พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
เป็น จิตของกวนอิมทั้งหมด
หรือ เป็นกวนอิมพระเจ้า
องค์นี้เป็นธยานิโพธิสัตว์ ดำรงอยู่ในสภาวะกายทิพย์
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มาเนิ่นนาน
นับเป็นกาลเวลาก็สุดจะคณานับได้
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่เป็นกวนอิมต้นกำเนิด(พระเจ้า) และกวนอิมมนุษย์ทั้งหมดล้วนเป็นจิตหนึ่งของท่าน
แท้จริงแล้ว พระอวโลกิเตศวร(กวนอิมต้นกำเนิด) ท่านเป็นพระพุทธเจ้านาม พระสัทธรรมวิทยาตถาคต
- ในคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร ได้กล่าวไว้ว่า
" ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระองค์นี้ มีฤทธานุภาพไพศาลเหนือการคาดคะเนตรึกคิด
- ในคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร ได้กล่าวไว้ว่า
" ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระองค์นี้ มีฤทธานุภาพไพศาลเหนือการคาดคะเนตรึกคิด
ในอดีตกาลล่วงมานับประมาณกัลป์มิได้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้ ตรัสรู้พระสรรเพชุดาญาณ พระนามว่า
สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่
จึงมีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จำนวนมหาศาล ให้บังเกิดขึ้น
เพื่อยังความสุขศานติให้สำเร็จแก่สรรพสัตว์ แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว) "
- การบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าและการเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นกายทิพย์ในแดนพุทธเกษตร เป็นผู้บรรลุธรรม
ส่วนกวนอิมมนุษย์นั้น เป็นจิตที่กวนอิมพระเจ้า(พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)ลงไปสถิตอยู่ด้วย
กวนอิมที่เป็นมนุษย์ในโลกมนุษย์ใบนี้มี 2
องค์ คือ
1.
กวนอิมพันมือ(พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)บางตำนานบอกว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวนอิมพระเจ้า)แบ่งภาคลงไปเป็นกวนอิมมนุษย์(กวนอิมพันมือ)ถึง
58 ขาติ เพื่อโปรดสรรพสัตว์
โดยชาติสุดท้ายเกิดเป็นองค์หญิงเมี่ยวซ่าน ด้วยเหตุนี้เมี่ยวซ่าน จึงเป็นจิตหนึ่งของกวนอิมพันมือ เมี่ยวซ่านเกิดเมื่อ 10,000 กว่าปีก่อน
- ส่วนพรรณวดีศรีโสภาคซึ่งเป็นกวนอิมไทย
ก็เป็นจิตหนึ่งของกวนอิมพันมือ แต่น่าจะเป็นการอวตารลงไปของกวนอิมเมี่ยวซ่าน
2. กวนอิมประทานพร องค์นี้ก็เป็นคนจีนเหมือนกัน เกิดเมื่อ 4,000 ปีก่อนพุทธกาล องค์นี้จะถือกิ่งหลิว
และแจกัน เตรียมประทานพร
กวนอิมประทานพร เดิมทีเป็นผู้ชาย ลองอ่านที่หลวงพ่อดำ อานาลโย เขียนไว้
หลวงพ่อดำเป็นผู้ที่สงสัยในเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวกับโลกวิญญาณ ความปฏิกังขาในเรื่องความเป็นมาของพระแม่กวนอิมองค์นี้ หลังจากนั้นในขณะที่หลวงพ่อดำเจริญกรรมฐานอยู่นั้นได้ปรากฏภาพบุรุษผู้งามสง่าเส้นเกศามวย
ย้อยไปทางหลังเข้ามายืนตรงหน้า
"เรา
นี่แหละคือผู้ที่ท่านอยากรู้ อยากเห็น ที่มนุษย์ชาติทั้งหลายเรียกว่า
เจ้าแม่กวนอิม อยากรู้เห็นแท้จริงเรานั้นเป็นผู้ชาย".............
หลังจากนั้นพระแม่กวนอิมที่ชาวโลกทั้งหลายกล่าวสรรเสริญ ถึงท่านในเรื่องราวต่างๆ ท่านได้มีเมตตาเล่าประวัติความเป็นมาต่างๆ ของท่านให้หลวงพ่อดำทราบใจความว่า
"แท้จริงแล้วใน สมัยที่เราเป็นมนุษย์นั้น เราเองเป็นผู้ชายก็มีครอบครัวมีลูกเมียเหมือนกันเช่นคนอื่นๆ เขา แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ชอบในเรื่องเหล่านี้ จิตใจมีความใฝ่ในการศึกษาพระธรรมปฏิบัติธรรม แม้กระนั้นก็มิวายที่จะมีผู้หญิงมาตามรบกวนเย้ายวนข้าพเจ้าอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้าจึงได้อธิษฐานว่า จะทำอย่างไรก็ได้ขอให้อวัยวะเพศนี้หลุดออกไปจากร่างกายเราได้เพื่อไม่ให้ผู้หญิงมารบกวน"
"ต่อมา ท่านวิษณุกรรม ได้แปลงกายเป็นโคมางับอวัยวะเพศของข้าพเจ้าจนขาด จากนั้นชีวิตของข้าพเจ้าจึงตั้งอยู่แต่ในความเมตตา ประกอบคุณงามความดี รูปร่างที่ปรากฏจะดูเป็นเพศหญิงที่สื่อแสดงออกให้ทราบถึงความมีเมตตาให้ผู้คนได้รับรู้ และสิ่งที่ผู้คนทั้งหลายหากนับถือเจ้าแม่กวนอิมแล้วจะไม่กินเนื้อวัว ควาย เนื่องเพราะสัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ที่มีคุณต่อมนุษย์ ทำประโยชน์ทำนาสร้างคุณแก่มนุษย์ ผู้คนจึงไม่นิยมกินเนื้อสัตว์"
พระอาจารย์ชิงไห่ก็เป็นกวนอิม แต่ไม่รู้ว่าจะจัดเป็นกวนอิมพันมือหรือเปล่า เพราะกวนอิมประทานพร และ กวนอิมพันมือ ล้วนเป็นอาจารย์ทางจิตของท่าน
- ส่วนกวนอิมที่เป็นคนฟิลิปปินส์
ชื่อ วีณา องค์นี้ กวนอิมประทานพรเป็นอาจารย์ทางจิตของท่าน
ในมหากรุณาธรณีสูตร องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้ทรงมีพระดำรัสสรุปความแก่บรรดา พุทธโพธิสัตว์ และทวยเทพในที่ประชุมว่า
"แท้ที่จริงแล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ ได้สำเร็จธรรมในขั้น "พุทธะ" เมื่อครั้งหลายแสนกัปมาแล้ว ทรงพระนามว่า "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" แต่ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะโปรดเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ให้มาร่วมกันฉุดช่วยเวไนยสัตว์มากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ในทะเลทุกข์ พระองค์จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีก"
ในมหากรุณาธรณีสูตร องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้ทรงมีพระดำรัสสรุปความแก่บรรดา พุทธโพธิสัตว์ และทวยเทพในที่ประชุมว่า
"แท้ที่จริงแล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ ได้สำเร็จธรรมในขั้น "พุทธะ" เมื่อครั้งหลายแสนกัปมาแล้ว ทรงพระนามว่า "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" แต่ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะโปรดเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ให้มาร่วมกันฉุดช่วยเวไนยสัตว์มากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ในทะเลทุกข์ พระองค์จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีก"
0 comments:
แสดงความคิดเห็น