ความเดิม
Phonsak เขียนว่า:
ในพระสูตรทางมหายาน ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า: “ร่างกายของตถาคตจะดับสิ้นไป แต่ธรรมกายของตถาคตจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร”
๒๐. พระธรรมกายดำรงอยู่เสมอ ที่มา http://www.buddhayan.com นับต่อแต่นี้ไป เธอทั้งหลาย จงจาริกเผยแผ่พระสัจธรรมให้แพร่หลายไพศาล ทั้งนี้เป็นการไว้ ซึ่งพระธรรมกายแห่งตถาคต ให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดรโดยมิให้ดับสูญไป
ในพระไตรปิฎกของเถรวาท พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า:
กายของตถาคต....... ยังดำรงอยู่ ใน ที.สี.14/90 แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้ายังคงดำรงอยู่
และว่า:
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต) ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นธรรม"
หลักฐานที่นำมาแสดงยังเป็นแค่เพียงนิดหน่อย แต่ทั้งหมดล้วนชี้อย่างชัดเจนว่า ในพระนิพพานนั้น กายของตถาคต....... ยังดำรงอยู่ ยังมีหลักฐานอีกมากมายที่ชี้ว่า กายของพระอรหันต์สาวกล้วนยังดำรงอยู่
นี่ตรงกับที่หลวงปู่ดู่สอนไว้ว่า: "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก ”
ความใหม่
มนุษย์..ความว่างที่ไม่มีตัวตน(อนัตตา) ดันไปบอกว่านิพพาน(พระเจ้า)ที่เป็นอัตตา ไม่มีตัวตน
Phonsak ตอบ
แต่ไหนแต่ไรมา สรรพสิ่ง(ความว่าง)มันมี 2 อย่างคือ
1. ความว่างในจิตของผู้สร้างหรือผู้กระทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น = จิตนิพพาน หรือ จิตพุทธะ สิ่งนี้เป็นอัตตา คือ เป็นอมตะ ไม่ทุกข์ และไม่มีวันถูกทำลาย
2. ความว่างของผู้ถูกสร้าง หรือของสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นอนัตตา ไอ้สิ่งนี้มันเป็นแค่ความว่าง(อนัตตา)ที่ผู้สร้าง(จิตพุทธะ)ใช้อำนาจจิตจากฌานทำให้มันอัดแน่น มีความเข้มข้น มีความถี่และมีคลื่นต่างระดับกันเท่านั้น
แต่ไอ้ความว่างอนัตตา(มนุษย์ และสรรพจิตใน 31 ภพภูมิ) มันดันไปคิดว่าตัวมันเองมีตัวตน และกำแหงอหังการไปบอกว่านิพพานไม่มีตัวตน ไอ้ควายเอ๋ย! กบในกะลาครอบชัดๆ
Phonsak เขียนว่า:
ในพระสูตรทางมหายาน ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า: “ร่างกายของตถาคตจะดับสิ้นไป แต่ธรรมกายของตถาคตจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร”
๒๐. พระธรรมกายดำรงอยู่เสมอ ที่มา http://www.buddhayan.com นับต่อแต่นี้ไป เธอทั้งหลาย จงจาริกเผยแผ่พระสัจธรรมให้แพร่หลายไพศาล ทั้งนี้เป็นการไว้ ซึ่งพระธรรมกายแห่งตถาคต ให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดรโดยมิให้ดับสูญไป
ในพระไตรปิฎกของเถรวาท พระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า:
กายของตถาคต....... ยังดำรงอยู่ ใน ที.สี.14/90 แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้ายังคงดำรงอยู่
และว่า:
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต) ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นธรรม"
หลักฐานที่นำมาแสดงยังเป็นแค่เพียงนิดหน่อย แต่ทั้งหมดล้วนชี้อย่างชัดเจนว่า ในพระนิพพานนั้น กายของตถาคต....... ยังดำรงอยู่ ยังมีหลักฐานอีกมากมายที่ชี้ว่า กายของพระอรหันต์สาวกล้วนยังดำรงอยู่
นี่ตรงกับที่หลวงปู่ดู่สอนไว้ว่า: "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก ”
ความใหม่
มนุษย์..ความว่างที่ไม่มีตัวตน(อนัตตา) ดันไปบอกว่านิพพาน(พระเจ้า)ที่เป็นอัตตา ไม่มีตัวตน
คุณกรัชกายแสดงความเห็นว่า:
ความว่างเปล่าที่กล่าวนั้นคือ อนัตตา แต่ไม่ใช่ความว่างเปล่าที่เป็นนิพพาน
ถ้าแยกไม่ออกก็จะทำให้เข้าใจว่า อนัตตา คือ นิพพาน (อธิบายยากเน้อ ถึงได้ทะเลาะกันไม่เลิก) มีมิติกั้นอยู่นิดเดียวเอง อิอิอิ
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตาที่ถูกอัดแน่น มีความเข้มข้น ความถี่และคลื่นต่างระดับกันเท่านั้น
ความว่างเปล่าที่กล่าวนั้นคือ อนัตตา แต่ไม่ใช่ความว่างเปล่าที่เป็นนิพพาน
ถ้าแยกไม่ออกก็จะทำให้เข้าใจว่า อนัตตา คือ นิพพาน (อธิบายยากเน้อ ถึงได้ทะเลาะกันไม่เลิก) มีมิติกั้นอยู่นิดเดียวเอง อิอิอิ
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตาที่ถูกอัดแน่น มีความเข้มข้น ความถี่และคลื่นต่างระดับกันเท่านั้น
Phonsak ตอบ
แต่ไหนแต่ไรมา สรรพสิ่ง(ความว่าง)มันมี 2 อย่างคือ
1. ความว่างในจิตของผู้สร้างหรือผู้กระทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น = จิตนิพพาน หรือ จิตพุทธะ สิ่งนี้เป็นอัตตา คือ เป็นอมตะ ไม่ทุกข์ และไม่มีวันถูกทำลาย
2. ความว่างของผู้ถูกสร้าง หรือของสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นอนัตตา ไอ้สิ่งนี้มันเป็นแค่ความว่าง(อนัตตา)ที่ผู้สร้าง(จิตพุทธะ)ใช้อำนาจจิตจากฌานทำให้มันอัดแน่น มีความเข้มข้น มีความถี่และมีคลื่นต่างระดับกันเท่านั้น
แต่ไอ้ความว่างอนัตตา(มนุษย์ และสรรพจิตใน 31 ภพภูมิ) มันดันไปคิดว่าตัวมันเองมีตัวตน และกำแหงอหังการไปบอกว่านิพพานไม่มีตัวตน ไอ้ควายเอ๋ย! กบในกะลาครอบชัดๆ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น