A A

18 กรกฎาคม 2558

ภพภูมิมนุษย์มันดีและประเสริฐกว่าภพภูมิอื่นตรงไหน? ทำไมสัตว์เดรัจฉาน เปรต ยักษ์ สัตว์นรก แม้แต่เทวดา และ พรหม ฯลฯ ต่างก็อยากมีโอกาสเกิดเป็น“มนุษย์”อีกครั้ง‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก  ต้องมีบุญมาก  สรรพชีวิตในชั้นภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ เช่น เทวดา และ พรหม  ต่างยอมรับว่า “มนุษย์” เป็นภพภูมิที่ประเสริฐที่สุด  นอกจากนี้ จิตวิญญาณที่ท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ไม่ว่าจะในภพภูมิใด เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต ยักษ์ สัตว์นรก หรือเป็นเทวดา เป็นพรหม ฯลฯ  ต่างก็อยากมีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้ง  ถ้าภพภูมิมนุษย์ไม่ได้เป็นภพภูมิที่ดีที่สุดและประเสริฐที่สุดแล้ว  ทุกสรรพชีวิตจะอยากมาเกิดเป็นมนุษย์อีกทำไม

ภพภูมิมนุษย์มันดีและประเสริฐกว่าภพภูมิอื่นตรงไหน?

ภพภูมิมนุษย์ไม่ใช่มีความสุขกว่าภพภูมิสวรรค์หรือพรหมแต่อย่างใดนะครับ  สาเหตุสำคัญที่สุดที่เทวดา พรหม ฯลฯ  ต่างก็อยากมีโอกาสเกิดเป็น มนุษย์อีกครั้ง ก็คือ ภพภูมิอื่นๆ เป็นภพภูมิแห่งการขาดสติ หรือมีสติไม่สมบูรณ์  เช่น

-   ภพภูมินรก  จิตของผู้ตกนรก ก็จะโดนกรรมชั่วที่ตนเองก่อไว้ ตามหลอกหลอนให้ทนทุกข์จากการโดนดาบ โดนหอกแทง  โดนเฆี่ยนตี และโดนไฟนรกเผาเป็นทุกข์ตลอด  เวลาที่จะไปคิดได้ว่า  หอกดาบและไฟนรกไม่มีจริง  เป็นแค่ภาพมายาเสมือนจริงที่มาหลอกเท่านั้น  แค่เวลาคิดยังไม่มีเลย  จะไปมีเวลาที่มีสติมากพอไปพิจารณาความจริงว่าหอกดาบและไฟนรกไม่มีจริง  เป็นแค่มายาได้อย่างไร  เพราะสัตว์นรกต่างโดนบาปกรรมบังตาบังจิตของพวกเขาไว้ตลอดเวลา

-   ภพภูมิแห่งความสุข  จิตของผู้ที่อยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ  พวกเขาก็จะเสพสุขอยู่ตลอดเวลา  ผลบุญจะนำความสุขมาบังตาบังจิตของพวกเขาเอาไว้ตลอดเวลาเช่นเดียวกับพวกที่ตกนรกที่โดนผลบาปบังตาบังจิตเอาไว้

ในขณะที่ภพภูมิมนุษย์  มนุษย์สามารถเห็นการเสพทุกข์ เสพสุขของทุกชีวิตในทุกระดับ  นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีเวลาเหลือเฟือ พอที่จะพิจารณาความจริงของชีวิตด้วย  มีช่วงเวลาที่เขาประสพทุกข์ในชีวิต  และก็มีช่วงเวลาที่เขาประสพสุขในชีวิต  ถ้ามนุษย์คนนั้นใช้เวลาพิจารณาความจริงของชีวิต  เขาก็จะเห็นกฎแห่งอนิจจังและทุกขังของทุกชีวิต  และก็จะเห็นการทำงานของกฎแห่งกรรม หรือการทำงานของกฎที่พระเจ้ากำหนดให้มนุษย์เดินตาม ฯลฯ

เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  และก็อย่าไปหลงมัวเมาเรื่องของสุขทุกข์ทางโลกมากเกินไป  จนไม่มีเวลาหันมาปฏิบัติเพื่อปรับระดับจิตใจของตนเองให้ดีขึ้น  ไม่ใช่เกิดมาแล้ว  ก็มัวแต่หลงมัวเมาหาความสุขจากการเบียดเบียนผู้อื่น  พอถึงวันที่ทุกท่านม่องเท่งไปแล้ว  ก็หมดเวลาของท่านแล้วนะครับ

ผมก็เตือนทุกท่านได้เพียงเท่านั้น  ตราบใดที่ทุกท่านยังมีโอกาสอยู่ในโลกมนุษย์  ท่านก็ยังไม่หมดเวลาปฏิบัติเพื่อปรับระดับจิตใจของตนเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

พระพุทธเจ้าตรัสด้วยว่า เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ(คนดีและสงบที่พร้อมมูลด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ)”  โดยเฉพาะสุดยอดแห่งสัตบุรุษ เช่น ผม Phonsak ที่กล้าเปิดเผยความลับของฟ้าในทุกเรื่อง โดยไม่สนใจคำพูดและการกล่าวหาของคนอื่นว่า “บ้าหรือเพี้ยน” เพราะถ้าผมบ้าหรือเพี้ยน  พระโคดมพุทธเจ้าของเราก็บ้าหรือเพี้ยนมากกว่าผม  พระเยซูและนบีโมฮัมหมัดก็บ้าหรือเพี้ยนเช่นเดียวกันกับผม
.............................................................................

แล้วนี่เชื่อไหม?.... เมื่อวานอาทิพุทธเจ้าภาคขาว (พระไวโรจนพุทธเจ้า-พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า) มาบอกให้ผมให้เข้าสมาธิส่งจิตไปคุยกับอาทิพุทธเจ้าภาคดำ(พระติกขะคัมมะพุทธเจ้า-อัลเลาะห์) เอาเอง  ถ้าต้องการจะเปิดเผยความลับของฟ้า  ที่สูงกว่าเรื่องที่หลวงพ่อสดสอน  เพราะพระพุทธเจ้าองค์ปฐมภาคดำ(อัลเลาะห์) คุมเรื่องความยุติธรรมและเที่ยงธรรม   ส่วนท่านเป็นอาทิพุทธเจ้าภาคขาว (พระไวโรจนพุทธเจ้า-พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า)คุมเรื่องความเมตากรุณาปราณี  แต่ระวังเรื่องที่เธอเปิดเผยมันสูงเกินไป  ผู้คนคงรับไม่ได้  จะกล่าวหาว่า เธอบ้านะ

ผมเลยตอบพระไวโรจนพุทธเจ้า(พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า)ไปว่า  ท่านไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมเคยชินกับคำกล่าวหานั่นแล้วครับ  ผมจำเป็นต้องเขียนเรื่องใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้าทุกเรื่องที่ผมรู้  และได้รับอนุญาตจากฝ่ายดำ(เที่ยงธรรม)ให้เปิดเผยได้

2 ความคิดเห็น:

  1. 55555 บ้าดี แต่ต้องครองชีวิตด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยนะ สำคัญต้องมี สติด้วย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เมื่อกี้คลาดเคลื่อนไปเยอะ ทาน ศีล ภาวนา เป็นเครื่องอยู่ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องออก สติเป็นผู้กำกับ เหนื่อยจัง

      ลบ