม่ยอมอโหสิกรรมให้ผู้หญิง
ผมเลยขอให้กายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้าไปเจรจาให้หน่อย วิญญาณดวงนี้ก็เสนอว่า
ให้ผมทำบุญและอุทิศกุศลให้เขา 2 ครั้ง พอผมทำตาม
แต่แทนที่วิญญาณดวงนี้จะให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้ผู้หญิง มันดันบอกว่า มันไม่ได้สัญญาว่า
ถ้าผมทำบุญอุทิศผลบุญให้แล้ว
มันจะให้อภัยและอโหสิกรรมให้ผู้หญิงสักหน่อย
ผมหน้าแตกยังไม่เป็นไร แต่พระศรีอริยะเมตตรัยเป็นผู้เจรจา ก็พลอยพูดอะไรไม่ออก ท่านจึงสั่งให้ผมจัดการเลย แล้วบอกว่าครั้งต่อไปจะเอาคาถาหรือของวิเศษมาให้
ผมหน้าแตกยังไม่เป็นไร แต่พระศรีอริยะเมตตรัยเป็นผู้เจรจา ก็พลอยพูดอะไรไม่ออก ท่านจึงสั่งให้ผมจัดการเลย แล้วบอกว่าครั้งต่อไปจะเอาคาถาหรือของวิเศษมาให้
ผมก็รออยู่ 4-5 วัน แต่แม่ทัพ(กายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้า)
ที่สั่งให้ผมรบไปเลย ดันไม่โผล่หน้ามาอีก คาถาหรือของวิเศษอะไร ก็ไม่ได้เอามาให้สักอย่าง
แล้วผมจะไปปราบวิญญาณที่ดื้อดึงและโกหกตอแหลไปเรื่อยๆดวงนี้ได้อย่างไรกัน
ที่สำคัญกายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้า
ดันส่งเทพเจ้าไฉซิงเอี้ยฝ่ายบุ๋นมาเป็นแม่ทัพแทนท่าน เทพเจ้าไฉซิงเอี้ยฝ่ายบุ๋นหรือฝ่ายขาว
ก็เป็นเหมือนพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้า
ที่มีแต่ความเมตตากรุณาอย่างเดียว
พอท่านไฉซิงเอี้ยมาถึง
ท่านก็มาสั่งให้ผมแผ่เมตตาให้วิญญาณดวงนี้อีก ผมเลยเถียงท่านไปว่า
“ ผมแผ่เมตตาไป 20
วันแล้ว วิญญาณดวงนี้ก็ไม่ยอม กายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพระพุทธเจ้าไปเจรจา มันก็บอกให้ผมทำบุญให้ 2 ครั้ง ผมก็ทำให้ แต่มันดันบอกว่า มันไม่เคยรับปากว่า มันจะยอมให้อภัย
และยอมอโหสิกรรมให้ผู้หญิง ”
ที่สำคัญมันมาหลอกผมต่อว่า ให้ผมไปบอกให้ผู้หญิงช่วยทำบุญ และสวดมนต์ให้มัน พอผมถามว่า ถ้าทำตามแล้ว จะยอมให้อภัย และยอมอโหสิกรรมให้ผู้หญิงใช่หรือเปล่ามันก็ไม่ตอบ ทำให้ผมรู้ว่า ไอ้นี่กะหลอกซ้ำหลอกซาก
ขนาดกายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยยังทนความตอแหลของมันไม่ได้ สั่งรบแล้ว ผมก็พร้อมรบ แต่ผมไม่มีคาถาหรืออาวุธจะไรไปต่อสู้ พอท่านไฉซิงเอี้ยฝ่ายบุ๋นมา แทนที่ท่านจะให้คาถาหรืออาวุธวิเศษไปสู้ ท่านกลับมาบอกทำนองว่า
ให้ผมยอมแพ้วิญญาณดวงนี้อีกที
ทำตามที่วิญญาณดวงนี้ขอให้ทำ
ด้วยเหตุนี้ พลทหารอย่างผม ไม่ขอฟังคำสั่งแม่ทัพอย่างท่าน เดี๋ยวผมจะไปตามเจ้าแม่กวนอิมภาคดำ
หรือเทพเจ้าไฉซิงเอี้ยฝ่ายบู๊มาปราบวิญญาณร้ายดีกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากเที่ยงคืนเมื่อวาน
ผมเกิดเปลี่ยนใจ บริกรรมถึงอาทิพุทธเจ้าฝ่ายดำ หรือพระพุทธเจ้าสูงสุดฝายดำดีกว่า เพราะท่านเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
ถ้าท่านไม่มาใน 3 วัน ผมจะเปลี่ยนการบริกรรมถึงพระศิวะ จะขอยืมตรีศูลของท่าน ขว้างใส่วิญญาณที่ดื้อดึงตนนี้ไปเลย
ในการบริกรรมถึงอาทิพุทธเจ้าภาคดำ ผมมันชาญฉลาด
ผมเชื่อว่า ท่านมีอีกชื่อหนึ่ง คือ อัลเลาะห์ ชื่อในพุทธศาสนาใช้ชื่อว่า พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผมเลยบริกรรมถึงอัลเลาะห์บ้าง บริกรรมถึงอาทิพุทธเจ้าภาคดำบ้าง บริกรรมถึงพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง
ถ้าท่านเป็นคนละองค์กัน ท่านย่อมไม่มาหาผมแน่ เพราะผมไม่มีจุดยืนแน่ชัดว่า ผมบริกรรมถึงพระเจ้าองค์ไหนกันแน่
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า(อัลเลาะห์)มาหา
ปรากฏว่าวันนี้ ตอนบ่าย 2 อัลเลาะห์มาหาผม ท่านบอกว่า ผมบริกรรมเรียกหาท่าน เสียงท่านเหมือนเสียงของพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า(อาทิพุทธเจ้าภาคขาว หรือ พระไวโรจนพุทธเจ้า) เพียงแต่อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์)ท่านพูดแบบเด็ดขาดกว่าเท่านั้น ไม่ใช่ค่อยๆพูดเหมือนพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า มาถึงท่านก็บอกว่า
“ไม่ต้องใช้คาถาอะไรปราบวิญญาณหรอก เธอแค่อธิษฐานจิตขอให้พลังร้ายที่วิญญาณปล่อยออกมาทำร้ายคนอื่น
ย้อนกลับเข้าตัวเองก็พอ”
หลังจากนั้น ผมก็ถามท่านว่า อาทิพุทธเจ้าภาคขาว
เคยบอกผมว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไป กฎสวรรค์ที่ห้ามผมทำผิด ไม่งั้นโดนลงโทษหนักเหลืออยู่เพียงข้อเดียว คือ ห้ามบอกวิธีที่ผมใช้ติดต่อกับพวกพระเจ้า แล้วทำไมเทพเจ้าอื่นมาสั่งผมว่า ห้ามบอกว่า เทพเจ้าสั่งว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าทำ… ถือว่าผิดกฎสวรรค์”
อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์): “ภาคดำเป็นผู้สร้างกฎสำคัญ ไม่ใช่ภาคขาว เทพเจ้าแกล้งมาทดสอบจิตเธอว่า เธอยังมีความกลัวเหลืออยู่ไหม เราตรวจสอบดูแล้ว เธอไม่ได้ผิดกฎสวรรค์ที่เราห้ามไว้
เพียงแต่เธอมีเจ้ากรรมนายเวรดวงหนึ่งที่กำลังจะลงมาเกิด
แล้วจะทำให้เธอโชคไม่ดีตลอดไปเธอต้องแก้กรรมโดยการทำบุญ 3,000 บาท
ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปภายในวันนี้
ก่อนวิญญาณดวงนั้นจะลงมาเกิด”
Phonsak: ผมก็อยากจะทำ ปัญหาคือ
เงินผมมาล่าช้ากว่ากำหนดทุกครั้ง ตอนนี้ผมเหลือเงินอยู่เพียง
400 บาท ผมทำบุญ 3,000 บาทไม่ได้
อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์): แล้วเพื่อนฝูงของเธอไม่มีให้ยืมหรือ?
Phonsak: เคยมีครับ แต่พวกท่านเหล่าเทพเจ้าล้วนทำผมแสบ ให้ผมเที่ยวไปยืมเงินคนโน้นคนนี้มาทำบุญ
แล้วท่านก็ไม่ยอมให้ผมใช้คืนบ้าง ให้ผมใช้คืนบางส่วนบ้าง คน 7-8 คนที่เคยให้ผมยืมเงินเลยถอนตัวหมด
อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์): แล้วคนที่บรรดาเทพเจ้าเรียกชื่อว่า
สิรัตน์ ล่ะ?
Phonsak: รายนั้นให้ผมเกือบทุกครั้ง แต่ผมเคยสัญญากับคุณสิรัตน์หลายครั้งว่าจะไม่ยืมเขาอีก แล้วผมก็ผิดคำสัญญาไปยืมเขาอีก
ทำเช่นนี้ประจำ ผมละอายใจตัวเอง ผมขอผ่านเลยครับ ถ้าเป็นกรรมที่ผมต้องชดใช้ จะฉิบหายก็ช่างมันเถอะครับ
อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์): อย่างนั้นไม่ได้
เพราะเราและเทพเจ้าท่านอื่นๆสัญญากับเธอไว้แล้วว่า เธอจะรุ่งเรือง เธอจะให้พวกเทพเจ้าผิดคำสัญญากับเธออย่างนั้นหรือ เราจะบอกเธอ เราเห็นอยู่แล้วว่า
คุณรักพงษ์จะช่วยเธอได้ในครั้งนี้ เธอไปยืมเขามา 3,000
บาท
Phonsak: คุณรักพงษ์ต้องช่วยผู้หญิงอิสลามคนหนึ่ง
12,000 บาท ท่านจะให้ผมไปยืมเงินเขาอีก 3,000 บาท ผมว่าไม่ถูกต้องนะครับ
อาทิพุทธเจ้าภาคดำ(อัลเลาะห์): เงินช่วยผู้หญิงอิสลามคนนั้นไม่ได้เอาช่วงนี้ เธอไปยืมมาเถอะ เราดูไม่ผิดหรอก
Phonsak: งั้นเมื่อเงินผมเข้ามาต้นเดือนนี้ ผมคืนเงินให้คุณรักพงษ์ไป 6,000 บาท หรือกว่านั้นเลยนะครับ ถือว่าแบ่งเบาภาระคุณรักพงษ์ด้วย
ขอท่านพยายามอย่ามาขอให้ผมทำบุญอะไรอีกช่วงนั้น
ผมต้องการเห็นการทำบุญ มันได้ผลบุญจริงๆก่อน ผมจึงจะมีกำลังใจในการทำบุญต่อ
อ้าว! คลื่นเสียงของพระติกขะคัมมะพุทธเจ้าฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ผมเลยไม่ได้ถามยืนยันประเด็นใหญ่ที่ผมอยากรู้เลยว่า พระติกขะคัมมะพุทธเจ้า อาทิพุทธเจ้าภาคดำ อัลเลาะห์ เป็นองค์เดียวกันใช่ไหม?
0 comments:
แสดงความคิดเห็น