A A

5 กรกฎาคม 2558

ถาม-ตอบเรื่อง: พระพุทธเจ้า-อรหันต์จิตไม่กำเริบแล้ว หลวงตาบัว เป็นอรหันต์ จิตกำเริบเสมอ‏‏ ‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

Supermarn ถาม:

1. พวกที่เน้น นั่งสมาธิ นั่นแหล่ะ ที่ จะเสียเวลา เรื่อง การเข้าถึงกฎของไตรลักษณ์  ฝึกสติปัฏฐานสี่ไปเลย ไม่ใช่นั่งหลับตา หรือ นั่งสมาธิ  ฝึกแต่จิตรู้ ตัวเดียว เท่านั้น ก็พอ
2. ทำไม ต้องเข้าไปอยู่ในนิพพาน แล้ว ไม่ออกมา (ปรินิพพาน) หรือ หรือ ไม่มีที่อยู่ ที่ดีกว่านี้หรือ  ผมก็ขอบอกว่า ก็เพราะ ปัญญาของพวกเขาเหล่านั้น มันได้แค่นั้นจริงๆ

ตอบ

1. ผมต้องการเตือนผู้ที่ฝึกแต่สติเท่านั้น  เพราะคนเหล่านั้นมีแนวทางให้เห็นว่า ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นของไม่จริง เป็นมายา  รวมทั้งบุญบาปด้วย  นั่นเป็นระดับโลกุตตระธรรม แต่ในระดับโลกเรื่องของบุญบาปมันมีจริง  ผมกลัวพวกฝึกแต่สติ แล้วไม่สามารถปรินิพพานได้ในชาตินี้  จะไปหลงกลมาร  เลยไม่ยอมทำบุญเพื่อไว้ใช้ในชาติหน้า

2. พวกที่ปรินิพพานซิครับ  เป็นพวกที่ไม่มีอะไรทำ  เพราะเป็นจิตว่างเฉยๆ  ส่วนพวกที่นิพพาน = พวกที่อยู่ในเมืองนิพพาน(พุทธเกษตร)อย่าไปคิดว่า พวกท่านไม่มีอะไรทำนะครับ  งานของพวกท่านยุ่งมากกว่ามนุษย์ในโลกหลายสิบ หลายร้อยเท่า  เนื่องจากต้องช่วยทุกจิตให้เข้าถึงเมืองนิพพาน และปรินิพพาน  และต้องควบคุมกฎแห่งกรรมให้ทำงานตามปกติ  จนพวกท่านต้องมีการแบ่งจิต  อวตารจิตตัวเองออกไปมากมาย  เจ้าแม่กวนอิมมีเป็นร้อยๆพันๆองค์เลย

ส่วนพระพุทธเจ้าของเราก็มีเป็นหมื่นๆองค์ในโลกมนุษย์ ในเมืองนิพพาน ในพุทธภูมิ  แม้แต่ในเมืองนรก  มีเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่อยู่ในปรินิพพาน  ผมรู้เรื่องนี้ดี  ผมเคยคุยกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า เจ้าแม่กวนอิม เง็กเซียน พระราหูขาว(ไฉซิ๊งเอี้ย) พระกกุสันธะพุทธเจ้า  พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์  พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ฯลฯ  พวกท่านแทบไม่มีเวลาตอบคำถามธรรมผมเลย  ตอบได้สั้นๆ 1-2 ประเด็นเท่านั้น แล้วพวกท่านก็รีบไป

อรหันต์หลุดได้  แบบนั้น เรียกว่า อรหัตตมรรค จ่ะ
ไม่ใช่อรหัตตผลจ่ะ


dhammajak โพสต์

ตอบ

อรหัตตมรรค ยังมีเวทนาให้กำหนดรู้  เพราะจิตไปเอาเรื่องราวภายนอกหรือเรื่องของโลก เข้ามานึกคิดปรุงแต่ง.......อรหัตตผล..ไม่มีเวทนา เพราะจิตไม่ไปเอาเรื่องราวภายนอกหรือเรื่องของโลก เข้ามานึกคิดปรุงแต่ง  จิตจึงรู้ ก็สักแต่ว่ารู้ จำไว้ให้ดี
อรหัตตมรรค ยังมีเวทนา(อารมณ์ ความรู้สึก)ให้กำหนดรู้.......อรหัตตผล..ไม่มีเวทนา

หลวงตาบัว เป็นอรหันต์ห่วยแตก จิตกำเริบเสมอ
  เพราะทะลึ่งไปเอาเรื่องราวภายนอกหรือเรื่องการเมืองที่ตนเองไร้เดียงสา มาด่าทักษิณ  คนที่ไม่เห็นด้วยกับหลวงตาบางท่านก็เลยด่าหลวงตาด้วยจิตอกุศล  ทำให้เขามีบาปติดตัว  ผมจึงบอกว่า  หลวงตาบัว เป็นอรหันต์ห่วยแตกยังไงล่ะ

พระพุทธเจ้า-อรหันต์จิตไม่กำเริบแล้ว
  เพราะท่านตรัสรู้ว่าพอออกจากฌาน จิตก็ไปเอาเรื่องราวภายนอก เข้ามานึกคิดปรุงแต่ง  จึงมีทุกข์อยู่  ท่านจึงคิดวิชาสติปัฏฐาน 4 ที่ทำให้จิตไม่กำเริบอีก ไม่ทุกข์อีก มาสอนพวกเรา

เจ้าของกระทู้เขียนว่า : ตั้งแต่พุทธกาลมา มีผู้ประกาศตนว่า ตนเอง เป็นพระ อรหันต์  มีมากมาย  คือมีทั้งพระอรหันต์แท้  และพระอรหันต์เทียม  พระอรหันต์ ของแท้  ที่ท่านประกาศตัว  ตั้งแต่สมัยพุทธกาล จนถึงปัจจุบันนี้  เท่าที่ ผมทราบ  มีอยู่  3  องค์  คือ              
   1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  
   2. พระปิณโฑลภารทวาชะ
   3. หลวงตามหาบัว

ตอบ

ผมว่าคุณแบ่งอรหันต์ เป็นอรหันต์แท้และอรหันต์เทียม ไม่ถูกต้องนะครับ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอรหันต์ ก่อนจะประกาศว่าเป็นพระพุทธเจ้านะครับ  แต่ความเป็นอรหันต์ของท่าน ตอนนั้นมันไม่แน่น  หลุดออกจากความเป็นอรหันต์ได้ เมื่อท่านออกจากสมาธิ

พระพุทธเจ้าท่านจึงต้องไปฝึกต่อ  แล้วพบว่า สิ่งที่พระอาจารย์ต่างๆสอนให้ทำแค่สมถะ(สมาธิ)อย่างเดียว  ไม่ทำสติปัฏฐาน 4 หรือเจริญวิปัสสนาเลย  เป็นเหตุให้ความเป็นอรหันต์ของท่านหลุด เพราะจิตพอออกจากสมาธิ ก็ไปนำเรื่องราวภายนอกมาคิดนึกปรุงแต่งอีก  ทำให้ความทุกข์ยังเข้ามาเยือนได้

ต่อมาเมื่อท่านใช้สติปัฏฐาน 4 จิตก็ได้ปัญญาวิมุตติ  จิตรู้ว่า ถ้าไม่นำเข้าเรื่องราวภายนอกเข้ามาในจิตว่าง คือรู้ก็สักแต่ว่ารู้  จิตจึงจะว่างเปล่าได้ตลอด  และจะไม่ส่งออกอารมณ์ใดๆ  ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดความทุกข์อีก  ท่านจึงเป็นอรหันต์ถาวร  ที่จิตไม่กำเริบ  จิตไม่หลุดออกไปหาอารมณ์ทุกข์ใดๆ ความเป็นอรหันต์ของท่านจึงถาวร ไม่หลุดออกอีก  ท่านจึงประกาศว่า   ท่านเป็นพระอรหันต์ที่จิตไม่กำเริบแล้ว  และเป็นตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนหลวงตามหาบัวนั้น เป็นอรหันต์ที่มือไม่ถึงขั้นครับ  จะเรียกว่า
 "หลวงตามหาบัว เป็นอรหันต์ห่วยแตกก็ได้" เพราะท่านเป็นอรหันต์ที่ไม่ถาวร เป็นแค่วันเดียว หลังจากนั้น  จิตหลวงตามหาบัวก็กำเริบตลอดแหละครับ  จิตหลุดออกไปหาอารมณ์ทุกข์อยู่เรื่อยไป  เพราะจิตไปนำเข้าเรื่องการเมือง  ทำให้ส่งออกอารมณ์โกรธเกลียดและไม่พอใจของตนเอง

ในวาระสุดท้ายของหลวงตา  ถ้าจิตยังส่งออกอารมณ์อีก  หลวงตามหาบัวก็ต้องกลับมาเกิดอีก

0 comments:

แสดงความคิดเห็น