A A

17 พฤษภาคม 2558

อายตนะนั้นมีอยู่ = อายตนะนิพพานมีอยู่ = ธรรมกายมีอยู่

 จิตผมยังเข้าไม่ถึงพระนิพพาน จริง ๆ หรอกครับ แต่สิ่งที่ ผมโพสต์ ก็ไม่ได้ โพสต์มาแบบลอยๆไม่มีหลักฐาน ในพระสุตันตปิฎก ขุทกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้าที่ 711 มีข้อความจากพุทธพจน์ ตอนหนึ่งว่า "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ 

ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
 

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย
 
เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา การไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปปัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แล เป็นที่สุดแห่งทุกข์

shart.com โพสต์

ตอบ

หลักฐานมันอยู่เต็มตา แต่คนส่วนใหญ่จะตีความไม่ออก เพราะยังปฏิบัติไม่ถึงขั้น ขนาดพระสารีบุตรตอนที่ยังไม่ได้เป็นอรหันต์ เจ้าแม่กวนอิมยังตีความให้เลย

พระอวโลกิเตศวร : ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน
 

อ้างอิง ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรสอนพระสารีบุตรว่า

"
 
ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้
ก็คืออายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "

สรุป
 

อายตนะนั้นมีอยู่ คือ อายตนะนิพพานมีอยู่ = ธรรมกายมีอยู่ ปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง คือ ธรรมกายส่งตัวเองออกไปเป็นพระโพธิสัตว์ ทำการช่วยเหลือและสั่งสอนให้พวกที่อยู่ใน 31 ภพภูมิ เพื่อให้เข้าถึงเมืองนิพพาน นี่คือความหมายของธรรมกายปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง

0 comments:

แสดงความคิดเห็น