อ้างจาก: วงกลมจุด
ตอบ
เจ็บ ป่วย = จิต(เจตสิก)ไปดึงเอาความเสื่อมสภาพของรูป(ร่างกาย)เอามาเป็นตัวมัน
shart.com โพสต์
ตอบ
คุณถามได้ดีมาก ถ้าฝ่ายเถรวาทไม่ยอมรับว่า ธรรมกาย(ธรรม+กาย) เป็นนามรูปที่สูงขั้นโลกุตตระ ก็เท่ากับไม่ยอมรับว่ามีอายตนะนิพพาน และถ้าไม่ยอมรับว่าปรินิพพานเป็นนามรูปที่เป็นจิตว่างเฉยๆ พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานไปแล้ว ท่านก็หายสาบสูญไปเฉยๆเลย และท่านจะพูดว่าปรินิพพานเป็นความสุขที่ยิ่งยวดได้อย่างไร ในเมื่อท่านหายไปแล้วชั่วนิรันดร จะเอาอะไรไปเสพสุขเมื่อไม่มีนามรูป(จิต)
แล้วถ้ากายทิพย์สัมโภคกาย ไม่มีจริง และไม่ใช่นามรูปขั้นโลกุตตระ ที่ใช้ทำงานจริงๆ ที่เรียกว่า พระโพธิสัตว์อรหันต์ สิ่งที่พระพุทธเจ้าไปสอนทางมหายานแบบนั้น = ท่านไปโกหกตอแหลพวกมหายานทั้งนั้น
ความรู้ทางศาสนาจะรู้ยิ่งๆขึ้นไป ต้องปฏิบัติทั้งทาน ศีล สมถะและวิปัสสนา ข้ามภพข้ามชาติไปเรื่อยๆ ผมเป็นผู้ปฏิบัติได้สูงสุดและดีที่สุด ของบรรดามนุษย์ที่ลงมาเกิดในโลกใบนี้แล้ว แม้แต่พระอรหันต์ผมก็สอนได้
นาม-รูป ที่เป็นอสังขตธรรม ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลสก็มีจ่ะ ศาสนาอื่นเรียกนามรูปนั้นว่า "พระเจ้า" ศาสนาพุทธเรียกนามรูปที่่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส นั้นว่า "พระวิสุทธิเทพ"
ถ้ารูปคุณ ไม่รู้อะไร แสดงว่า ไม่เจ็บ หรือจ๊ะ ไม่ป่วย ไม่ถดถอย หรือจ๊ะ
ตอบ
เจ็บ ป่วย = จิต(เจตสิก)ไปดึงเอาความเสื่อมสภาพของรูป(ร่างกาย)เอามาเป็นตัวมัน
ก้อนหินมันไม่ดึงเอาความเสื่อมสภาพของรูป
มาเป็นตัวมัน มันเลยไม่เจ็บป่วย ก้อนหินมันจะแตกสลายไป
มันก็ไม่รู้สึกทุกข์ใดๆ
ทุกข์ใดๆที่มนุษย์ได้รับ
มนุษย์ล้วนไปเอาเรื่องราวภายนอกมาเป็นตัวเอง แล้วไปคิดนึกเอาเองทั้งนั้น
มันจึงเป็นทุกข์
พระพุทธเจ้าของเราสอนให้รู้ก็สักแต่ว่ารู้
เห็นหรือได้ยิน ก็สักแต่ว่าเห็น หรือสักแต่ว่าได้ยิน ถ้าไปเอาเรื่องที่รู้
ที่เห็น ที่ได้ยิน มาใส่ลงไปในสมองหรือจิตตนเองมันก็มีแต่ทุกข์ หรือถ้ามีสุข
ก็เป็นสุขที่ไม่ถาวร
สติปัฏฐาน 4 หรือวิปัสสนา
และการทำสมาธิ ล้วนเป็นวิธีการ ที่ทำให้เรารู้ความจริงเรื่องนี้
แล้วแยกจิต(เจตสิก)ของเราออกจากร่างกาย(รูป)
เนื่องจากจิตแท้(นิพพาน)ของเราเข้าไปสิงสู่แนบสนิทกับ
จิตเทียมและร่างกายเทียม จนเราแยกไม่ออก เราเลยไปนึกว่าพวกมันเป็นของจริง พอกายเราเสื่อม
เราเลยเจ็บ พอใจเราเจ็บ โดนแฟนทิ้ง เราจึงเศร้า
อ้างถึง
นาม รูป ข้อ 1. และ 2.
ยอมรับได้ แต่ ข้อ 3, 4,
5. ฝ่ายเถรวาทรับไม่ได้
นิพพาน ที่ไหน มีนาม -รูป พระนิพพาน เป็นสภาวธรรม ที่ ไม่มีสิ่งใดปรากฏ เป็นอสังขตธรรม
นาม-รูป เป็นสังขตธรรม สามารถถูกปรุงแต่ง ด้วยกิเลส ได้ พลศักดิ์ มั่วอีกแล้ว
นิพพาน ที่ไหน มีนาม -รูป พระนิพพาน เป็นสภาวธรรม ที่ ไม่มีสิ่งใดปรากฏ เป็นอสังขตธรรม
นาม-รูป เป็นสังขตธรรม สามารถถูกปรุงแต่ง ด้วยกิเลส ได้ พลศักดิ์ มั่วอีกแล้ว
shart.com โพสต์
ตอบ
คุณถามได้ดีมาก ถ้าฝ่ายเถรวาทไม่ยอมรับว่า ธรรมกาย(ธรรม+กาย) เป็นนามรูปที่สูงขั้นโลกุตตระ ก็เท่ากับไม่ยอมรับว่ามีอายตนะนิพพาน และถ้าไม่ยอมรับว่าปรินิพพานเป็นนามรูปที่เป็นจิตว่างเฉยๆ พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานไปแล้ว ท่านก็หายสาบสูญไปเฉยๆเลย และท่านจะพูดว่าปรินิพพานเป็นความสุขที่ยิ่งยวดได้อย่างไร ในเมื่อท่านหายไปแล้วชั่วนิรันดร จะเอาอะไรไปเสพสุขเมื่อไม่มีนามรูป(จิต)
แล้วถ้ากายทิพย์สัมโภคกาย ไม่มีจริง และไม่ใช่นามรูปขั้นโลกุตตระ ที่ใช้ทำงานจริงๆ ที่เรียกว่า พระโพธิสัตว์อรหันต์ สิ่งที่พระพุทธเจ้าไปสอนทางมหายานแบบนั้น = ท่านไปโกหกตอแหลพวกมหายานทั้งนั้น
ความรู้ทางศาสนาจะรู้ยิ่งๆขึ้นไป ต้องปฏิบัติทั้งทาน ศีล สมถะและวิปัสสนา ข้ามภพข้ามชาติไปเรื่อยๆ ผมเป็นผู้ปฏิบัติได้สูงสุดและดีที่สุด ของบรรดามนุษย์ที่ลงมาเกิดในโลกใบนี้แล้ว แม้แต่พระอรหันต์ผมก็สอนได้
นาม-รูป ที่เป็นอสังขตธรรม ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลสก็มีจ่ะ ศาสนาอื่นเรียกนามรูปนั้นว่า "พระเจ้า" ศาสนาพุทธเรียกนามรูปที่่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส นั้นว่า "พระวิสุทธิเทพ"
0 comments:
แสดงความคิดเห็น