พระโคดมพุทธเจ้าของเราเป็นมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า
เป็นมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ส่วนมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 และ 7 เป็นใคร..ลองฟังที่ผมรู้เอาเอง
และผมได้รับคำยืนยันจากพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าด้วย
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ยืนยันว่า ผมพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 ส่วน“พระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 นามว่า พระธรรมราชา ในครั้งพุทธกาลเกิดเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล ชาติก่อนเกิดเป็นหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ในขณะที่ชาตินี้เกิดเป็นคุณส.”
ผมผู้เขียนเรื่องนี้ชื่อ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ในอดีตชาติเมื่อประมาณ 750 ปีก่อนผมเกิดเป็น พ่อขุนรามคำแหง ชาตินี้ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ ทำทานบารมีจนหมดตัวและมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนเจ้าแม่กวนอิม พระอมิตาภะพุทธเจ้า และพระเยซูยอมรับว่า ผมบรรลุธรรมเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณาองค์หนึ่ง
ความเป็นมาของมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 และ 7
พระพุทธเจ้าของเราตรัสว่า ในกาลเมื่อพระพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเสื่อมสูญสิ้นแล้ว ประทีปแก้ว คือพระสัทธรรมนั้น ก็สูญสิ้นไป จนถึงไฟประลัยโลกล้างวินาศฉิบหายสิ้นทั้งแสนโกฏิจักรวาล เพลิงประลัยกัลป์เกิดขึ้นไหม้แผ่นดินภัทรกัปฉิบหายหมดแล้ว สิ้นกาลช้านาน..... ..... ......
ในกาลนั้น บังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกชื่อว่ามัณฑกัปป์ พระพุทธเจ้าจักได้บังเกิด ๒ พระองค์ คือ
- พระรามโพธิสัตว์
- พระเจ้าปเสนทิโกศล (พระธรรมราชา)
ในมัณฑกัป พระรามโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกก่อนพระเจ้าปเสนทิโกศล ...พระธรรมราชา จะเป็นพระพุทธเจ้าในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสว่า พระรามโพธิสัตว์ นี้เป็นใคร แต่ผมรู้ในจิตของผมเมื่อบรรลุธรรมว่า พระรามโพธิสัตว์ คือ พ่อขุนรามคำแหงนั่นเอง คำว่า “ราม” ที่พระพุทธเจ้าเอามานั้น ท่านก็นำมาจาก ท่านมองเห็นอนาคตว่า ในเมืองไทย จะมีพระราชาของไทยองค์หนึ่ง ชื่อ ราม หรือ ขุนราม จิตของรามจะบรรลุเป็นนิตยโพธิสัตว์ ในชาติที่เกิดมาชื่อ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ซึ่งจะทำมหาทานบารมี และบรรลุเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ในชาตินั้น และจะมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกหลังจากพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า
พูดง่ายๆ พระพุทธเจ้าองค์แรกหลังจากพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า คือ ผม Phonsak...หรือรามพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์พุทธเจ้าองค์ที่ 6
ส่วนมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 นั้นโคตมพระพุทธเจ้าของเราตรัสว่าชื่อ “พระธรรมราชาพุทธเจ้า” ซึ่งในครั้งพุทธกาลเกิดเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกมากมายหลายสิบหลายร้อยชาติ แล้วชาติไหนล่ะ ที่ท่านแสดงบารมีและหลักฐานพอให้คาดการณ์ได้ว่า องค์นี้ล่ะอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้
ตอนที่ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ จิตมันรู้ว่า หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า นั่นเอง คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล และชาตินี้หลวงปู่ศุขเกิดเป็นคนที่ชื่อคุณส.
ผมจำได้ว่า คุณส. เคยปฏิบัติกรรมฐานลงไปลึกมากๆ ขั้นนั้นผมเคยถามพระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านบอกว่าเป็นระดับอรหันต์แล้ว ทำให้ผมงงเอามากๆเลย และยิ่งงงใหญ่เมื่อคุณรักพงษ์ ชุมพาลี บอกผมว่า ตอนอายุ 2 ปี เขาเห็นว่า ทุกอย่างในโลกใบนี้เป็นความฝัน แต่ตัวเขาในอีกที่เป็นตัวจริง (คือ ตัวจริงอยู่ในเมืองนิพพาน) เด็กจะไปรู้ลึกถึงธรรมะระดับพระอรหันต์ได้อย่างไร มาตอนหลังผมจึงรู้ว่า จิตหนึ่งของพระอชิตะ(พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์) ได้ลงมาเกิดเป็นคุณรักพงษ์ ชุมพาลี
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะเล่าให้ละเอียด ถึงเล่าไป ผู้คนก็คงไม่เชื่ออยู่ดี ผมจึงขอเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 คือ พระธรรมราชาพุทธเจ้าต่อดีกว่า
อดีตชาติของพระธรรมราชาพุทธเจ้า คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล แล้วชาติที่เป็นหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ชาตินี้เกิดเป็นคุณส. มีภาระทางครอบครัวมาก ผมจำได้ว่า ผมเคยขอร้องพระอมิตาภะพุทธเจ้าให้ปล่อยเขาไปชาติหนึ่ง เพราะการจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์ได้ จะต้องเสียสละทรัพย์สมบัติจนหมดตัว พระอมิตาจึงยอมปล่อยคุณส.ไปก่อน 1 ชาติ
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าชอบใช้งานผมดีนัก คราวนี้เลยเจอผมblackmail ต้องคายความลับออกมาเรื่องพระธรรมราชาพุทธเจ้า
วันนี้ผมได้พบกับกายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ท่านมาบีบให้ผมทำบุญขั้นวิฤตหลายต่อหลายเรื่อง ผมก็ยอมทำไปให้ แต่พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้ายังให้ผมไปยืมเงินคุณรักพงษ์ ชุมพาลีมา 3,000 บาทมาทำทานบารมีแก้กรรมให้ทันก่อน18.00 น. แต่ผมเป็นคนฉลาด รู้ว่าผมสามารถหาผู้ให้ยืมได้ 2 คน คือ คุณส. ได้ด้วย
ผมเลยคิดแผนให้คุณส. เป็นกองหลัง ถ้าเกิดมีปัญหาเรื่องเงินกับคุณรักพงษ์ ผมจะยืมเงินคุณส. แต่พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ท่านอ่านจิตผมได้ แล้วท่านกะจะกินรวบเลย ท่านสั่งให้ผมโอนเงิน 3,000 บาทของคุณรักพงษ์ และโอนเงิน 3,000 บาทของคุณส.ให้ท่านทั้งหมด โดยอ้างว่าทั้ง 2 คน รวมทั้งผมด้วย ต่างมีวาระที่ต้องฝึกจิต และแก้กรรมด้วยการทำทานบารมี
แต่ครั้งนี้ ผมบอกท่านไปว่า ผมทำไม่ได้ ถ้าผมทำตามที่กายทิพย์ที่ธรรมกายพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้านิรมิตออกมาแนะนำ คุณส. และ คุณรักพงษ์ ก็จะต้องด่าผมในใจหรือทางปากยับแน่นอน เนื่องจากผมไปเอาเงินในยามยากของพวกเขามาหลายหนแล้ว และยังไปไถเงินของพวกเขาไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของพวกเขาเป็นประจำ คราวนี่พวกเขาก็ใกล้หมดตัวแล้ว ผมยังไปไถเงินของพวกเขาแบบนี้อีก พวกเขาคงไม่กล้าไปด่าพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าหรอก แต่พวกเขากล้าด่าผมแน่
ดังนั้น เมื่อพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าจะให้ผมไปไถเงินคุณส.ไปทำบุญ ผมทำให้ก็ได้ มีเงื่อนไข 2 ข้อ คุณส.ต้องโอนเงินไปทำบุญเอาเอง และพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าต้องตอบข้อสงสัยของคุณส.และผมอย่างกระจ่างข้อหนึ่งก่อน เมื่อท่านตอบตกลง
ผมเลยถามท่านพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าว่า: คุณส.เกี่ยวพันธ์กับหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่าหรือเปล่า
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “เกี่ยวพันธ์อย่างมากเป็นจิตหนึ่ง”
Phonsak: แล้วจิตหนึ่งอื่นๆละครับ จิตเหล่านั้นมีจิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลด้วยหรือเปล่า
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “ใช่”
Phonsak: อย่างนั้นจิตของคุณส. ก็เป็นจิตหนึ่งของ “พระธรรมราชาพุทธเจ้า” ใช่ไหมครับ
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “เธอบรรลุธรรมอีกขึ้นหนึ่งแล้ว จึงสามารถรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง”
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ยืนยันว่า ผมพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 ส่วน“พระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 นามว่า พระธรรมราชา ในครั้งพุทธกาลเกิดเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล ชาติก่อนเกิดเป็นหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ในขณะที่ชาตินี้เกิดเป็นคุณส.”
ผมผู้เขียนเรื่องนี้ชื่อ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ในอดีตชาติเมื่อประมาณ 750 ปีก่อนผมเกิดเป็น พ่อขุนรามคำแหง ชาตินี้ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ ทำทานบารมีจนหมดตัวและมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนเจ้าแม่กวนอิม พระอมิตาภะพุทธเจ้า และพระเยซูยอมรับว่า ผมบรรลุธรรมเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณาองค์หนึ่ง
ความเป็นมาของมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 และ 7
พระพุทธเจ้าของเราตรัสว่า ในกาลเมื่อพระพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเสื่อมสูญสิ้นแล้ว ประทีปแก้ว คือพระสัทธรรมนั้น ก็สูญสิ้นไป จนถึงไฟประลัยโลกล้างวินาศฉิบหายสิ้นทั้งแสนโกฏิจักรวาล เพลิงประลัยกัลป์เกิดขึ้นไหม้แผ่นดินภัทรกัปฉิบหายหมดแล้ว สิ้นกาลช้านาน..... ..... ......
ในกาลนั้น บังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกชื่อว่ามัณฑกัปป์ พระพุทธเจ้าจักได้บังเกิด ๒ พระองค์ คือ
- พระรามโพธิสัตว์
- พระเจ้าปเสนทิโกศล (พระธรรมราชา)
ในมัณฑกัป พระรามโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกก่อนพระเจ้าปเสนทิโกศล ...พระธรรมราชา จะเป็นพระพุทธเจ้าในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสว่า พระรามโพธิสัตว์ นี้เป็นใคร แต่ผมรู้ในจิตของผมเมื่อบรรลุธรรมว่า พระรามโพธิสัตว์ คือ พ่อขุนรามคำแหงนั่นเอง คำว่า “ราม” ที่พระพุทธเจ้าเอามานั้น ท่านก็นำมาจาก ท่านมองเห็นอนาคตว่า ในเมืองไทย จะมีพระราชาของไทยองค์หนึ่ง ชื่อ ราม หรือ ขุนราม จิตของรามจะบรรลุเป็นนิตยโพธิสัตว์ ในชาติที่เกิดมาชื่อ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ซึ่งจะทำมหาทานบารมี และบรรลุเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ในชาตินั้น และจะมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกหลังจากพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า
พูดง่ายๆ พระพุทธเจ้าองค์แรกหลังจากพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า คือ ผม Phonsak...หรือรามพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์พุทธเจ้าองค์ที่ 6
ส่วนมนุษย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 นั้นโคตมพระพุทธเจ้าของเราตรัสว่าชื่อ “พระธรรมราชาพุทธเจ้า” ซึ่งในครั้งพุทธกาลเกิดเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกมากมายหลายสิบหลายร้อยชาติ แล้วชาติไหนล่ะ ที่ท่านแสดงบารมีและหลักฐานพอให้คาดการณ์ได้ว่า องค์นี้ล่ะอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้
ตอนที่ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ จิตมันรู้ว่า หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า นั่นเอง คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล และชาตินี้หลวงปู่ศุขเกิดเป็นคนที่ชื่อคุณส.
ผมจำได้ว่า คุณส. เคยปฏิบัติกรรมฐานลงไปลึกมากๆ ขั้นนั้นผมเคยถามพระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านบอกว่าเป็นระดับอรหันต์แล้ว ทำให้ผมงงเอามากๆเลย และยิ่งงงใหญ่เมื่อคุณรักพงษ์ ชุมพาลี บอกผมว่า ตอนอายุ 2 ปี เขาเห็นว่า ทุกอย่างในโลกใบนี้เป็นความฝัน แต่ตัวเขาในอีกที่เป็นตัวจริง (คือ ตัวจริงอยู่ในเมืองนิพพาน) เด็กจะไปรู้ลึกถึงธรรมะระดับพระอรหันต์ได้อย่างไร มาตอนหลังผมจึงรู้ว่า จิตหนึ่งของพระอชิตะ(พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์) ได้ลงมาเกิดเป็นคุณรักพงษ์ ชุมพาลี
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะเล่าให้ละเอียด ถึงเล่าไป ผู้คนก็คงไม่เชื่ออยู่ดี ผมจึงขอเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าองค์ที่ 7 คือ พระธรรมราชาพุทธเจ้าต่อดีกว่า
อดีตชาติของพระธรรมราชาพุทธเจ้า คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล แล้วชาติที่เป็นหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ชาตินี้เกิดเป็นคุณส. มีภาระทางครอบครัวมาก ผมจำได้ว่า ผมเคยขอร้องพระอมิตาภะพุทธเจ้าให้ปล่อยเขาไปชาติหนึ่ง เพราะการจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์ได้ จะต้องเสียสละทรัพย์สมบัติจนหมดตัว พระอมิตาจึงยอมปล่อยคุณส.ไปก่อน 1 ชาติ
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าชอบใช้งานผมดีนัก คราวนี้เลยเจอผมblackmail ต้องคายความลับออกมาเรื่องพระธรรมราชาพุทธเจ้า
วันนี้ผมได้พบกับกายทิพย์ของพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ท่านมาบีบให้ผมทำบุญขั้นวิฤตหลายต่อหลายเรื่อง ผมก็ยอมทำไปให้ แต่พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้ายังให้ผมไปยืมเงินคุณรักพงษ์ ชุมพาลีมา 3,000 บาทมาทำทานบารมีแก้กรรมให้ทันก่อน18.00 น. แต่ผมเป็นคนฉลาด รู้ว่าผมสามารถหาผู้ให้ยืมได้ 2 คน คือ คุณส. ได้ด้วย
ผมเลยคิดแผนให้คุณส. เป็นกองหลัง ถ้าเกิดมีปัญหาเรื่องเงินกับคุณรักพงษ์ ผมจะยืมเงินคุณส. แต่พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ท่านอ่านจิตผมได้ แล้วท่านกะจะกินรวบเลย ท่านสั่งให้ผมโอนเงิน 3,000 บาทของคุณรักพงษ์ และโอนเงิน 3,000 บาทของคุณส.ให้ท่านทั้งหมด โดยอ้างว่าทั้ง 2 คน รวมทั้งผมด้วย ต่างมีวาระที่ต้องฝึกจิต และแก้กรรมด้วยการทำทานบารมี
แต่ครั้งนี้ ผมบอกท่านไปว่า ผมทำไม่ได้ ถ้าผมทำตามที่กายทิพย์ที่ธรรมกายพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้านิรมิตออกมาแนะนำ คุณส. และ คุณรักพงษ์ ก็จะต้องด่าผมในใจหรือทางปากยับแน่นอน เนื่องจากผมไปเอาเงินในยามยากของพวกเขามาหลายหนแล้ว และยังไปไถเงินของพวกเขาไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของพวกเขาเป็นประจำ คราวนี่พวกเขาก็ใกล้หมดตัวแล้ว ผมยังไปไถเงินของพวกเขาแบบนี้อีก พวกเขาคงไม่กล้าไปด่าพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าหรอก แต่พวกเขากล้าด่าผมแน่
ดังนั้น เมื่อพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าจะให้ผมไปไถเงินคุณส.ไปทำบุญ ผมทำให้ก็ได้ มีเงื่อนไข 2 ข้อ คุณส.ต้องโอนเงินไปทำบุญเอาเอง และพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าต้องตอบข้อสงสัยของคุณส.และผมอย่างกระจ่างข้อหนึ่งก่อน เมื่อท่านตอบตกลง
ผมเลยถามท่านพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าว่า: คุณส.เกี่ยวพันธ์กับหลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่าหรือเปล่า
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “เกี่ยวพันธ์อย่างมากเป็นจิตหนึ่ง”
Phonsak: แล้วจิตหนึ่งอื่นๆละครับ จิตเหล่านั้นมีจิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลด้วยหรือเปล่า
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “ใช่”
Phonsak: อย่างนั้นจิตของคุณส. ก็เป็นจิตหนึ่งของ “พระธรรมราชาพุทธเจ้า” ใช่ไหมครับ
พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า: “เธอบรรลุธรรมอีกขึ้นหนึ่งแล้ว จึงสามารถรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง”
แล้วลป.ปาน วัดบางนมโคล่ะครับ ท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกันนะครับ
ตอบลบ