A A

7 พฤษภาคม 2558

ข้าจะเจาะลึกพยางค์ศักดิ์สิทธิ์คำว่า 'โอม' ให้ฟัง

เอ็งยกมือพนมแล้วกราบตีนข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะเทศนาธรรมะสูงสุดให้เอ็งฟังเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ใช่ธรรมะบ้องตื้นหลอกลวงชาวบ้านของเอ็ง แล้วไปโอ้อวดว่าตัวเองเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ใครค้านเอ็ง ไม่นับถือเอ็ง เอ็งก็ใช้วิธีขู่กรรโชกให้ตกนรกมหาอเวจีไม่มีวันผุดเกิด...ชั่วและเลวสิ้นดีรู้ไหม? ไอ้สวะลวงโลก

พระไวโรจนะพุทธเจ้า จะอวตารไปเป็นกายมนุษย์นาม พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า อีก 10,000 ปี ในโลกมนุษย์ในอีกมิติหนึ่ง ที่ผู้คนมีความสูงเท่ากับตึก 15-20 ชั้น อายุเฉลี่ย 70
,000-85,000 ปี เพราะทุกคนในโลกมิตินั้น ล้วนเป็นผู้มีศีลธรรมสูงมากทั้งสิ้น


เอาล่ะเริ่มเรื่องเลย อย่าง่วงหรือหลับในชั้นเรียนนะโว๊ย เอาไอ้พระอินทร์ของเอ็งมาฟังคำสอนของข้าด้วย ถ้ามันไม่มาล่ะก็ ข้ากลับสวรรค์ชั้นดุสิตเมื่อไร อาจถึงขั้นเตะเอ็งและมันตกสวรรค์

พระไวโรจนะพุทธเจ้า. ... เสียงประจำพระองค์คือเสียง
โอม จำไว้ให้ดีนะ เสียงประจำตัวของเอ็ง พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า หรือ พระไวโรจนะพุทธเจ้า ที่เป็นกายมนุษย์คือ โอม

ซึ่ง"โอม" ตัวนี้เป็น อักขระอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ เนื่องจากเอ็งจะเป็นจิตมหาบริสุทธิ์ที่เป็นสัพพัญญูเหมือนกับพวกท่าน เพียงแต่ไม่บ้องตื้นเหมือนตอนนี้เท่านั้น

เอ็งรู้ไหม
พระพุทธองค์นั่งเสวยวิมุตติสุข 49 วันหลังตรัสรู้ ท่านสำแดงเป็นพระไวโรจนะพุทธเจ้า เพราะท่านก็เป็นจิตมหาบริสุทธิ์ที่เป็นสัพพัญญูเหมือนกัน

หลังการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์นั่งเสวยวิมุตติสุข 49 วัน เรื่องที่เถรวาทเล่า เป็นข้อมูลที่ไม่ครบ (มีวาระซ่อนเร้น) จึงต้องไปหาอ่านในคัมภีร์มหายาน ... ที่จารึกอยู่ใน "อวตังสกสูตร" จึงจะพบความจริง

คำว่า "โอม" (อะ อุ มะ) หมายถึง มหาเทพทั้ง 3 คือ พระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์

คำว่า "อะ อุ มะ" นั้น... อะ มาจากคำว่า อรหัง หรือ พระพุทธเจ้า
, อุ มาจากคำว่า อุตตะมะธัมมะ หรือ พระธรรมอันสูงสุด, มะ มาจากคำว่า มหาสงฆ์ หรือ หมู่สงฆ์ ที่เข้าถึงพระธรรมอันสูงสุดนั้น ด้วยเหตุนี้ โอม (อะ อุ มะ) ก็หมายถึง พระรัตนตรัย

... พระรัตนตรัย ก็หมายถึง พระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์ หรือตรีมูรติ...นั่นเอง

คำว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ซึ่งเป็นพระนามของพระพุทธเจ้าในอดีต ในปัจจุบัน และในอนาคต 5 พระองค์ คือ
- นะ ได้แก่ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ
,
- โม ได้แก่ พระพุทธเจ้าโกนาคม
,
- พุท ได้แก่ พระพุทธเจ้ากัสสปะ
,
- ธา ได้แก่ พระพุทธเจ้าโคตมะ และ
- ยะ ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตย


มนุษย์บูชา "นะ โม พุท ธา ยะ" = บูชามหาเทพทั้ง 3 คือ บูชาพระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์ หรือบูชาตรีมูรติ

โอมนมัสสิวาย = ขอบูชาพระศิวะ = ขอบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ = ขอบูชา พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์

โอม นะ โม พุท ธา ยะ...โอม นะ โม พุท ธา ยะ...โอม นะ โม พุท ธา ยะ

จากพระคาถา จะเห็นได้ชัดว่า ศาสนาพุทธก็คือวิวัฒนาการของศาสนาฮินดู

...ขอความสวัสดี ความสำเร็จจงมีแก่ทุกท่านที่เข้าถึงความจริงอันนี้...

โอม อะ อุมะ นะโม พุทธายะ..... หลวงพ่อสมคิด ปโยคจิตโต วัดเขาวงศ์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี. สอนให้ตั้งนะโม 3 จบ โอม อุอะมะ นะโมพุทธายะ ยะชะสุมัง โสธายะ นะมะพะทะ กระผมจึงขอนมัสการท่านด้วยใจจริง

สรุปด้วยข้อเขียนคุณ : สปาย

คุณ : สปาย ได้ให้ความรู้เรื่องนี้ไว้เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน [ 27 พ.ย. 2546 ) ลองอ่านข้อเขียนของคุณ สปายนะครับ

++++++++++

....แล้วพบเรื่อง โอม ด้วยครับ

พระตรีมูรติ หรือ ผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งนิรันดร์นั้น เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดู ซึ่งจะมีตัวอักษร ๓ ตัว อันศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกกันว่า โอม
อักษรศักดิ์สิทธิ์ โอม นั้น ประกอบด้วยอักษร ๓ ตัว คือ อ(ะ) อุ มะ
พยางค์ศักดิ์สิทธิ์ โอม นี้ มักเขียนเป็นอักษรเทวนาครี
ความหมายของ อะ อุ มะ นั้น แหล่งข้อมูลให้ความหมายต่างกัน

อะ คือ พระพรหมผู้สร้าง
, พระวิษณุ, พระศิวะ
อุ คือ พระวิษณุผู้รักษา
, พระศิวะ, พระวิษณุ
มะ คือ พระศิวะผู้ทำลาย
, พระพรหม, พระพรหม

เมื่อพิจารณาดูแล้วจะพบว่า ข้อหลังควรจะถูกต้องกว่า ด้วยว่า อะ อุ มะ คือเสียงท้ายของพระนามทั้ง ๓
พระ(ศิว)อะ พระ(วิษณ)อุ และ (พระพรห)มะ

ทางพุทธเลียนมาเป็นพระรัตนตรัย คือ
อ = อรหํ (พระพุทธเจ้า)
อุ = อุตฺตมธมฺม (พระธรรมอันสูงสุด)
ม = มหาสงฆ์

นับถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ คำขึ้นต้นของการกล่าวสวดมนตร์


โอม นมัช สิวายะ.... โอม นมัช สิวายะ.... โอม นมัช
 สิวายะ. ขอให้องค์พระศิวะทรงทำลายความไม่รู้ทางศาสนา การแบ่งแยกศาสนาของมนุษย์ทุกคนด้วย โอม นะ โม พุท ธา ยะ...โอม นะ โม พุท ธา ยะ...โอม นะ โม พุท ธา ยะ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น