ถามมาอีก ผม(Phonsak)ก็ตอบได้อีก
ยิงคำถามมาเลยนะ ถ้าผมเห็นว่าสนใจผมตอบแน่ ไม่ว่าคุณจะเป็นมารหรือไม่ก็ตาม
แต่ถ้าผมตอบ 5 ครั้งแล้ว คุณก็แกล้งกวนตีนถามมาใหม่อีก อันนี้ผมคงไม่ตอบ
คุณต้องพิจารณาตัวเองว่า ทำไมฟ้าจึงปิดกั้นกูไม่ให้เข้าใจสักทีวะ
555
ไม่ใช่ฟ้าปิดกั้นหรอกเราจ่ะ
แต่ ฟ้าเข้านิพพานไม่ได้จ่ะ
นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญของฟ้า
อ่อ แล้วจิตน่ะก้อเข้านิพพานไม่ได้ด้วย น่ะจ่ะ
เพราะจิตเหมือนลิงที่อยู่ในดงตาล
ที่พระโยคาวจร คอยไล่ตะเพิดตลอดเวลาจ่ะ
dhammajak โพสต์
ไม่ใช่ฟ้าปิดกั้นหรอกเราจ่ะ
แต่ ฟ้าเข้านิพพานไม่ได้จ่ะ
นั่นเป็นอุปสรรคสำคัญของฟ้า
อ่อ แล้วจิตน่ะก้อเข้านิพพานไม่ได้ด้วย น่ะจ่ะ
เพราะจิตเหมือนลิงที่อยู่ในดงตาล
ที่พระโยคาวจร คอยไล่ตะเพิดตลอดเวลาจ่ะ
dhammajak โพสต์
นายdhammajak สมเป็น นายdhammajak จริงๆ คือยังแกล้งโง่ และกวนตีนเหมือนเดิม สอนไป 3 ครั้งแล้วว่า พระไตรปิฎกของเถรวาท พระพุทธเจ้าแยกจิตกับนิพพานออกจากกัน
จิตในพระไตรปิฎกของเถรวาท คือ จิตสังขาร หรือ จิตคิดปรุงแต่งด้วยกิเลสและความยึดมั่นถือมั่น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จิตในปฏิจจสมุปบาท หรือ จิตในพระอภิธรรม แต่ จิตในพระไตรปิฎกของเถรวาท เรียกตามแบบของผมคือ จิตเหี้...
นิพพานเป็นจิตว่าง มหาบริสุทธิ์ เป็นจิตวิสังขาร หรือจิตไม่เหี้... จะเอานิพพานไปปนกับจิตเหี้...ได้อย่างไร เหมือนน้ำกับน้ำมันมันผสมกันไม่ได้
นี่ผมตอบคำถามเรื่องจิตเป็นครั้งที่ 4 แล้วนะ มารdhammajak ยังมีสิทธิ์ถามเรื่องนี้ได้อีก 1 ครั้ง ใช้สิทธิ์นี้ให้คุ้มนะจ๊ะ แต่ห้ามใช้ในสัปดาห์นี้ เพราะพูดเรื่องจิตมี 1. จิตสังขาร(จิตเหี้...) และ 2. จิตนิพพานหรือจิตพุทธะ(จิตไม่เหี้...) ซ้ำๆซากๆ เดี๋ยวความเหี้..จะติดไปติดบรรดาผู้อ่าน แต่ไม่ติดผมหรอกเพราะผมได้เข้าไปสู่ความเป็นจิตพุทธะ(จิตไม่เหี้...)แล้ว
ส่วนคุณนั้นมีความเหี้...ถึงขั้นยอดเหี้...ติดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ล้างความยอดเหี้...อีกหลายชาติก็ยังไม่หมด เข้าใจไหมนี่??? ผมเป็นจิตพุทธะคุณเป็นจิตมาร พวกเราเล่นกันอยู่คนละฝ่าย
0 comments:
แสดงความคิดเห็น