A A

15 เมษายน 2558

ตอบคำถามเรื่อง ผม Phonsak ขอเปิดเผยความรู้สูงสุดของพุทธศาสนา + คำถาม 5 ข้อของคุณ descalipoca ผมตอบแบบเจาะลึกพิสดาร

เนื้อเรื่องเดิมก่อนตอบคำถาม

ผม Phonsak ขอเปิดเผยความรู้สูงสุดของพุทธศาสนา

นี่คือ...ความรู้สูงสุดของพุทธศาสนาที่ยังไม่เคยมีพระพุทธเจ้าองค์ไหน  เปิดเผยความรู้สูงสุดจะจะแบบนี้มาก่อนเลย

นิพพานแท้ๆจริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย อีกท่อนหนึ่ง หลวงปู่ดู่ ก็ยืนยันว่า "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก” ...แดนนิพพานที่ไม่มีอะไรเลย  เป็นที่อยู่ของจิตว่างเฉยๆ เรียกว่า "ปรินิพพาน"

ส่วนนิพพานที่มีบ้านมีเมือง  อันนั้นก็เป็นนิพพานเหมือนกัน  แต่เป็นที่อยู่ของจิตว่างที่สร้างกาย คือ ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ขึ้นมา  จึงต้องเนรมิตสร้างที่อยู่และเครื่องมือเครื่องใช้ให้กายใช้งาน

นิพพานแท้ๆ จริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย = ปรินิพพาน = จิตว่างบริสุทธิ์เฉยๆ
นิพพานที่มีบ้านมีเมือง มีธรรมกาย และมีกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์) = นิพพาน = มีทั้งจิตว่างบริสุทธิ์+เจตสิกที่คิดนึก เนรมิตสิ่งต่างๆขึ้นมา


ถาม-ตอบ

1. อ้าว ไม่ใช่ว่าห้ามแพร่งพรายหรอกเหรอ
.... ...
Huimin โพสต์

พระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าระดับพระบิดา  กำหนดกฎสวรรค์ห้ามแพร่งพราย  พระพุทธเจ้า/พระอรหันต์ทุกพระองค์จึงไม่ยอมเปิดเผยความลับสูงสุดเรื่องนี้อย่างจะจะ  มีแต่พระพุทธเจ้านาม "พระศรีอริยะเมตตรัยโย" เท่านั้น  ที่เป็นฝ่ายค้านเรื่องกฎสวรรค์  และกล้าเปิดเผยกฎสวรรค์  โดยยอมรับการลงโทษจากการผิดกฎสวรรค์  ซึ่งบังเอิญผมPhonsak เป็นอวตารหรือเป็นจิตหนึ่งของพระศรีอริยะเมตตรัยโยองค์นี้  ผมหยุดธรรมชาตินิสัยเดิมของอวตารพระศรีอริยะเมตตรัยโยไม่ได้  ผมจึงไม่สนใจการลงโทษของฟ้า  จะให้ผมหมดตัวล้มละลายเท่าไรผมไม่สนทั้งนั้น   

2. อนุโมทนาสาธุ  ครับ จะเป็นพระคุณมากหากจะอธิบายเพิ่ม สำหรับ "นิพพานที่มีบ้านเมือง"

จิตสงบ โพสต์
ก็สวรรค์นิรันดรชั้นบนสุด หรือพุทธเกษตรชั้นบนสุดใน 100 ชั้นนั่นแหละ คือ "นิพพานที่มีบ้านเมือง"

แบบจำลอง "นิพพานที่มีบ้านเมือง" ก็คือ  สวรรค์ชั้นดุสิต  ซึ่งเป็นกึ่งกลางของสวรรค์ชั้นกามทั้ง 6 ชั้น ของพุทธศาสนา  พวกเราทุกจิตต่างก็เคยอยู่ใน "นิพพานที่มีบ้านเมือง" มาแล้วทั้งนั้น  แต่พวกเราต้องการอยู่ในแบบอื่นๆบ้าง  เลยทิ้งบ้านเดิมของเรามา  ทำให้ต้องมาอยู่ในโลกมนุษย์บ้าง พรหมโลกบ้าง นรกบ้าง ฯลฯ ทั้งหมด 31 ภพภูมิ


ตอบคำถาม 5 ข้อของคุณ  descalipoca  แบบเจาะลึกพิสดาร

   1. ในเมื่อเหล่าพระอรหันต์เข้าใจถึงเหตุและการดับทุกข์แล้ว  ทำไมถึงยังมองว่าปัจจัย 4 นั้น เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่

   ตอบ  เพราะทุกข์มันมีทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจน่ะซิครับ  ทุกข์ทางใจดับได้  โดยไม่เอาเรื่องนอกจิตว่างมานึกคิดปรุงแต่ง  แต่ทุกข์ทางกายดับไม่ได้  นอกจากฆ่าตัวตายด้วยภาวะจิตว่าง อย่างพระฉันนะ พระโคธิกะ และพระวักกลิ  หรือไม่พระอรหันต์องค์นั้นก็ต้องทนรับทุกข์ทางกายไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตว่างบริสุทธิ์ของท่านก็จะเข้าไปอยู่ในเมืองนิพพาน  โดยมีกายใหม่คือธรรมกาย  กายใหม่นี้จะไม่มีทุกข์ทางกายอีกต่อไปชั่วนิรันดร

   2. ทำไมเมื่อถึงความว่างดังที่กล่าวแล้ว ยังมองว่า ความพอใจ ไม่พอใจ เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่

   ตอบ  คำว่าความพอใจ ไม่พอใจนั้นหมายถึงมนุษย์  ส่วนพระเจ้า ที่ยังไม่เข้าสู่ปรินิพพาน(เป็นจิตว่างเฉยๆอย่างเดียว)  ท่านก็จะมีสิ่งที่เรียกว่าสังขตะหรือเจตสิกหรือสมมุติเป็นกายของท่านแบบมนุษย์  ดังนั้น ความพอใจ และไม่พอใจก็ต้องมีอยู่  แต่จะหายไปโดยฉับพลัน  เพราะฐานของการวิปัสสนาเดิมของท่าน  จิตของท่านจะกลับเข้าไปสู่ภาวะรู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็นอย่างรวดเร็วมาก  ไม่ไปคิดนึกปรุงแต่งต่อให้เกิดทุกข์ทางใจ

   3. ในเมื่อธรรมชาติทั้งปวงไม่เคยทุกข์  ถ้าเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ เขาจะทุกข์ไหมครับ ถ้าเขาไม่ทุกข์แล้ว  ใครกำหนดว่ามันทุกข์ละครับ


   ตอบ   กฎแห่งกรรมหรือจิตใต้สำนึก  ที่เกิดจากอวิชชา เป็นตัวกำหนดให้รับสุขทุกข์ทางกาย แต่ทุกข์ทางใจ  ถ้าจิตมันว่างสงบมันก็ไม่มีทุกข์

   4. อ้อมีอีกข้อทำไมเมื่อเข้าใจถึงความว่าง  แล้วทำไมต้องไปนิพพานด้วย ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ  อ้อทำไมนิพพานถึงต้องเป็นพระด้วยไม่เป็นไม่ได้เหรอ อ้อในเมื่อจะช่วยแล้วต้องเป็นพระพุทธเจ้าต้องเป็นพระศรีด้วยเหรอถึงจะช่วยได้ ไม่เป็นช่วยไม่ได้เหรอครับ -0-


   ตอบ   คำว่านิพพาน คือ เมืองนิพพาน  อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย + กายทิพย์สัมโภคกาย หรือพระเจ้า(พระอรหันต์)   พระคือ ผู้ที่มีจิตว่างบริสุทธิ์และสงบ  พระไม่ได้หมายถึงผ้าเหลือง ผมก็เป็นพระครับ  แต่ใส่กางเกงและเสื้อธรรมดา  พระอยู่ที่ใจ  ต้องเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียวจึงจะมีปัญญา ความฉลาดในคำพูด การจูงใจผู้คน  และมีบารมีพร้อมช่วยมหาชนได้  พระพุทธเจ้าองค์ใหม่เป็นพระศรี จึงจะช่วยสรรพจิตมากกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดาแบบพระโคตมพุทธเจ้าของเรา  พระโคตมพุทธเจ้าของเราช่วยคนในสังสารวัฏได้เยอะก็จริง  แต่ท่านทำบารมีมาน้อยกว่าพระศรีอริยะเมตตรัย  ทำให้ช่วยสรรพจิตได้น้อยกว่า
เรื่องนี้ดูได้ง่ายๆ  ทำไมยิ่งลักษณ์เข้ามาบ้านเมืองสงบ ทุกฝ่ายอยู่กันสงบ  แต่นายกคนอื่น  บ้านเมืองไม่สงบ  มีแต่ความวุ่นวาย  เพราะบารมีของนายกท่านอื่น ทำมาน้อยกว่านายกยิ่งลักษณ์นั่นเอง

   5. ผมอ่านคำสอนพระพุทธเจ้ามา ไม่เห็นมีคำไหนเลยที่บอกว่าให้หนีกรรม ท่านมีแต่ให้รู้เมื่อเกิดการกระทบเมื่อกระทบแล้วมีความพอใจไม่พอใจ ก็ให้รู้และดูมันไป  ไม่ใช่ไปกำหนดมันอย่างที่ท่านพลศักดิ์บอกมา  แต่ทำไมถึงมีคำบอกกล่าวมาว่า หนีกรรมในคำสอนของพุทธศาสนา(ผมขอท่านพลศักดิ์หน่อยว่า  ใครใส่มา)

   ตอบ  ก็คุณตีความผิดยังไงล่ะ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ก็คือ "ผู้หนีกรรม" กฎที่เราทุกจิตตั้งไว้  จะหนีกรรมได้หมด  ต้องเข้านิพพานเท่านั้น  กรรมที่เหลืออยู่เหล่านั้น จึงจะกลายเป็นอโหสิกรรมหมด = หนีกรรม  เนื่องจากกรรมของพวกเราที่ก่อกันมา  มันมากมายมหาศาลเหลือคณานับ  ต้องหนีเข้านิพพานอย่างเดียว  ไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก  ถ้าขืนมาเกิดอีก  ก็จะต้องตามใช้กรรมที่เหลืออยู่ทั้งหมดต่อไป
จริงๆแล้ว "วิบากกรรม" ก็คือ กรรมที่กระทำไม่ถูกต้องต่อจิตวิญญาณของตนเอง  แล้วไปกระทบต่อร่างกายและจิตวิญญาณของผู้อื่น  กรรมจึงกลายเป็นเรื่องของเจ้าหนี้กรรมกับลูกหนี้กรรมไป ต้องใช้หนี้ในสังสารวัฏให้หมด  พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์  เข้านิพพานไป = ไม่ยอมใช้หนี้กรรมให้หมดนั่นเอง

0 comments:

แสดงความคิดเห็น