A A

16 กรกฎาคม 2558

สุดท้ายพวกเราทุกจิต ต้องเข้าเมืองนิพพานด้วยจิตและกายบริสุทธิ์ คืออายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย ให้ได้‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

อ้างถึง

555
ต้องไปฝึกฝีมือการประทานเพิ่มน่ะจ่ะ
เพราะประทาน ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ก็ไม่ได้ น่ะจ่ะ 555


dhammajak โพสต์

ตอบ

ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ มีผู้เดียวที่ประทานได้ ผู้นั้นคือตัวคุณเอง  
เมือคุณละกิเลส  ตัณหา อุปาทานได้หมด คุณก็ไม่มีโรค ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความตาย

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"ดูกรภิกษุ คำว่า ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ
นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ เพราะเหตุนั้น จึงเรียกว่าธรรมเป็นที่สิ้นอาสวะ.
ความสิ้นราคะ ชื่อว่าอมตะ"

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว
(ความสิ้นราคะ ชื่อว่าอมตะภิกษุนั้นได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อมตะๆ ดังนี้ อมตะเป็นไฉน?
ทางที่จะให้ถึงอมตะเป็นไฉน?"

พ. "ดูกรภิกษุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่าอมตะ
อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฎฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ
นี้แลเรียกว่า
ทางที่จะให้ถึงอมตะ."

เป้าหมายสุดท้ายที่พวกเราทุกจิตในทุกศาสนา จะต้องไปให้ถึงคือ เข้าเมืองนิพพานด้วยจิตและกายบริสุทธิ์ คืออายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย ไห้ได้ 
จะเห็นว่า.... ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ ที่เรียกว่าอมตะ และความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ อันเป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ ไม่มีสิ่งใดที่บอกว่า จิต+กายที่กำจัดอวิชชา ออกหมดแล้ว จะสลายหายไปเลย

จิต+กายที่กำจัดอวิชชาออกหมดแล้ว ได้กลับไปเป็นจิต+กายเดิมแท้ ที่เป็นจิต+กายปภัสสรใหม่ต่างหาก พระพุทธเจ้าเรียกจิต+กายตัวนี้ว่า อายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย

อย่างไรก็ตาม จิตปภัสสรใหม่ตัวนี้ ได้ความรู้ใหม่คือมีโปรแกรมกำจัดไวรัสอวิชชา ที่เรียกว่า สติปัฎฐาน 4 ติดตัวตลอดเวลาต่างหาก จึงสามารถเข้าไปอยู่ในเมืองนิพพาน ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า "ฝั่งโน้น" ได้ แทนที่จะอยู่ "ฝั่งนี้" ซึ่งเป็นฝั่งของการเวียนว่ายตายเกิด และมีแต่ทุกข์

นี่คือเป้าหมายสุดท้ายที่พวกเราทุกจิตในทุกศาสนา จะต้องไปให้ถึง ถ้าไปถึงไม่ได้ ก็ต้องทำบุญทำทานรักษาศีล และฝึกสติปัฎฐาน 4 ต่อไป ไม่เช่นนั้น เราก็ยังเข้าเมืองนิพพานด้วยจิตและกายบริสุทธิ์ คือ อายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย ไม่ได้

0 comments:

แสดงความคิดเห็น