ลองดูที่ หลวงปู่ดูลย์กล่าวมั่งนะจ่ะ
"พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่นคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น"
"พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่นคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น"
dhammajak โพสต์
ตอบ
มารเช่นเธอแย้งมาข้อนี้ดีมาก นอกจากเราแล้ว ในโลกในนี้คงไม่มีใครตอบเธอได้
ที่หลวงปูดูลย์ กล่าวเช่นนั้น ดูผิวเผินแล้วจะขัดกับที่หลวงปู่ดู่อธิบายว่า
"....พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ปรินิพพานไประหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นการดับขันธ์ด้วยความบริสุทธิ์เหนือสมมุติโดยสิ้นเชิง"
แต่จริงๆไม่ได้ขัดกันเลย ดูที่หลวงปู่ดูลย์กล่าวอีกครั้งนะครับ
"...พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่งคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น"
เพราะจุดที่จะเข้าเมืองนิพพานได้ เป็นจุดที่ดับจิตที่เป็นของสมมุติ...จตุตถฌาน หรือ รูปฌาน 4 เป็นของสมมติ เกินจุดนั้นไปคือ อรูปฌาน ก็เป็นของสมมุติ เช่นกัน ระหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์เหนือสมมติ
หลวงปู่ดู่ เรียกว่า ดับขันธ์เพื่อเข้าสู่ความบริสุทธิ์เหนือสมมติโดยสิ้นเชิง...
หลวงปู่ดูลย์ เรียกว่า ดับจิตขันธ์หรือนามขันธ์ = ดับขันธ์ ในภาวะจิตตื่นนั้นเอง หรือดับขันธ์ในวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น"
ภาวะจิตตื่น เป็นวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ที่มีทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น คือ...หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ดูลย์ และพระพุทธองค์กำลังบอกเป็นนัยๆว่า พวกเรามนุษย์และพวกที่อยู่ใน 31 ภพภูมิ เป็นผู้ที่กำลังฝันอยู่ ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นภาพฝันเสมือนจริง เป็นมายามาที่กรรมดีกรรมชั่วสร้างขึ้นเพื่อมาหลอกลวงพวกเรา ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ เป็นมนุษย์ ผู้ที่ตื่นแล้ว จากภาพฝันเสมือนจริงที่บุญบาปสร้างขึ้น
จุดที่เป็นทางเข้านิพพานนั้นก็คือ.... จุดกึ่งกลางของภพภูมิต่างๆในโลก 31 ภพภูมิ ซึ่งภพภูมิ 31 ภพภูมินั้นเป็นแค่มายา เป็นแค่ความฝันเท่านั้น ในขณะที่จุดกึ่งกลางของภพภูมิต่างๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งโลกนิพพาน ซึ่งเป็นโลกของความจริง และเป็นโลกของความว่างเปล่าที่ผู้ที่เข้าไปรู้ตลอดว่า กายนิพพานของตน และสิ่งของต่างๆรวมทั้งเมืองนิพพาน ทุกสิ่งก็เป็นแค่มายาเสมือนจริงเหมือนในโลกมนุษย์ เพียงแต่ในโลกมนุษย์ สิ่งของทั้งหมดไม่เที่ยง ในขณะที่ในเมืองนิพพาน สิ่งของทั้งหมดเที่ยง แต่ก็สลายไปได้ตามที่พระอรหันต์ต้องการ พวกพระอรหันต์จึงไม่ได้ไปยึดติดว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นของจริงแต่อย่างใด
ผู้เข้าถึงกายนิพพานและเมืองนิพพานได้ ต้องมีสติเต็มร้อยในภาวะจิตตื่น นี่คือเหนือสุมมุติ ในขณะที่ผู้ที่อยู่ทุกภพภูมิใน 31 ภพภูมิ ล้วนเป็นผู้ที่ภาวะจิตของพวกเขา กำลังฝันเฟื่องอยู่ในสิ่งลวงตาในภวังค์ โดยพวกเขาไม่รู้ตัวเองว่า พวกเขากำลังฝันอยู่เพราะโดนกรรมและกิเลสตัณหาเข้ามาลวง
เรื่องอื่นๆผมคงไม่ตอบคุณ เพราะคุณเพียงแค่จะแสดงความอวดเก่ง อหังการ อวดรู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้จริง และพยายามมั่ว เนื่องจากรู้ว่าคนอื่นไม่มีทางรู้ว่าคุณมั่วอยู่ ผมคงปล่อยให้คุณพ่นความยโสโอหังอหังการต่อไป ผมไม่มีเวลาจะไปตอบและไปยุ่งกับเรื่องไร้สาระของคุณ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น