A A

7 พฤษภาคม 2558

ตอบเรื่องกรรมฐาน และการบรรลุธรรมมีได้หลายวิธี

สมาธิหรือสมถะกรรมฐานจำเป็นต้องค่อยๆฝึก  อย่างไรก็ตาม การบรรลุธรรมไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างเดียว  มีได้หลายวิธี  ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าจะสอนเรื่องทาน ศีล สมาธิ และปัญญา (เจริญสติระลึกรู้ไปเรื่อยๆ)ไปทำไม  ในสมัยพุทธกาล ก็มีพระอรหันต์ที่บรรลุธรรมจากการทำบุญทำทานอย่างเดียว  พระสิวลีเป็นตัวอย่างที่ดี  ในขณะที่กำลังปลงผมเพื่อออกบวชในสำนักพระสารีบุตร พระสารีบุตรได้เตือนให้ท่านระลึกถึงทุกข์ในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์พระมารดา  พอพระสิวลีปลงผมเสร็จท่านก็ได้บรรลุพระอรหันตผลพอดี

การทำบุญทำทานอย่างเดียวใช้สมาธิไม่มาก ใช้แต่จิตที่มุ่งมั่นช่วยเหลือคนอื่นเพื่อขจัดกิเลสในใจตัวเองเท่านั้น  เหมือนคุณรักพงษ์ยังไง  เจริญสติระลึกรู้ไปเรื่อยๆ ก็ใช้แค่สมาธิขั้นต้นนิดหน่อย  ไม่จำเป็นต้องได้ฌาน  ก็เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว เรียกว่า  พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก

ผมฝึกสมาธิ (สมถะกรรมฐาน) มา 30 ปี  15 ปีแรกก็ทำได้ปานกลาง  เต็มที่ก็ 15-20 นาที  มารุ่งเรืองตอนที่ทำบุญทำทานนี่แหละ  หลังจากนั้นก็แผ่เมตตาอุทิศผลบุญทั้งหมดให้เจ้ากรรมนายเวรในแต่ละด้าน เช่น  ด้านการงาน การเงิน สุขภาพ และครอบครัว  บรรดาเจ้ากรรมนายเวรของผม  จึงทยอยกันมาหาผมเต็มไปหมด  พอผมทำสมาธิไม่ถึง 1 นาที  ก็เข้าถึงฌาน 4 ได้เลย  ภาษาพระเรียกว่า ได้  วสี  จิตจะระลึกและจำได้ว่า  เข้าถึงฌาน 4 และอยู่ในโลกของภวังค์ คือ โลกของสวรรค์-นรก  หรือโลกของจิตใต้สำนึก ทำได้อย่างไรในเวลาแป๊ปเดียว

ผมรุ่งเรืองทางฌานในช่วง 15 ปีหลัง และบรรลุธรรมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  ผ่านชั้นเทพพรหม  เข้าถึงชั้นโสดาบัน จนถึงอนาคามี  ตอนที่พวกพระเจ้าให้ผมทำมหาบุญและมหาทานจนผมหมดตัว และเป็นหนี้หลายแสนบาท  แล้วมาบรรลุถึงขั้นอรหันต์ตอนที่ ติดเบ็ดพระอมิตาภะพุทธเจ้า  พระอมิตาใช้เหยื่อล่อโดยให้ถูกหวย 3 ตัวบนโต๊ดในครั้งแรก  หลังจากนั้นท่านก็ให้เจ๊งหวยอีก 6-7 งวด  เพื่อทำลายความหวังและความปรารถนาจะรวยทางหวย  พระอมิตาภะพุทธเจ้าท่านทำสำเร็จได้จริงๆ  เพราะพระอมิตามาหาผมเพื่อทำให้ผมบรรลุธรรมถึงขั้นอรหันต์  และได้ความรู้ทางศาสนาระดับสัพพัญญูบางส่วน  พระอมิตาไม่ได้มาเพื่อให้ผมรวยทางหวยแต่อย่างใด

ตอนนี้บรรดามหาเทพ  รวมทั้งพระอมิตา  พวกท่านก็หนีหายไปหมดแล้ว  ก่อนไป..พระอมิตาบอกผมว่า  ตอนนี้ทุกอย่างที่เธอควรรู้   เธอจะรู้เองในจิตโดยอัตโนมัติ บรรดาพระเจ้าจะให้ความรู้เหล่านั้นกับเธอทางจิต

0 comments:

แสดงความคิดเห็น