A A

15 สิงหาคม 2558

สอนผมหน่อยคับอยากคุยกับเจ้าแม่กวนอิม‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

สอนผมหน่อยคับอยากคุยกับเจ้าแม่

ไม่ยากเลยน้อง หน้าที่ของเจ้าแม่กวนอิมนอกจากช่วยสรรพชีวิตแล้ว ท่านมีอีกหน้าที่หนึ่งคือ ตามหาผู้มีจิตใจเมตตากรุณา ท่านเป็นด่านแรก เมื่อพบแล้ว

เจ้าแม่กวนอิมจะมาทดสอบจิตว่า ไอ้หมอนี่มีความเมตตากรุณาระดับพระโพธิสัตว์จริงหรือไม่ โดยการให้คนโน้นคนนี้มาขอเงินสัก 10 ครั้ง

ถ้าไอ้หมอนี่ช่วยเหลือทุกครั้ง ทั้งๆที่มีเงินในกระเป๋าไม่มาก แต่ก็ยังเสือกให้ คราวนี้แหละเจ้าแม่กวนอิมจะอวตารลงมาเป็นมนุษย์เลย


1. ผมเจออวตารของท่านครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน เจ้าแม่กวนอิมอวตารมาเป็นหญิงชรามาก อายุกว่า 90 ปี มาขายปากกาดินสอหน้าofficeที่ผมอยู่ ผมสงสารเลยเดินเข้าไปช่วยซื้อ 5 แท่ง 10 บาท แต่ผมให้เงินหญิงชราคนนั้นไป 7,000 หรือ 8,000 บาท เพราะเงินเดือนครึ่งเดือนแรกออก ผมมีเงินเหลือกลับบ้านเป็นแค่ค่าทางด่วนเท่านั้น

หญิงชราคนนั้นร้องอุทานว่า "ยายหามาตั้งนาน ในที่สุด ยายเจอพระพุทธเจ้าแล้ว ยายเจอพระพุทธเจ้าแล้ว ยายเจอพระพุทธเจ้าแล้ว"

2. อีกครั้ง... เจ้าแม่กวนอิมอวตารมาเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ซึ่งกำลังนั่งเฝ้าผู้หญิงยากจน ที่พาลูกชายมาตามหาผัวในกรุงเทพ เธอหมดเงิน แล้วไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว มาเป็นลมล้มฟุบหน้าทางเข้าหมู่บ้านของผม พอได้สติขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เงินก็ไม่มีซื้อข้าวให้ตนเองและลูก จะกลับบ้านต่างจังหวัดก็ไม่มีเงิน

หญิงสาวที่หน้าตาดีคนนั้นปลอบเธอว่า เดี๋ยวจะมีคนหนึ่งมาช่วยเธอเอง บังเอิญผมขับรถจะกลับเข้าบ้าน เห็นผู้หญิงยากจนคนนี้ และเห็นลูกชายอายุประมาณ 7 ขวบของเธอ นั่งร้องไห้อยู่บนฟุตบาท แล้วมีหญิงสาวที่หน้าตาดี มีแสงออร่าออกมาจากตัว เลยจอดรถถามว่ามีเรื่องอะไรกัน พอทราบเรื่องแล้ว ผมมีเงินในกระเป๋าประมาณ 2,600 บาท เลยให้ผู้หญิงยากจนคนนี้ไป 2,000 บาท ให้เด็กไป 100 บาท และให้หญิงสาวที่หน้าตาดีคนนั้นไปด้วย 500 บาท เพราะเธออาสาจะพาผู้หญิงยากจน พร้อมลูกชาย ไปขึ้นรถโดยสารไปต่างจังหวัดเอง

3. เจอเจ้าแม่กวนอิมอวตารครั้งที่ 3 จะจะที่โลตัสโฮมโปรสุวรรณภูมิ เรื่องนี้ไม่ได้ล้อกันเล่นนะครับ

ตอนผมขับเข้าไปในที่จอดรถ ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 ของวันธรรมดา มีรถน้อยมาก แล้วผมก็ไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นด้วย แต่พอจอดรถ ผมดูกระจกมองหลัง เห็นด้านหลังมีหญิงสาวที่มีแสงหรือรัศมีออกมารอบตัวเหมือนพระพุทธเจ้า ผมเห็นว่าประหลาด แต่ก็ไม่สนใจ เพราะต้องรีบซื้อของ แล้วไปดูหนังที่เซ็นทรัล เพราะเป็นวันพุธ บัตรดูหนังจะราคาถูกมาก

พอลงจากรถ หญิงคนนั้น ก็เดินมาขอเงินค่ารถผม อ้างว่าเพื่อจะกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด ผมนึกว่า 200-300 บาท ผมก็จะให้ไป แต่หญิงคนนั้นกลับพูดว่า

"ฉันขอค่ารถกลับบ้าน 1,000 บาท"

เล่นเอาผมงง..ว่า มีผู้หญิงคนไหนกล้าขอเงินผม 1,000 บาท

แล้วผมก็คิดว่า ผมมีเงินในกระเป๋ากางเกงไม่ถึงพันบาทแน่นอน ผมก็เลยบอกเธอไปว่า ผมให้ได้แค่เท่าที่มี แต่หญิงคนนี้กลับยืนยันกับผมว่า "ผมมี 1,000 บาทแน่นอน"

ผู้หญิงที่ไหนมาขอความช่วยเหลือค่ารถกลับบ้าน เกินราคาที่เป็นไปได้ และยังมาพูดจาทำนองท้าทายผมอีก

ผมเลยบอกหญิงคนนี้ไปว่า ถ้าในกระเป่ากางเกงของผมมีเงิน 1,000 บาทจริง ผมเต็มใจให้คุณทั้งหมด 1,000 บาท ปรากฏว่าผมเอาเงิน(ในกระเป๋าซ้าย)ออกมานับ มีเงินแค่ 900 บาท ผมก็เลยบอกเธอว่า ผมให้ค่ารถคุณเท่าที่ผมมีแล้วกัน คือ 900 บาท

เธอไม่ยอมอีก คุณว่ามีผู้หญิงคนไหนหน้าด้านเหมือนเธอไหม ที่สำคัญ เธอทำตาเหล่ไปที่กระเป๋ากางเกงข้างขวาของผม ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเก็บพวกแบงก์ 20 เอาไว้ ผมรำคาญเธอที่ตื้อผมอยู่ได้ เลยลองควักออกมาดู และนับให้เธอเห็นกับตาว่า ในกระเป๋าข้างขวาของผมมีเงินแบงก์ 20 อยู่แค่สองใบเท่านั้น

ปรากฏว่า พอผมควักเงินออกมา มีแบงค์ 20 อยู่ใบหนึ่งจริงๆ แต่ที่สำคัญ แบงค์อีกใบ มันไม่ใช่แบงค์ 20 มันดันทะลึ่งเป็นธนบัตรใบละ 100 บาท

เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงต้องทำตามสัญญา คือ ให้เงินเธอไป 1,000 บาท

หลังจากนั้นผมก็หันหลังกลับไป จะไปเอากระเป๋าเงินในรถ เพราะที่ให้ไปคือเงินในกระเป๋ากางเกงเท่านั้น ขณะเดินกลับ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า หรือว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมมาลองใจผม เหมือนที่ลองใจพระถังซำจั๋ง โดยเอาจีวรเก่าๆซอมซ่อไปให้พระถังซำจั๋งใส่ แทนจีวรใหม่เอี่ยม ทำด้วยผ้าอย่างดี ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้

คิดไปคิดมาอีกที มีอรหันต์พระโพธิสัตว์หลายองค์นิหว่า อาจจะไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิมก็ได้ เดี๋ยวผมไปหยิบกระเป๋าเงินก่อน แล้วจะวิ่งไปถามเธอตรงๆว่าเธอเป็นใคร

ทันใดนั้นเหมือนมีพลังบางอย่าง ดึงให้ผมหันกลับไปมองหญิงคนนี้อีกที หญิงท่านนี้ก็โบกมือมาคล้ายจะอำลา ผมก็โบกมือกลับไปให้เธอ ตอนนั้นเหมือนมีเสียงในจิตตะโกนบอกผมว่า "กวนอิม"

ช่วงนั้นผมเดินถึงรถผมแล้ว เลยเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าเงินในรถ กะว่าหยิบเสร็จ จะเดินกลับไปถามหญิงคนนั้น(เพราะเธออยู่ห่างไปเพียงไม่เกิน 15 เมตร) ผมกะจะถามเธอตรงๆเลยว่า

เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงในจิตของผมบอกว่า ท่านคือ"กวนอิม" ไม่ทราบว่า ผมคิดไปเอง หรือท่านส่งกระแสจิตมาบอกผม

พอผมหยิบกระเป๋าเงินเสร็จ หันกลับไปอีกครั้ง หญิงคนนั้นได้อันตรธานหายไปจากตรงนั้นแล้ว

- ถ้าเธอจะเดินเข้าห้างก็เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องเดินอย่างน้อย 50 เมตรจึงจะถึง

- ถ้าเธอจะเดินออกถนนก็ต้องเดินกว่า 60 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

- ถ้าเธอจะเดินเข้ารถคันไหน ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะผมก็เดินเข้าห้าง ตาดูเข้าไปภายในรถทุกคัน ก็ไม่เห็น

- หรือเธอจะเล่นซ่อนแอบกับผม แอบซ่อน นั่งอยู่ข้างถังขยะ หรือนั่งอยู่ด้านข้างรถยนต์คันใดคันหนึ่ง บ้าเหรอ! เธอกับผมเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างนั้น

พูดง่ายๆ.... ผู้หญิงคนนั้นหายไปเฉยๆ จึงมีทางที่เป็นไปได้ 3 ทาง คือ เธอเหาะไป หรือดำทะลุพื้นถนนไป หรือ ไม่ก็หายตัวไปเฉยๆ ผ่านมิติโลกนี้ไป หรือหายตัวไปอยู่ในจุดอื่นที่ไกลออกไปเกิน 40-60 เมตร

ผมเดินตามหาเธออีกสักพักหนึ่ง แต่ก็หาไม่เจอ ผมเลยเดินเข้าห้างโลตัสโฮมโปรสุวรรณภูมิ เข้าไปซื้อของของผม

............................................

หนึ่งปีต่อมาหลังจากที่ผมโดนเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรลองใจ ไถเงินผมไป 20 กว่าครั้ง กว่าล้านบาทแล้ว ผมก็มีโอกาสถามท่านถึงเรื่องเก่าๆ ผมถามว่าท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ที่
Lotus Homepro สุวรรณภูมิ ให้ผมฟังหน่อยเพื่อจะได้ยืนยันว่าท่านเป็นกวนอิมจริงๆ

เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรก็เล่าว่า "วันนั้นเราเห็นเธอรีบร้อนจะซื้อของแล้วไปดูหนังต่อเราจึงสบโอกาสจะลองใจเธอ และให้เธอรู้ว่า เราเป็นกวนอิมจริงๆ เพราะเราเห็นว่า ในใจของเธอยังสงสัยอยู่"

ผมถามต่อว่า "แล้วเงิน 1,000 บาทของผมท่านเอาไปทำอะไร"

เจ้าแม่กวนอิม "เงินนั้นก็เป็นธาตุอย่างหนึ่ง เราเอาเงินของเธอ ซึ่งเป็นบุญ ไปแปลงสภาพแล้วส่งให้สัมภเวสีแถบนั้น"

ถาม

  จิตใจผมไม่นิ่ง ไม่สงบ ไม่เข้มแข็ง ไม่มีสติเลย พักนี้‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏
1. เหมือนผมแบกอะไรไว้สักอย่าง(คือผมแบกของผมเอง ไม่มีใครมาบังคับนะครับ) แบกภาระหน้าที่ อันหนักอึ้ง จิตใจ มีแต่ความทะยานอยากที่จะเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ (ซึ่งความทะยานอยาก ก็ทำให้ผมทุกข์ได้)

2.  ผมติดต่อ พระโพธิสัตว์กวนอิม ไม่ได้ ผมไม่เคยเจอท่านเลยสักนิดเดียว (น้อยใจนิดๆ)ฝากพี่พล บอกท่านด้วยว่า
" ผมคิดถึงท่านมาก ศรัทธาท่านมาก ที่สุดของหัวใจเลย ถ้าผมเสร็จกิจ แล้วผมจะกลับไปหาท่าน"

ตอบ

พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตากรุณา(mercy of God) งานประจำของท่าน  ก็คือ

1.ช่วยลดกรรมใหญ่ของคนในโลกให้เบาบางลง
2.หาผู้มีความเมตตากรุณาสูง ช่วยเหลือผู้อื่นในยามยาก  แม้ตนเองจะเดือดร้อนทางการเงิน  ท่านอวตารเป็นมนุษย์มาหาผมไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง  ตั้งแต่เด็ก จนถึงวัยรุ่น วัยกลางคน  เมื่อสัปดาห์ก่อนเจ้าแม่กวนอิมก็มาดลจิตผม ไปบอกให้คุณทำบุญกับพระพุทธเจ้า 2 องค์ คือ พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า และผมผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าหลังจากพระศรีฯ คือ พระรามพุทธเจ้า

ถ้าคุณทำบุญวันนั้น จะ 1,500 1,000 500 แม้แต่ 200 หรือ 100 บาทผ่านผม  ผมก็จะไปทำบุญต่อ เพราะในวันรุ่งขึ้นผมก็โอนเงินไปช่วยเด็กคนนั้น 1,000 บาท  ทั้งๆที่ผมไม่มีเงินเลย ผมก็ไปยืมจากเพื่อนมาช่วยเด็ก  จิตใจของคุณย่ำแย่ เพราะคุณไม่ยอมแก้กรรมด้วยการทำบุญ  ถ้าคุณได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้า 2 องค์ตามที่ผมแนะนำคุณ  เงิน 100 บาทของคุณ ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยมีเงิน  มีผลบุญมหาศาลเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้  เงินทำบุญ 100 บาทผ่านผม  อาจจะมีผลทำให้คุณเป็นมหาเศรษฐีในเวลาไม่ถึง 3 ปีก็ได้

แต่คุณกลับอ้างว่ามีหนี้สิน และเงินเก็บก็ไม่ค่อยมีอย่างเดียว  ผมไม่ได้บอกว่าคุณผิดหรือทำไม่ถูกนะ  แต่ความเมตตากรุณาในใจคุณยังไม่สูงพอที่จะดึงดูดให้เจ้าแม่กวนอิมอวตารมาหาคุณ  เท่าที่ผมรู้  พวกพระเจ้าจะไม่ติดต่อกับมนุษย์ที่ยังมีจิตใจของปุถุชนคนธรรมดา  หรือแม้แต่สูงกว่าปุถุชนคนธรรมดา  แต่ไม่มากพอ ถึงขั้นที่จะเป็นอริยะบุคคล

ผมอุตส่าห์ผิดกฎสวรรค์ยอมบอกคุณว่า  ผมคือผู้ที่จะเป็นพระรามพุทธเจ้า และบอกด้วยว่าพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าจะให้คุณทำบุญ  คุณคิดว่าผมล้อเล่นหรือ  นอกจากนี้ ผมอาจจะบอกด้วยว่า เจ้าแม่กวนอิมอาจจะมาดลใจผมด้วย  แต่คุณไม่ได้เป็นคนมีบุญบารมีมากพอ คุณจึงพลาดโอกาสทำบุญโคตรใหญ่ไป

แต่คนที่มีบุญบารมีมากพอ ก็ยังมีอยู่ ชื่อ คุณส. คนผู้นี้ชาติก่อน  เกิดเป็นหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า  และในอนาคตจะเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระธรรมราชาพุทธเจ้า  เมื่อวานนี้พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าให้ผมไปบอกเขาว่า ให้คุณส.ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของเขา 4,000 บาท  อาจจะทำ 2,000 บาทก็ได้  คุณลองอ่านสิ่งที่คุณส.เขียนมาหาผมวันนี้นะครับ  แล้วคุณจะรู้ว่า คุณส. ผู้นี้ คือนิตยโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระธรรมราชาพุทธเจ้าจริงๆ  ผมว่าผมแน่แล้ว  เป็นผู้มีจิตใจเมตตากรุณาอย่างที่สุดแล้ว  แต่ก็ยังมีผู้มีจิตใจเมตตากรุณาไม่ยิ่งหย่อนกว่าผม คือ คุณส.อยู่อีก  อีกคนชื่อคุณรักพงษ์ ชุมพาลี

เรียนคุณ Phonsak

ผมคุยกับเธอ(คุณนาริชา)สั้นๆเมื่อวานครับ เธอเป็นคน จ.ประจวบฯ
มีพี่น้อง 6 คน เธอเป็นคนสุดท้อง ที่เหลือเป็นผู้ชายและแต่งงานแยกย้ายกันหมดแล้ว
เธอทำงานโรงงานสัปปะรด รายได้วันละร้อยกว่าบาท (โรงงานมหาโหด)
เมื่อ 3-4 วันก่อน แม่เสียชีวิต (พ่อเสียแล้ว) และต้องจัดการเรื่องศพจึงไปกู้ยืมเงินมา
เมื่อเสร็จงานแล้วเงินที่มีผู้มาร่วมทำบุญด้วยไม่พอและขาดอยู่ 8,000 บาท
ทางเจ้าหนี้จะมาเอาตังค์คืนในตอนเที่ยง (วันนี้) เธอคงจะกลุ้มใจมาก
ผมก็สงสารเธอรับปากว่าจะโอนให้ทั้งหมดและเธอขอเพิ่มเผื่อค่ากินข้าว 1,000 บาท
ผมก็โอนให้เธอตามนั้นและเธออโหสิกรรมต่างๆให้ผม
แค่รู้ว่าเงินที่ผมให้ไปนั้นมีประโยชน์กับเธอขนาดนี้..ผมก็พอใจแล้วครับ

ส่วนผมเดือนนี้คงต้องขอตังค์ชาวนา(แม่ผมเอง)เป็นค่าอยู่ค่ากินแล้วล่ะครับ
บรรดาเจ้าหนี้ธนาคารทั้งหลายก็ต้องบอกว่าเดือนนี้ผมไม่จ่ายได้ไหม? (ซึ่งบางส่วนก็เลื่อนจากเดือนหนึ่งมาจ่ายอีกเดือนอยู่แล้ว)

เล่าสู่กันฟังครับ (..ยังไม่เครียดเท่าไหร่..)

ด้วยความเคารพ

2 ความคิดเห็น: