A A

17 พฤษภาคม 2558

จะเป็นพระเจ้าผู้กำกับหนัง ต้องรู้ก่อนว่าเมืองนิพพานอยู่ไหน

คุณกับผมและทุกจิต เป็นทั้งพระเจ้าและเป็นทั้งมนุษย์ เป็นทั้งตัวผู้ตัวเมีย รวมทั้งเป็นเปรต เป็นพรหม เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นยักษ์ ฯลฯ เพราะแต่เดิมจักรวาลและนอกจักรวาลล้วนเป็นความว่าง ไม่มีห่าอะไรสักอย่างเลย มีแต่เราหรือพวกเราพระเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันหมด เราหรือพวกเราเหล่าพระเจ้า อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ และต้องอยู่ตลอดกาลที่นี่ ตายก็ตายไม่ได้ เพราะเราหรือพวกเราเป็นพระเจ้า แม้เราจะไม่มีความทุกข์ แต่เราก็เปล่าเปลี่ยว

เราหรือพวกเราที่เป็นพระเจ้า เลยเนรมิตความว่างในจักรวาลให้เป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และวิญญาณธาตุ แล้วให้ธาตุเหล่านั้นไม่เที่ยง(อนิจจัง) แล้วต้องแตกสลายเปลี่ยนสภาพไปในที่สุด แล้วเนรมิตสร้างมนุษย์และสรรพสัตว์ขึ้นมา ถ้ามนุษย์ไปยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านั้น ก็จะเป็นทุกข์
 

นอกจากนี้ ตัวของเราหรือพวกเราที่เป็นพระเจ้าจะอยู่ในจิตมนุษย์ที่สามารถปฏิบัติจนถึงขั้นเห็นความจริงว่า โลกภายนอกทั้งหมดเป็นแค่มายาเสมือนจริง ถ้ามนุษย์คนนั้นไม่ยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านั้น ทุกข์ต่างๆของเขาก็จะหมดไป ไม่มีความทุกข์อีก มนุษย์คนนั้นก็จะได้กลับไปเป็นพระเจ้าตามเดิม


เมืองของพระเจ้า(เมืองนิพพาน) ที่มีแต่พระเจ้า(พระอรหันต์)ผู้ไม่มีความทุกข์อยู่...ตั้งอยู่ที่ไหน

พระเจ้าได้แอบซ่อนสถานที่ที่ท่านอยู่ที่เรียกว่า เมืองนิพพานเอาไว้ไม่ให้มนุษย์ที่ยังมีกิเลสอยู่รับรู้ จึงไม่มีมนุษย์ผู้ใดที่จะคิดถึงได้ว่า พระเจ้า จะอยู่ที่นั่น คือ พวกพระเจ้าผู้ไม่มีความทุกข์อาศัยอยู่ในเมืองนิพพาน ที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างรูปพรหมและอรูปพรหม หรือระหว่างรูปฌานและอรูปฌาน

ปรมาจารย์ของศาสนาพราหมณ์ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็งมโข่งหานิพพาน และเมืองนิพพานไม่เจอถึง 6 ปี เพราะไปจัดภพภูมิชั้นพรหมเป็น 20 ภพภูมิ คือ รูปพรหม ๑๖ ภพภูมิ และอรูปพรหม ๔ ภพภูมิ ในขณะที่ภพภูมิแห่งความไม่ทุกข์ คือ นิพพาน ปรมาจารย์ต่างๆดันคิดไม่ถึงว่า เป็นภพภูมิที่อยู่กึ่งกลางของรูปพรหม และ อรูปพรหม

มีแต่ผู้ปฏิบัติจนละกิเลส ตัณหา และอุปาทานได้หมดแล้ว จึงจะรู้ว่า พระเจ้าและเมืองของพระเจ้าอยู่ที่นั่น เช่น
 หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านพูดไว้ชัดเลยว่า

"พระนิพพานอุปมาขนาดเท่าเส้นผม ผู้ที่จะผ่านพ้นในขั้นสุดท้ายไปได้หรือไม่ได้ อยู่เพียงนิดเดียวในการทำจิตตัดจุดนี้ได้หรือไม่เท่านั้น
 พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ปรินิพพานไประหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นการดับขันธ์ด้วยความบริสุทธิ์เหนือสมมติโดยสิ้นเชิง"

พระเจ้า และ มนุษย์ รวมทั้งสรรพจิตทั้งหมด แค่ลงมากำกับหนังและมาแสดงหนัง
 

พวกเราเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าพระเจ้า มนุษย์ เปรต เทวดา นางฟ้า พรหม สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ พวกเรากำลังแสดงหนังให้ตัวเองดู ถ้าไม่อยากแสดงหนัง และไม่อยากตาย ไม่อยากทุกข์ ก็ไปเป็นพระเจ้า ผู้กำกับควบคุมหนัง ซึ่งไม่มีวันตาย ไม่มีวันทุกข์ เราเลือกเอาเอง

ถ้าไม่อยากแสดงหนังและไม่อยากเป็นผู้กำกับควบคุมหนังด้วย นอกจากจะปิด
switchรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของมนุษย์และสรรพจิตใน 31 ภพภูมิแล้ว ก็ต้องปิดswitchรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณของพระเจ้าด้วย = ปรินิพพาน ทุกอย่างในจักรวาลจะหายไปหมด ส่วนจิตในปรินิพพานของเราไม่ได้หายไปไหน แต่จะอยู่ในนิโรธตลอดกาลเหมือนเดิม 

เมื่อถึงตอนนั้น จิตปรินิพพานที่ว่าง มันก็จะอยู่ในความว่างตลอดกาล จำไว้ว่า.... สุขใดๆจะหาเท่าความสงบนั้นไม่มี ผู้ที่เข้าไปเป็นจิตปรินิพพานที่ว่าง จึงไม่มีใครอยากกลับมาเป็นอะไรอีกเลย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น