A A

15 สิงหาคม 2558

ถาม-ตอบ 3 เรื่องการถอดกายทิพย์ทำได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในขณะที่เราฝัน‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

คนเราทุกคนย่อมมีความฝัน แต่บางคนสามารถถอดจิต หรือถอดกายทิพย์หรือกายฝันออกจากร่างได้ในตอนฝัน

... ถอดจิตในความฝันทำอย่างไรหรือครับ
?

ถ้าเราไม่มีสติในขณะฝัน ฝันของเรา มันก็เป็นแค่ความฝันธรรมดาเท่านั้น แต่ถ้าเราฝันร้าย เช่น ท่านผู้หนึ่งฝันว่า
ตนเองกำลังสู้รบกับทหารพม่า ในจังหวะนั้นเอง คนๆนั้นดันทะลึ่งมามีสติ (การมีสติในขณะที่กำลังฝัน ทำให้กายทิพย์ถอดออกจากร่างได้ แล้วลงไปเป็นคนในความฝัน) ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่เขาโดนฟัน(ในความฝัน)

เมื่อกายทิพย์หรือกายฝันกลายเป็นคนในความฝันไปแล้ว ตัวเขาเลยโดนฟันจริงๆ มีแผล มีเลือดจริงๆ นี่ถ้าเขาไม่ตกใจจนขาดสติ กายทิพย์หรือกายฝันก็ยังไม่ยอมเข้าร่างกายเนื้อของเขา เขาก็อาจจะโดนฆ่าไปแล้วในความฝัน

แต่เมื่อกายทิพย์หรือกายฝันกลับเข้าร่างกายเนื้อแล้ว กายฝันก็จะนำบาดแผลถูกฟันติดตัวมาด้วย เพราะกายต่างๆมันสัมพันธ์กัน

คนจำนวนไม่น้อย ถอดจิตเข้าไปอยู่ในโลกวิญญาณ แล้วโดนผีปีศาจทำร้ายร่างของกายทิพย์หรือกายฝันมา พอคนเหล่านั้นหลุดออกมาจากโลกวิญญาณ พวกเขาก็จะมีบาดแผลที่โดนผีปีศาจทำร้าย ปรากฏอยู่บนกายเนื้อของพวกเขาด้วย เพราะกายต่างๆมันสัมพันธ์กันนั่นเอง


คนตายคือ กายทิพย์ หรือกายฝัน เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน ที่เรียกว่า นรก สวรรค์ โลกของพรหม ฯลฯ โดยสมบูรณ์

เนื่องจากคนตายไม่มีกายเนื้อมนุษย์ที่ทำงานได้ปกติ ให้กลับเข้ามาอยู่ได้อีก ดังนั้นเมื่อพ่อแม่พี่น้องลูกเมียหรือผัวของคุณตาย ก็อย่าไปเสียใจให้มาก

เขาเพียงแต่เปลี่ยนไปใช้กายทิพย์หรือกายฝัน ไม่ใช้กายเนื้ออีกเท่านั้น แล้วในโลกใหม่ของเขา ผลบุญ ผลบาป จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะที่นั่น ผลบุญ ผลบาป ก็จะเป็นตัวกำหนดอำนาจและบารมีของเขา

อย่างผม
Phonsak ซึ่งเป็นตัวกระจอกบนโลกมนุษย์ เป็นเหมือนคนเพี้ยนในโลกใบนี้ แต่ในโลกแห่งความฝัน ที่เรียกว่า นรก สวรรค์ โลกของพรหม ฯลฯ ผมมีตำแหน่งสูงมากทีเดียว ไม่แพ้เทพเจ้าไฉซิงเอี้ย(เทพแห่งความมั่งคั่ง)ที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ผมเปรียบเสมือนพระเวสสันดร พระอชิตะ(พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์) และพระเยซู ซึ่งพวกท่านล้วนอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต แต่พระเวสสันดรและพระเยซู พวกท่านไปสู่ที่ชอบๆในภพภูมิอื่นแล้วเท่านั้น

สรุป

คนที่มีสติในความฝัน กายทิพย์หรือกายฝันจะออกจากร่าง ลงไปอยู่ในความฝันเลย ความฝันจึงกลายเป็นเรื่องจริง กายทิพย์หรือกายฝันก็เป็นกายจริงไปเลย

เนื่องจาก สวรรค์ นรก และภพภูมิต่างๆล้วนอยู่ในภวังคจิต(ความฝัน หรือ จิตใต้สำนึกของเรา)

มีสติในความฝันก็คือ ถอดจิต ถอดกายทิพย์(กายฝัน)ได้ ขาดสติในความฝัน ก็ถอดจิตถอดกายทิพย์(กายฝัน)ไม่ได้

ขาดสติ หรือตกใจในความฝัน = กายทิพย์(กายฝัน) ของเรากลับเข้ามาเป็นกายเนื้อใหม่นั่นเอง

ตาย คือ กายทิพย์(กายฝัน) เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน(สวรรค์ นรก ฯลฯ)โดยสมบูรณ์ ไม่กลับเข้าสู่กายเนื้อมนุษย์อีก

ถาม-ตอบ 1 เรื่องการถอดกายทิพย์

" ก็คือว่า ถ้าเรานอนหลับฝันอยู่และเรารู้ตัวว่าเราฝัน มันก็คือเรากำลังถอดจิตออกไปหรอค่ะ ? หรือยังไง ? "

ตอบ

จะพูดอย่างนั้นก็ได้ ผมจะเล่าตัวอย่างให้คุณฟัง 2 เรื่อง คุณจะได้เข้าใจ

เรื่องแรก มีคนป่วยที่กำลังจะตายด้วยโรคเอดส์คนหนึ่ง อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ ชื่อ มานพ คุณมานพเคยตายไปพบยมบาลมาแล้วในตอนเช้าของวันนั้น ในตอนนั้นเขาไปเห็นยมบาลกำลังสุมหัวคุยกันเรื่องผมกับกายทิพย์สัมโภคกายของพระสารีบุตร และกายทิพย์สัมโภคกายของเจ้าแม่กวนอิมประทานพรอยู่ เจ้าแม่กวนอิมบอกกับพระยายมราชและพระสารีบุตรว่า เราจะแปลงกายเป็นแม่ชีคนหนึ่ง ไปทดสอบจิตของเขาดู

พอวิญญาณคุณมานพกลับเข้าร่างกายเนื้อ เนื่องจากผมเป็นผู้ทำบุญช่วยแม่และลูกชายคุณมานพ รวมทั้งทำบุญบริจาคเงินให้วัดพระบาทน้ำพุ แล้วอุทิศผลบุญให้คุณมานพ ทั้งๆที่ผมไม่รู้จักเขาเลย คุณมานพเลยสำนึกบุญคุณ เขาจึงเล่าเรื่องการประชุมลับระหว่างเจ้าแม่กวนอิม
,พระยายมราช, และพระสารีบุตรให้ผมฟังหมด

เขาบอกว่า พระยายมบอกกับเขาว่า ตอนเย็นวันนี้เขาจะตายจริงๆแล้ว เขาขออนุญาตไปกราบเท้าผมเมื่อเขาตายแล้วได้ไหม ผมก็ตอบว่า
ok เพราะผมเป็นผู้ติดต่อกับวิญญาณในทุกระดับได้อยู่แล้ว

ปรากฏว่า เย็นวันนั้นคุณมานพตายจริง ตกดึกประมาณตี 1 วิญญาณคุณมานพมาหาผม มาจับที่ข้อเท้าของผม ขณะนั้นผมกำลังฝันว่า กำลังเดินเล่นอยู่ พอวิญญาณคุณมานพมาจับข้อเท้าผม ผมยังไม่ได้สติเต็มที่ ได้แค่นิดหน่อย จึงตะโกนบอกว่า "เฮ้ย! อย่าจับข้อเท้าซิวะ เดี๋ยวล้ม"

หลังจากนั้นผมก็ได้สติเต็มที่ ผมรู้ว่า กายฝันของผมก็ไม่อยู่ติดสนิทกับกายเนื้อแล้ว ไอ้กายเนื้อของผม มันกำลังนอนหลับอยู่ เสียงกรน ครอกๆ กายฝันของผมจึงเห็นวิญญาณดวงหนึ่ง คงเป็นคุณมานพนั่นเอง เพราะผมไปตกลงกับคุณมานพไว้ วิญญาณของเขาจึงมาหาผม ผมเลยบอกวิญญาณคุณมานพว่า ไม่ต้องไปกราบเท้าหรอก มาคุยกันใกล้ๆตรงนี้เลย คุณมานพเลยคลานเข้ามา แล้วกราบผมที่หน้าอกผม พร้อมกับพูดกระซิบกับผมว่า

"ยมบาลให้ผมมาลาพระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย"

พูดจบเขาก็หายไปเลย

เรื่องสอง

ผมฝันประหลาดหลายครั้ง ฝันว่าไปเจอหญิงงามมากคนหนึ่ง ซึ่งตัวจริงผมก็รู้จัก แต่ไม่งดงามชวนหลงใหลเช่นนี้ ผมเลยคิดว่า ในสัปดาห์นี้หญิงงามมากคนนี้ ต้องมาหาผมอีกแน่ คราวนี้ผมต้องถอดจิตออกไปคุยเลยว่า เธอเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่

ต่อมาอีก 2-3 วัน สุดยอดของหญิงงามคนนี้ ก็มาหาผมในความฝันจริงๆ จังหวะที่เธอเข้ามาหาผมในความฝัน ตอนนั้นผมมีสติแล้ว มือกายทิพย์ของผมจึงออกไปจับแขนของเธอไว้ แล้วรีบอยากจะเข้ามาในความฝันเลย ผมก็เลยมายืนอยู่ในความฝัน มือของผมยังจับแขนเธออยู่ เหมือนเธอจะรู้ว่า ผมจะถามอะไรเธอ เธอก็รีบแปลงร่างเป็นตัวการ์ตูนตลกหญิง มีเขาขึ้นมา 2 ข้าง ผมเลยรู้เองว่า เธอเป็นลูกสาวพระยามาร เธอพูดเสียงอ่อนหวาน ไพเราะเหลือเกิน เธอขออาศัยอยู่ในจิตผมต่อนะ ผมก็รับปากว่า "ได้"

อีก 2 ปีต่อมา ผมได้ธรรมกายระดับอรหันต์ กายทิพย์สัมโภคกายอรหันต์ต้องการออกจากจิตของผมไปเยี่ยมเพื่อนฝูงในพุทธเกษตร(เมืองนิพพาน) ท่านหายไปเดือนกว่าๆ แล้วก็กลับมาบอกผมว่า

" ตอนนี้เรากำลังสู้กับกิเลสตัวหนึ่งอยู่ ถ้าเรายังเอาชนะเด็ดขาดไม่ได้ เราก็ยังเข้าเมืองนิพพานถาวรไม่ได้ เราจึงมาขอให้เธอช่วยเราอีกแรง "

ผมเลยถามกายทิพย์อรหันต์ของผมไปว่า "กิเลสที่ท่านกำลังสู้อยู่ คือ ราคะ ใช่ไหม"

กายทิพย์อรหันต์ของผมตอบว่า " ใช่ เธอจะช่วยเราได้ไหม "

ผมเลยตอบกายทิพย์อรหันต์ของผมว่า "ไม่ได้ครับ ทิ้งราคะออกไป ผมก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว กลายเป็นพระเจ้าไป อีกอย่างผมรับปากลูกสาวพระยามารไปแล้ว ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะเป็นพระเจ้า ผมยังไม่แก่ ไว้แก่ๆก่อน ผมถึงจะช่วยท่านเอาชนะลูกสาวพระยามาร"

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ธรรมกายระดับอรหันต์ (ชั่วคราว) และ กายทิพย์สัมโภคกายอรหันต์ (ชั่วคราว) ของผม ก็ไม่ได้โผล่ออกมาให้ผมเจออีกเลย

ถาม-ตอบ 2 เรื่องการถอดกายทิพย์

มันเป็นนิมิตในสมาธิมิใช่ถอดจิต

ตอบ

ผมได้ยินคำว่า "นิมิต" มาช้านานแล้ว ผู้พูดทุกท่าน ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ไม่มีใครรู้จริงสักคนว่า นิมิต คืออะไร

ตัวของเราทุกคนในโลกใบนี้ และในสวรรค์ นรก และพรหมโลก ก็คือ นิมิต หรือเป็นสมมุติทั้งสิ้น เพราะตัวเราของจริง ที่ไม่ใช่นิมิต คือ ธรรมกาย

แม้แต่กายทิพย์อมตะ...สัมโภคกาย ของเรา ก็เป็นนิมิต เรียกว่า "พุทธนิมิต"

คำว่า ถอดจิต = ถอดกายทิพย์ หรือถอดวิญญาณธาตุ หรือ ถอดจิตสมมุติ หรือ ถอดจิตนิมิตออกมา

ผมว่า.... ผู้ที่ไม่รู้จริง เช่น คุณ ก็ใช้วิธีมั่วว่า มันเป็นนิมิตในสมาธิมิใช่ถอดจิต เพราะความไม่กระจ่างแจ้งในศาสนานั่นเอง

สรุป

ถอดจิต = ถอดกายทิพย์ = ถอดวิญญาณธาตุ = ถอดจิตสมมุติ = ถอดจิตนิมิต

แม้แต่ถอดจิตที่เป็นอมตะ หรือ จิตสัมโภคกาย ก็เรียกว่า "ถอดพุทธนิมิต" สิ่งที่ผมบอกในวันนี้ เป็นความรู้ทางธรรมที่ลึกมากจริงๆ

เพราะสิ่งที่ไม่ใช่นิมิต คือ ธรรมกาย

ถาม-ตอบ 3 เรื่องการถอดกายทิพย์

อย่าเอาความรู้ที่ขาดการไตร่ตรองอันเกิดจากจินตนาการของตน มาเผยแพร่ทำให้เกิดความรู้ที่ไม่จริง ทำให้เกิดการเข้าใจผิดแก่บุคคลอื่นเลยน่ะคับ

ตอบ

ผมจะสอนคุณพัฒนาตนนะครับ พระพุทธเจ้าได้ความรู้มาอย่างไร ผมก็ได้ความรู้มาอย่างนั้น

ความรู้ที่ขาดการไตร่ตรองอันเกิดจากจินตนาการของตน มาเผยแพร่ทำให้เกิดความรู้ที่ไม่จริง = สิ่งนี้เรียกว่า อภิสังขารมาร หรือสมอง ความรู้ของผมไม่ได้มาจากสิ่งนั้นที่เรียกว่ามาร ผมจึงรู้ยังไงล่ะว่า นรกสวรรค์ล้วนอยู่ในภวังค์จิต

บรรดาพระอรหันต์ที่มีอภิญญา จึงเรียก ภวังค์จิตว่า องค์แห่งภพ กุญแจเปิดประตูองค์แห่งภพ คือ การมีสติอยู่ในความฝัน หรือมีสติในภวังค์จิต

การแพทย์สมัยใหม่ก็พอรู้อยู่บ้างว่า การสะกดจิต คือ ทำให้สมองหรือจิตหยุดคิด ในขณะที่คนไข้มีสติพูดคุยได้ คนไข้นั้นสามารถระลึกชาติได้

พูดง่ายๆ ผู้ที่หลงไปใช้สมองคิด ความรู้ที่ได้เป็นมิจฉาทิฎฐิ หรือทิฎฐิมานะ เป็นสิ่งที่มารต้องการให้คุณรู้แค่นั้น

พระอรหันต์ทุกองค์ ต้องหยุดการใช้สมองเป็นหลักใหญ่ในการหาความรู้ การหยุดคิด คือการเปิดประตูไปสู่ความรู้จริง

พญามารเขาสิงคุณอยู่เพื่อก่อกวนผม เพราะพญามารกลัวว่าผมจะเปิดเผยความลับของฟ้ามากเกินไป

1 ความคิดเห็น:

  1. แล้วอาการที่เราฝันแล้วปลุกตัวเองตื่นพอหลับต่อก้ฝันต่อเป็นแบบนี้หลายๆรอบ แล้วก็ยังมีการฝันเรื่องราวเดิมๆ สถานที่เดิมๆ แบบนี้แต่จะฝันไล่กันไปนี่คืออะไรอ๋อคะ

    ตอบลบ