คุณส.ถาม
เรียนคุณ Phonsak
จากที่คุณ Phonsak ตอบเรื่อง "ความรู้ลึกๆเรื่องแดนสุขาวดี
และ พระพุทธเจ้า ที่คนทั่วไปไม่รู้"
มีเรื่อง พระโพธิสัตว์จากแดนสุขาวดีและสวรรค์ดุสิต ที่ผมอยากทราบเรื่องนี้มานานเหมือนกัน
พออ่านเรื่องนี้เลยสะกิดต่อมความสนใจใคร่รู้ของผมเพิ่มขึ้นมาอีก
ในเมื่อพระโพธิสัตว์ที่บรรลุธรรมแล้วมาจุติเป็นมนุษย์มีที่มา
2 ทางนั้นแสดงว่าพระโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์ที่บรรลุธรรมแล้วก็ต้องมีที่ไป
2 ทางเช่นเดียวกันคือ
1. จุติที่สวรรค์ดุสิต
ตามความเข้าใจของผมพระโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์เมื่อบรรลุธรรมแล้วและละสังขารจุติที่สวรรค์ดุสิต
เพราะมีปณิธานที่จะสร้างบารมีเพื่อบรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบนโลกมนุษย์
2. จุติที่แดนสุขาวดี ตามความเข้าใจของผมพระโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์เมื่อบรรลุธรรมแล้วและละสังขารจุติที่แดนสุขาวดี
เพราะสร้างบารมีมาดีแล้วและปรารถนาที่จะฉุดช่วยสัตว์โลกตลอดไป และเมื่อถึงคราวที่โลกมนุษย์เดือดร้อน
ก็จุติหรืออวตารมาช่วยตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น พระกวนอิมปางต่างๆ
ที่บรรลุตามแนวทางของพระอวโลกิเตศวร และล่าสุดในบทความคือพระเยซูองค์แรก
คุณ Phonsak กรุณาให้ความกระจ่างเพิ่มเติมด้วยครับ
ด้วยความนับถือ
Phonsak ตอบ
1. จุติที่สวรรค์ดุสิต คำอธิบายของคุณถูกต้อง
80% ผมและคุณส.ก็ต้องไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต เพราะเป็นนิตยโพธิสัตว์ที่ถูกfixไว้แล้วว่า
ต้องเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ผมเป็นองค์แรก
นาม รามะพุทธเจ้า หรือรามพุทธเจ้า รามคือขุนราม
หรือพ่อขุนรามคำแหง ในอดีตชาติประมาณ 700 ปี ผมเคยเกิดเป็นพ่อขุนราม ส่วนคุณส.เป็นพระพุทธเจ้าองค์
2 ต่อจากผม (พระธรรมราชาพุทธเจ้า)
เทพเจ้าไฉ่ชิงเอี้ย ที่เป็นพระราหูขาว ท่านก็อยู่ในชั้นดุสิต แต่ทำหน้าที่อื่นคือ สร้างความเป็นมงคล ให้ความมั่งคั่งร่ำรวย ให้โชคลาภ ในขณะที่พระยาอสุรินทราหูที่จะเกิดเป็นพระนารทะพุทธเจ้า ผมเคยเจอท่าน ท่านคือหลวงปู่พระมหาผิน สุมโน ตอนนี้กินตำแหน่งพระราชเลขาของเทพเจ้าไฉ่ชิงเอี้ย องค์นี้ต้องลงไปเกิดเรื่อยๆ เพื่อสร้างบุญบารมีให้เพียงพอเป็นพระพุทธเจ้า ในขณะที่เทพเจ้าไฉ่ชิงเอี้ยคงจะไม่ลงไปเกิดแล้ว เพราะมีงานประจำที่ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด
พึงสังเกตว่า
พลังงานที่เป็นพระราหู เป็นหน่อพุทธภูมิ
สามารถอวตารไปเกิดได้หลายองค์ เกิดในยุคเดียวกันก็ได้ ดังเช่น ร.4 กับหลวงปู่ศุข วัดคลองมะขามเฒ่า ก็เกิดในยุคเดียวกัน ตอนนี้ ร.4 ไปเกิดเป็นใครผมก็ไม่รู้
แต่สายพระธรรม หลวงปู่ศุขมาเกิดเป็นคุณส. แต่คุณส.มีลูกมีเมียและมีพันธะต้องดูแลครอบครัว พระอมิตาเลยปล่อยคุณส.ไปก่อน 1 ชาติ
ชาติหน้าค่อยให้เป็นพระอรหันต์ สายนี้เป็นสายตรงที่ทำให้เกิด
พระธรรมราชาพุทธเจ้า
2. จุติที่แดนสุขาวดี คำอธิบายของคุณส.ผมคิดว่า ยังไม่ถูกต้อง ธรรมกาย และกายทิพย์อมตะ หรือพุทธนิมิต(สัมโภคกาย) สิ่งนี้อยู่ในเมืองนิพพาน(แดนสุขาวดี)อยู่แล้ว ธรรมกายและสัมโภคกาย
เป็นกาย+จิตที่มีอยู่แล้ว เป็นพระเจ้าอยู่แล้ว เพียงแต่กายจิตพระเจ้านี้ไม่แสดงบทบาทอะไร
คล้ายกับหลับไป แล้วลงไปทำหน้าที่เป็นมโนธรรมสูงสุดในจิตใจให้กับมนุษย์+ วิญญาณธาตุ
หรือกายฝันของตัวเองที่อยู่ในปรโลก
ถ้ามนุษย์และวิญญาณธาตุนั้นยังไม่บรรลุธรรม กายจิตพระเจ้า หรือ
ธรรมกาย และกายทิพย์อมตะ หรือพุทธนิมิต(สัมโภคกาย) ที่อยู่ในเมืองนิพพาน(แดนสุขาวดี)ก็ยังตื่นไม่ได้
ต้องทำหน้าที่มโนธรรมสูงสุดในจิตใจให้กับมนุษย์และวิญญาณธาตุ(อาทิสมานกาย)ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
พระพุทธเจ้าให้บริกรรมพุทโธ ซึ่งแปลว่า ตื่นแล้ว รู้ตัวแล้ว
พระพุทธเจ้าท่านกำลังบอกเราว่า
พวกเราทุกคนกำลังฝันอยู่ การยึดติดและคิดปรุงแต่งในกรรม, กิเลสตัณหาและอวิชชา เป็นตัวทำให้กายแท้
หรือธรรมกายและสัมโภคกายของเราฝันไปเรื่อยๆว่า ทุกอย่างมีจริง ทั้งๆที่จักรวาลแท้จริงมันไม่มีอะไรเลย จักรวาลแท้จริงมันว่างเปล่า การยึดติดคิดปรุงแต่งกรรม, กิเลสตัณหาและอวิชชา เป็นตัวสร้างภาพมายาเสมือนจริง ให้ดูเป็นของจริง
ทุกอย่างรอบตัวเราเป็นแค่สิ่งลวงตาลวงจิต
ถ้าเรายึดติดแล้วคิดปรุงแต่งเมื่อไร ทุกอย่างมันก็มีอยู่จริง แต่ถ้าเราไม่ยึดติด+ไม่คิดปรุงแต่ง ทุกอย่างมันก็ไม่มีอยู่จริง
7 เดือนก่อน
ผมบรรลุธรรมอย่างน้อยก็อนาคามี ผมได้ธรรมกายอนาคามี
และกายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย) ผมเลยปล่อยธรรมกายอนาคามี
และกายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย)
ออกไปเยี่ยมเพื่อนฝูงในเมืองนิพพาน(แดนสุขาวดี)สักหลายเดือน กายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย)ของ Phonsak มาบอกว่า ตอนนี้เรา(ทั้งธรรมกายอนาคามีและสัมโภคกาย)กำลังต่อสู้กับกิเลสตัวหนึ่ง ถ้าเอาชนะไม่ได้ เราก็ต้องมาอยู่ในจิตเธออีก ยังกลับเมืองนิพพาน(แดนสุขาวดี)ไม่ได้ถาวร
ผมเลยถามท่านว่า “กิเลสตัวหนึ่งที่ท่านเอาชนะไม่ได้ คือ
ราคะใช่ไหม?”
กายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย)ของ Phonsak ตอบว่า “ใช่ เธอช่วยเราได้ไหม?”
ผมตอบว่า "กำจัดราคะผมช่วยได้
แต่ผมไม่ช่วย ผมสัญญากับลูกสาวพญามารเอาไว้ เขามาขออยู่ในจิตของผมต่อไป ผมก็รับปากไปแล้ว อีกอย่างท่านให้ผมขจัดราคะ
ผมก็กามตายด้านทางกายทางใจไปเลยซิ ผมไม่เอาครับ ผมไม่อยากกลับเมืองนิพพานในตอนนี้ ต้องให้ราคะมันทำให้ผมเกิดเป็นโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์ต่อไป"
หลังจากวันนั้น อนาคามีพลศักดิ์ ก็ไม่โผล่หัวมาให้ผมเห็นอีกเลย ผมแค่ให้ท่านไปเยี่ยมทักทายเพื่อนฝูงสักเดือน 2 เดือน พอกลับมา
ท่านดันมาขอร้องให้ผมเป็นขันทีเหนือขันที คือ เป็นกามตายด้านทางกาย และทางใจ
ซะแล้ว เหมือนพระเยซูที่เป็นมนุษย์
ที่มีลูกกับแมรี่ แม็กดาลีน เป็นทารกที่ไม่ได้เกิดจากการผสมพันธุ์แบบมนุษย์ ขืนผมยอม ผมเห็นผู้หญิงสวย แล้วไม่มีราคะ ผมก็ไม่อยากมีเพศสัมพันธุ์ด้วย แล้ววันหนึ่งถ้าผมอยากมีลูก ลูกของผม
ก็กลายเป็นเด็กที่ไม่ได้เกิดจากการผสมพันธุ์แบบมนุษย์ไป
0 comments:
แสดงความคิดเห็น