เนื้อเรื่องเดิมก่อนตอบคำถาม
ผม Phonsak ขอเปิดเผยความรู้สูงสุดของพุทธศาสนา
นี่คือ...ความรู้สูงสุดของพุทธศาสนาที่ยังไม่เคยมีพระพุทธเจ้าองค์ไหน เปิดเผยความรู้สูงสุดจะจะแบบนี้มาก่อนเลย
นิพพานแท้ๆจริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย อีกท่อนหนึ่ง หลวงปู่ดู่ ก็ยืนยันว่า "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก” ...แดนนิพพานที่ไม่มีอะไรเลย เป็นที่อยู่ของจิตว่างเฉยๆ เรียกว่า "ปรินิพพาน"
ส่วนนิพพานที่มีบ้านมีเมือง อันนั้นก็เป็นนิพพานเหมือนกัน แต่เป็นที่อยู่ของจิตว่างที่สร้างกาย คือ ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ขึ้นมา จึงต้องเนรมิตสร้างที่อยู่และเครื่องมือเครื่องใช้ให้กายใช้งาน
นิพพานแท้ๆ จริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย = ปรินิพพาน = จิตว่างบริสุทธิ์เฉยๆ
นิพพานที่มีบ้านมีเมือง มีธรรมกาย และมีกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์) = นิพพาน = มีทั้งจิตว่างบริสุทธิ์+เจตสิกที่คิดนึก เนรมิตสิ่งต่างๆขึ้นมา
นิพพานแท้ๆจริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย อีกท่อนหนึ่ง หลวงปู่ดู่ ก็ยืนยันว่า "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก” ...แดนนิพพานที่ไม่มีอะไรเลย เป็นที่อยู่ของจิตว่างเฉยๆ เรียกว่า "ปรินิพพาน"
ส่วนนิพพานที่มีบ้านมีเมือง อันนั้นก็เป็นนิพพานเหมือนกัน แต่เป็นที่อยู่ของจิตว่างที่สร้างกาย คือ ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ขึ้นมา จึงต้องเนรมิตสร้างที่อยู่และเครื่องมือเครื่องใช้ให้กายใช้งาน
นิพพานแท้ๆ จริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย = ปรินิพพาน = จิตว่างบริสุทธิ์เฉยๆ
นิพพานที่มีบ้านมีเมือง มีธรรมกาย และมีกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์) = นิพพาน = มีทั้งจิตว่างบริสุทธิ์+เจตสิกที่คิดนึก เนรมิตสิ่งต่างๆขึ้นมา
ถาม-ตอบ
1. อ้าว ไม่ใช่ว่าห้ามแพร่งพรายหรอกเหรอ
.... ...
Huimin โพสต์
.... ...
Huimin โพสต์
พระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าระดับพระบิดา กำหนดกฎสวรรค์ห้ามแพร่งพราย พระพุทธเจ้า/พระอรหันต์ทุกพระองค์จึงไม่ยอมเปิดเผยความลับสูงสุดเรื่องนี้อย่างจะจะ
มีแต่พระพุทธเจ้านาม "พระศรีอริยะเมตตรัยโย"
เท่านั้น ที่เป็นฝ่ายค้านเรื่องกฎสวรรค์ และกล้าเปิดเผยกฎสวรรค์ โดยยอมรับการลงโทษจากการผิดกฎสวรรค์
ซึ่งบังเอิญผมPhonsak เป็นอวตารหรือเป็นจิตหนึ่งของพระศรีอริยะเมตตรัยโยองค์นี้ ผมหยุดธรรมชาตินิสัยเดิมของอวตารพระศรีอริยะเมตตรัยโยไม่ได้
ผมจึงไม่สนใจการลงโทษของฟ้า จะให้ผมหมดตัวล้มละลายเท่าไรผมไม่สนทั้งนั้น
2. อนุโมทนาสาธุ ครับ จะเป็นพระคุณมากหากจะอธิบายเพิ่ม สำหรับ "นิพพานที่มีบ้านเมือง"
จิตสงบ โพสต์
ก็สวรรค์นิรันดรชั้นบนสุด
หรือพุทธเกษตรชั้นบนสุดใน 100
ชั้นนั่นแหละ คือ "นิพพานที่มีบ้านเมือง"
แบบจำลอง "นิพพานที่มีบ้านเมือง" ก็คือ สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นกึ่งกลางของสวรรค์ชั้นกามทั้ง 6 ชั้น ของพุทธศาสนา พวกเราทุกจิตต่างก็เคยอยู่ใน "นิพพานที่มีบ้านเมือง" มาแล้วทั้งนั้น แต่พวกเราต้องการอยู่ในแบบอื่นๆบ้าง เลยทิ้งบ้านเดิมของเรามา ทำให้ต้องมาอยู่ในโลกมนุษย์บ้าง พรหมโลกบ้าง นรกบ้าง ฯลฯ ทั้งหมด 31 ภพภูมิ
แบบจำลอง "นิพพานที่มีบ้านเมือง" ก็คือ สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นกึ่งกลางของสวรรค์ชั้นกามทั้ง 6 ชั้น ของพุทธศาสนา พวกเราทุกจิตต่างก็เคยอยู่ใน "นิพพานที่มีบ้านเมือง" มาแล้วทั้งนั้น แต่พวกเราต้องการอยู่ในแบบอื่นๆบ้าง เลยทิ้งบ้านเดิมของเรามา ทำให้ต้องมาอยู่ในโลกมนุษย์บ้าง พรหมโลกบ้าง นรกบ้าง ฯลฯ ทั้งหมด 31 ภพภูมิ
ตอบคำถาม 5 ข้อของคุณ descalipoca แบบเจาะลึกพิสดาร
1. ในเมื่อเหล่าพระอรหันต์เข้าใจถึงเหตุและการดับทุกข์แล้ว ทำไมถึงยังมองว่าปัจจัย 4 นั้น
เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่
ตอบ เพราะทุกข์มันมีทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจน่ะซิครับ
ทุกข์ทางใจดับได้ โดยไม่เอาเรื่องนอกจิตว่างมานึกคิดปรุงแต่ง
แต่ทุกข์ทางกายดับไม่ได้ นอกจากฆ่าตัวตายด้วยภาวะจิตว่าง
อย่างพระฉันนะ พระโคธิกะ และพระวักกลิ หรือไม่พระอรหันต์องค์นั้นก็ต้องทนรับทุกข์ทางกายไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตว่างบริสุทธิ์ของท่านก็จะเข้าไปอยู่ในเมืองนิพพาน โดยมีกายใหม่คือธรรมกาย กายใหม่นี้จะไม่มีทุกข์ทางกายอีกต่อไปชั่วนิรันดร
2. ทำไมเมื่อถึงความว่างดังที่กล่าวแล้ว
ยังมองว่า ความพอใจ ไม่พอใจ เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่
ตอบ คำว่าความพอใจ
ไม่พอใจนั้นหมายถึงมนุษย์ ส่วนพระเจ้า
ที่ยังไม่เข้าสู่ปรินิพพาน(เป็นจิตว่างเฉยๆอย่างเดียว)
ท่านก็จะมีสิ่งที่เรียกว่าสังขตะหรือเจตสิกหรือสมมุติเป็นกายของท่านแบบมนุษย์
ดังนั้น ความพอใจ และไม่พอใจก็ต้องมีอยู่
แต่จะหายไปโดยฉับพลัน เพราะฐานของการวิปัสสนาเดิมของท่าน
จิตของท่านจะกลับเข้าไปสู่ภาวะรู้ก็สักแต่ว่ารู้
เห็นก็สักแต่ว่าเห็นอย่างรวดเร็วมาก ไม่ไปคิดนึกปรุงแต่งต่อให้เกิดทุกข์ทางใจ
3. ในเมื่อธรรมชาติทั้งปวงไม่เคยทุกข์ ถ้าเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ เขาจะทุกข์ไหมครับ ถ้าเขาไม่ทุกข์แล้ว ใครกำหนดว่ามันทุกข์ละครับ
ตอบ กฎแห่งกรรมหรือจิตใต้สำนึก ที่เกิดจากอวิชชา
เป็นตัวกำหนดให้รับสุขทุกข์ทางกาย แต่ทุกข์ทางใจ
ถ้าจิตมันว่างสงบมันก็ไม่มีทุกข์
4. อ้อมีอีกข้อทำไมเมื่อเข้าใจถึงความว่าง แล้วทำไมต้องไปนิพพานด้วย ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ อ้อทำไมนิพพานถึงต้องเป็นพระด้วยไม่เป็นไม่ได้เหรอ อ้อในเมื่อจะช่วยแล้วต้องเป็นพระพุทธเจ้าต้องเป็นพระศรีด้วยเหรอถึงจะช่วยได้ ไม่เป็นช่วยไม่ได้เหรอครับ -0-
ตอบ คำว่านิพพาน คือ เมืองนิพพาน อายตนะนิพพาน
= ธรรมกาย +
กายทิพย์สัมโภคกาย หรือพระเจ้า(พระอรหันต์) พระคือ
ผู้ที่มีจิตว่างบริสุทธิ์และสงบ พระไม่ได้หมายถึงผ้าเหลือง
ผมก็เป็นพระครับ แต่ใส่กางเกงและเสื้อธรรมดา พระอยู่ที่ใจ
ต้องเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียวจึงจะมีปัญญา ความฉลาดในคำพูด การจูงใจผู้คน
และมีบารมีพร้อมช่วยมหาชนได้ พระพุทธเจ้าองค์ใหม่เป็นพระศรี
จึงจะช่วยสรรพจิตมากกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดาแบบพระโคตมพุทธเจ้าของเรา พระโคตมพุทธเจ้าของเราช่วยคนในสังสารวัฏได้เยอะก็จริง แต่ท่านทำบารมีมาน้อยกว่าพระศรีอริยะเมตตรัย
ทำให้ช่วยสรรพจิตได้น้อยกว่า
เรื่องนี้ดูได้ง่ายๆ ทำไมยิ่งลักษณ์เข้ามาบ้านเมืองสงบ ทุกฝ่ายอยู่กันสงบ แต่นายกคนอื่น บ้านเมืองไม่สงบ มีแต่ความวุ่นวาย เพราะบารมีของนายกท่านอื่น
ทำมาน้อยกว่านายกยิ่งลักษณ์นั่นเอง
5. ผมอ่านคำสอนพระพุทธเจ้ามา ไม่เห็นมีคำไหนเลยที่บอกว่าให้หนีกรรม
ท่านมีแต่ให้รู้เมื่อเกิดการกระทบเมื่อกระทบแล้วมีความพอใจไม่พอใจ
ก็ให้รู้และดูมันไป ไม่ใช่ไปกำหนดมันอย่างที่ท่านพลศักดิ์บอกมา
แต่ทำไมถึงมีคำบอกกล่าวมาว่า “หนีกรรม” ในคำสอนของพุทธศาสนา(ผมขอท่านพลศักดิ์หน่อยว่า ใครใส่มา)
ตอบ ก็คุณตีความผิดยังไงล่ะ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ก็คือ "ผู้หนีกรรม" กฎที่เราทุกจิตตั้งไว้ จะหนีกรรมได้หมด ต้องเข้านิพพานเท่านั้น
กรรมที่เหลืออยู่เหล่านั้น จึงจะกลายเป็นอโหสิกรรมหมด =
หนีกรรม เนื่องจากกรรมของพวกเราที่ก่อกันมา มันมากมายมหาศาลเหลือคณานับ ต้องหนีเข้านิพพานอย่างเดียว ไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าขืนมาเกิดอีก ก็จะต้องตามใช้กรรมที่เหลืออยู่ทั้งหมดต่อไป
จริงๆแล้ว "วิบากกรรม" ก็คือ
กรรมที่กระทำไม่ถูกต้องต่อจิตวิญญาณของตนเอง
แล้วไปกระทบต่อร่างกายและจิตวิญญาณของผู้อื่น
กรรมจึงกลายเป็นเรื่องของเจ้าหนี้กรรมกับลูกหนี้กรรมไป ต้องใช้หนี้ในสังสารวัฏให้หมด พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ เข้านิพพานไป = ไม่ยอมใช้หนี้กรรมให้หมดนั่นเอง
0 comments:
แสดงความคิดเห็น