A A

6 พฤษภาคม 2558

โลกมนุษย์ สวรรค์ นรก แม้แต่โลกนิพพาน ล้วนมีอายตนะรองรับจิตต่างๆเหล่านั้นอย่างเหมาะสม

อ้างถึง

ผิดตรงเป๋งเลยจ่ะ
ใช้ภาษาพูดแสดงความว่างของนิพพานได้จ่ะ
เช่น คำพูดว่า ช่องว่างระหว่างปรมาณู จ่ะ
หรือ พูดว่าดิน น้ำ ไฟ และลม ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด ในนิพพานธาตุนั้น ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง พระอาทิตย์ย่อมไม่ปรากฏ
แต่ถ้าแสดงออกมาเป็นตัวเป็นตนเช่น เมืองแก้ว เมียแก้ว นั่นมันนิพพานมั่วจ่ะ

dhammajak โพสต์ 

ตอบ

ความว่างแต่ละจุด  มีพระอรหันต์ที่แต่ละจิตเป็นอิสระต่อกัน  อยู่ในความว่างนั้น  เหมือนน้ำบริสุทธิ์ทั่วโลก  มันก็เป็นน้ำละตัวกัน  ใช้คำว่าอณูถูกต้องและเข้าใจง่ายที่สุด  คุณเป็นมาร ที่มีหน้าที่บ่อนทำลายพุทธศาสนา  คุณก็พยายามมั่วไปเรื่อย  จุดมุ่งหมายจะทำให้คนไม่เข้าใจนิพพานซึ่งมี 3 อย่าง

1.
ปรินิพพาน เป็นจิตว่างเฉยๆ  แต่ปรินิพพาน(จิตว่างเฉยๆ)ก็ยังต้องระบุว่านี่เป็นปรินิพพาน(จิตว่างเฉยๆ)ของพระอานนท์   นี่เป็นปรินิพพาน(จิตว่างเฉยๆ)ของพระพุทธเจ้า  นี่เป็นปรินิพพาน(จิตว่างเฉยๆ)ของหลวงตามหาบัว
2.
นิพพานธรรมกาย เป็นจิตว่าง  ที่อยู่ในรูปหรือกายธรรมอมตะ  ธรรมกายจึงเป็นอัตตา(อัตตา = อมตะไม่มีทุกข์)
3.
นิพพานสัมโภคกาย เป็นจิตว่าง  ที่อยู่ในรูปหรือกายทิพย์อมตะ  ที่ศาสนาอื่นเรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์  สัมโภคกายก็เป็นอัตตา(อัตตา = อมตะไม่มีทุกข์)เช่นเดียวกัน

ความจริงสูงสุดทั้ง 3  มารอย่างคุณพยายามทำให้ไม่มีอยู่เลย  กลายเป็นนิพพานสูญหายไปหมด  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาห่าอะไรกัน

อีกอย่าง  
"พูดว่าดิน น้ำ ไฟ และลม ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด ในนิพพานธาตุนั้น ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง พระอาทิตย์ย่อมไม่ปรากฏ  แต่ถ้าแสดงออกมาเป็นตัวเป็นตนเช่น เมืองแก้ว เมียแก้ว นั่นมันนิพพานมั่วจ่ะ"

อย่างนี้พระพุทธเจ้าก็แหกตาชาวพุทธเถรวาท และชาวพุทธมหายานแล้วล่ะ  เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่า  นิพพานมีอายตนะอยู่  เรียกว่าอายตนะนิพพาน  พระอวโลกิเตศวรก็สอนพระสารีบุตรว่า อายตนะนิพพานคือธรรมกาย  แล้วพระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องเมืองพระนิพพาน  นอกจากนี้พระอรหันต์ยุคนี้และในอดีต  ต่างก็ยืนยันเรื่องเมืองแก้ว  กายแก้ว  ที่เป็นวิมุตติ  ไม่ใช่สมมุติที่ต้องมีธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม  และมีดาวทั้งหลาย และ พระอาทิตย์คอยให้แสงสว่างและให้พลังงาน

ตกลงชาวพุทธเราควรเชื่อมาร อย่างมาร dhammajak  หรือเชื่อพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ยุคนี้และในอดีต  ดีล่ะนี่

แต่เมียแก้วนั้นน่าจะเป็นเมียคุณ  พอคุณร่วมเพศเสร็จก็แตกสลายเลย

พอทีเถอะมารdhammajak  เลิกแหกตาชาวบ้านไม่ให้เข้าใจพุทธศาสนาเหมือนเอ็งได้แล้ว

สรุป

โลกมนุษย์ ก็มีอายตนะมนุษย์ ที่เป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เรียกว่าขันธ์ 5 เป็นที่ๆจิตสังขาร ซึ่งไม่บริสุทธิ์ ครองร่างอยู่ และก็มีวัตถุเป็นเมืองเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องบริโภค  ทั้งหมดล้วนเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

โลกสวรรค์และพรหมโลก  ก็มีอายตนะทิพย์  เรียกว่า อาทิสมานกาย  เป็นที่ๆจิตสังขาร ที่บริสุทธิ์มากขึ้นครองร่างอยู่  และก็มีของทิพย์  เป็นเมืองเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องบริโภค

โลกนรกและโลกอบายภูมิ  ก็มีอายตนะทิพย์  เรียกว่า อาทิสมานกายเหมือนกัน  เป็นที่ๆจิตสังขารที่ไม่บริสุทธิ์ครองร่างอยู่  และก็มีนรกมีเมืองมีไฟเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องบริโภคของพวกที่จิตหยาบช้า

โลกนิพพาน ก็มีอายตะนะนิพพาน  เรียกว่า ธรรมกาย และสัมโภคกายให้จิตมหาบริสุทธิ์อยู่ในร่างนั้น  ที่อยู่ของจิตมหาบริสุทธิ์เหล่านี้ เรียกว่า เมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตรขั้นบนสุด  และก็มีของทิพย์  มีเครื่องมือเครื่องใช้ทิพย์ให้จิตมหาบริสุทธิ์ได้ใช้งาน

โลกปรินิพพาน หรือโลกนิพพานแท้  เป็นโลกของจิตมหาบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องการเนรมิตสิ่งใดออกมาอีกเลย  พวกท่านก็อยู่ในโลกแห่งความว่างอย่างนั้น  หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญกล่าวว่า “
แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลย  เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก”

0 comments:

แสดงความคิดเห็น