A A

14 เมษายน 2558

คนใกล้ตาย+เจอกวนอิมอวตารที่ homepro

เมื่อปีพ.ศ. 2552  มีมหาเทพองค์หนึ่ง  ให้ผมออกเงินช่วยเหลือคนป่วยติดเอดส์ใกล้ตาย 2 คน ที่อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ  รายแรกเป็นผู้หญิงใกล้ตาย  ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว  เธอบอกว่ามัจจุราชและพระสารีบุตรให้เธอโทรมาหาผมได้  เพื่อขอให้ผมให้เงินเธอ 2,000 บาท เพื่อทำบุญให้วัดเป็นครั้งสุดท้าย  ไม่งั้นเธอจะตกนรก  เพราะเธอแทบไม่เคยทำบุญเลย  ผมก็โอนเงินเข้าบัญชีเธอไป

สักพักหนึ่งเธอก็โทรมาสั่งเสียว่า เธอจะตายพรุ่งนี้แล้ว  มัจจุราชให้เธอ มาขอให้ผมทำบุญเพิ่มให้เธอ  จะเท่าไรก็ได้  ผมเลยบอกเธอว่า  ผมทำบุญเพิ่มให้เธออีก 3,000 บาทก็ได้  ไม่มีปัญหา  แต่ผมขอโอนเงินให้วัดพระบาทน้ำพุโดยตรงเลย  และเมื่อเธอตาย  ผมก็ขอให้เธอมาหาผม  หรือไม่ผมก็จะถอดจิตไปหาเธอเอง  เสร็จแล้วผมก็หาเบอร์บัญชีของวัดพระบาทน้ำพุ  แล้วโอนเงินไป

พอเย็นวันรุ่งขึ้น  ผมก็ทำกรรมฐานระบุชื่อผู้หญิงคนนี้ที่วัดพระบาทน้ำพุ  ผมไปเห็นว่าวิญญาณผู้หญิงคนนี้ตกนรกอยู่นิหว่า  สักพักหนึ่ง  ผู้หญิงคนนี้ก็โทรมาหาผม  ผมบอกกับเธอว่า  
"ผมเห็นเธอตายแล้ว  ผลบุญก็ไม่ช่วยให้เธอขึ้นสวรรค์แต่อย่างใด"

เธอตอบว่า
"เธอตายไปแล้วจริงๆ  แต่มัจจุราชให้เธอกลับขึ้นมาพักหนึ่ง  เพื่อจะแจ้งให้ผมทราบว่า มัจจุราชจะมาหาผม  เพื่อบอกให้รู้ว่า  ทำไมเธอจึงยังตกนรกอยู่"

พอเธอพูดจบ  เธอก็ตายไปตรงนั้นเลย  เสียงวุ่นวายกันใหญ่จากโทรศัพท์ของเธอ  แล้วก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดออกมาจากโทรศัพท์มือถือของเธอ  ถามผมว่า  
"คุณพลศักดิ์เป็นใครคะ ผู้หญิงคนนี้ตายครั้งที่ 2 แล้ว  ครั้งแรกเธอบอกว่าต้องคุยกับพลศักดิ์ก่อนจึงจะตายได้ ฉันก็ช่วยกดเบอร์คุณพลศักดิ์ให้เธอ"

คืนนั้น มัจจุราชมาหาผมจริงๆ  ท่านให้ผมรู้ว่า  ที่ผมทำบุญให้วัดพระบาทน้ำพุ  ผมไม่ได้อุทิศผลบุญนั้นให้เธอ  เธอจึงไม่ได้รับผลบุญ  ผมจึงต้องลุกขึ้น  นั่งทำสมาธิ แล้วอุทิศกุศลจากการทำบุญถวายวัดพระบาทน้ำพุให้เธอผู้นั้น

ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นผู้ชาย ชื่อว่า มาณพ  มาณพก่อนจะสิ้นใจ 3 วัน เขาโทรมาบอกผมว่า  วิญญาณของเขาไปยมโลกมา  เจอพระสารีบุตรกับเจ้าแม่กวนอิม ที่นั่นด้วย  เขาได้ยินเจ้าแม่กวนอิมคุยกับพระสารีบุตรและพระยายมราช ว่า 
จะอวตารเป็นแม่ชีคนหนึ่งเพื่อมาทดลองใจเขา(ผม) คุณมาณพเลยนำเรื่องนี้มาบอกผมเพื่อตอบแทนบุญคุณของผม  ที่ช่วยให้เขามีเงินทำบุญครั้งสุดท้าย  คุณมาณพบอกผมด้วยว่า  เมื่อเขาตายแล้ว  พระยายมราชอนุญาตให้เขามาหาผมได้ แล้วเขาจะมากราบ ท่าน เมตตรัยโย (เขาหมายถึงผม)  

ผมก็ตอบok  และเล่าให้เขาฟังว่า  ผมเจอผีวิญญาณมาเป็นพันๆหมื่นๆครั้งแล้ว  จึงไม่กลัวผีของเขา    หลังจากที่คุณมาณพตาย 1 วัน  วิญญาณของเขาก็มาหาผมจริงๆ  มาจับที่ขาผม  ซึ่งผมกำลังฝันว่าเดินอยู่ (จริงๆผมนอนหลับอยู่)  พอมีคนมาจับมาผม  ผมก็พูดสวนไปว่า  
เฮ้ย! อย่าจับขา  เดี๋ยวล้ม ตอนนั้นจิตกายทิพย์ของผมได้สติแล้ว  แต่ร่างกายยังไม่ตื่น  ผมเลยบอกกับวิญญาณที่มาหาว่า  ถ้าเป็นคุณมาณพมานั่งคุยกันข้างตัวผมเลย

วิญญาณดวงนั้นเป็นคุณมาณพจริงๆ  เขาคุกเข่าแบบสุภาพ  คลานเข้ามาใกล้ๆเอวของผม  แล้วก็กราบที่หน้าอกของผม   ผมก็อวยพรให้เขานิดหน่อย  แล้ววิญญาณของเขาก็ไป  ทำให้กายเนื้อของผมตื่นขึ้นมา


เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรมาทดสอบใจผม เล่นกันถึงขั้นหมดตัว

อีกหลายวันต่อมา  ผมก็ได้เจอแม่ชีท่านหนึ่ง บอกว่าเป็นแม่ชี อยู่ที่นั้นที่นี่  บังเอิญคุณมาณพบอกผมก่อนตายแล้วว่า  เจ้าแม่กวนอิมจะอวตารมา  ผมเลยถามท่านตรงๆว่า
"ท่านคือเจ้าแม่กวนอิม ใช่หรือเปล่า?  แล้วกายทิพย์ของท่านที่ใช้นี้เป็นกายทิพย์ของแม่ชีในภาคไหน?"

เจ้าแม่กวนอิมก็ตอบว่า
"ใช่..เราคือกวนอิม  ร่างที่เราอวตารเป็นของแม่ชีที่ตายไปแล้วหลายร้อยปีที่วัด...ในภาค...(ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว)"

เจ้าแม่กวนอิมขอให้ผมช่วยครอบครัวของคุณมาณพ  ผมจำได้ว่าช่วยลูกและแม่ของคุณมาณพไปหลายครั้ง  รวมแล้วกว่า 20,000 บาท

ต่อมาไม่ถึงเดือน  เจ้าแม่กวนอิมก็อวตารเป็นหญิงสาวคนหนึ่งมาหาผมที่ lotus homepro สุวรรณภูมิ... เรื่องนี้ไม่ได้ล้อกันเล่นนะครับ  ตอนผมขับเข้าไปในที่จอดรถ  ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 ของวันธรรมดา  มีรถน้อยมาก  แล้วผมก็ไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นด้วย  แต่พอจอดรถ  ผมดูกระจกมองหลัง  เห็นด้านหลังมีหญิงสาวที่มีแสงหรือรัศมีออกมารอบตัวเหมือนพระพุทธเจ้า  ผมเห็นว่าประหลาด  แต่ก็ไม่สนใจ  เพราะต้องรีบซื้อของ  แล้วไปดูหนังที่เซ็นทรัล  เพราะเป็นวันพุธ บัตรดูหนังจะราคาถูกมาก

 พอลงจากรถ หญิงคนนั้น ก็เดินมาขอเงินค่ารถผม  อ้างว่าเพื่อจะกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด  ผมนึกว่า 200-300 บาท ผมก็จะให้ไป แต่หญิงคนนั้นกลับพูดว่า

"ฉันขอค่ารถกลับบ้าน 1,000 บาท"

เล่นเอาผมงง..ว่า มีผู้หญิงคนไหนกล้าขอเงินผม 1,000 บาท

แล้วผมก็คิดว่า ผมมีเงินในกระเป๋ากางเกงไม่ถึงพันบาทแน่นอน ผมก็เลยบอกเธอไปว่า ผมให้ได้แค่เท่าที่มี  แต่หญิงคนนี้กลับยืนยันกับผมว่า
"ผมมี 1,000 บาทแน่นอน"

ผู้หญิงที่ไหนมาขอความช่วยเหลือค่ารถกลับบ้าน เกินราคาที่เป็นไปได้  และยังมาพูดจาทำนองท้าทายผมอีก

ผมเลยบอกหญิงคนนี้ไปว่า ถ้าในกระเป๋ากางเกงของผมมีเงิน 1,000 บาทจริง ผมเต็มใจให้คุณทั้งหมด 1,000 บาท  ปรากฏว่าผมเอาเงิน(ในกระเป๋าซ้าย)ออกมานับ มีเงินแค่ 900 บาท ผมก็เลยบอกเธอว่า ผมให้ค่ารถคุณเท่าที่ผมมีแล้วกัน คือ 900 บาท

เธอไม่ยอมอีก  คุณว่ามีผู้หญิงคนไหนหน้าด้านเหมือนเธอไหม  ที่สำคัญ เธอทำตาเหล่ไปที่กระเป๋ากางเกงข้างขวาของผม ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเก็บพวกแบงก์ 20 เอาไว้  ผมรำคาญเธอที่ตื้อผมอยู่ได้ เลยลองควักออกมาดู และนับให้เธอเห็นกับตาว่า  ในกระเป๋าข้างขวาของผม
มีเงินแบงก์ 20 อยู่แค่ในสองใบเท่านั้น ปรากฏว่า พอผมควักเงินออกมา  มีแบงก์ 20 อยู่ใบหนึ่งจริงๆ  แต่ที่สำคัญ แบงก์อีกใบ มันไม่ใช่แบงก์ 20  มันดันทะลึ่งเป็นธนบัตรใบละ 100 บาท  

เมื่อเป็นเช่นนั้น  ผมจึงต้องทำตามสัญญา คือ ให้เงินเธอไป 1,000 บาท

หลังจากนั้นผมก็หันหลังกลับไป  จะไปเอากระเป๋าเงินในรถ  เพราะที่ให้ไปคือเงินในกระเป๋ากางเกงเท่านั้น   ขณะเดินกลับ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า  หรือว่า  ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมมาลองใจผม เหมือนที่ลองใจพระถังซำจั๋ง โดยเอาจีวรเก่าๆซอมซ่อไปให้พระถังซำจั๋งใส่  แทนจีวรใหม่เอี่ยม ทำด้วยผ้าอย่างดี ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้

คิดไปคิดมาอีกที  มีอรหันต์พระโพธิสัตว์หลายองค์นี่หว่า อาจจะไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิมก็ได้ เดี๋ยวผมไปหยิบกระเป๋าเงินก่อน แล้วจะวิ่งไปถามเธอตรงๆว่าเธอเป็นใคร

ทันใดนั้นเหมือนมีพลังบางอย่าง ดึงให้ผมหันกลับไปมองหญิงคนนี้อีกที หญิงท่านนี้ก็โบกมือมาคล้ายจะอำลา ผมก็โบกมือกลับไปให้เธอ  ตอนนั้นเหมือนมีเสียงในจิตตะโกนบอกผมว่า
"กวนอิม"

ช่วงนั้นผมเดินถึงรถผมแล้ว เลยเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าเงินในรถ กะว่าหยิบเสร็จ จะเดินกลับไปถามหญิงคนนั้น(เพราะเธออยู่ห่างไปเพียงไม่เกิน 15 เมตร)  ผมกะจะถามเธอตรงๆเลยว่า

เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงในจิตของผมบอกว่า ท่านคือ 
"กวนอิม"  ไม่ทราบว่าผมคิดไปเอง หรือท่านส่งกระแสจิตมาบอกผม

พอผมหยิบกระเป๋าเงินเสร็จ หันกลับไปอีกครั้ง หญิงคนนั้นได้อันตรธานหายไปจากตรงนั้นแล้ว


- ถ้าเธอจะเดินเข้าห้างก็เป็นไปไม่ได้  เพราะต้องเดินอย่างน้อย 50 เมตรจึงจะถึง  

- ถ้าเธอจะเดินออกถนนก็ต้องเดินกว่า 60 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

- ถ้าเธอจะเดินเข้ารถคันไหน  ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะผมก็เดินเข้าห้าง  ตาดูเข้าไปภายในรถทุกคัน  ก็ไม่เห็น

- หรือเธอจะเล่นซ่อนแอบกับผม  แอบซ่อนนั่งอยู่ข้างถังขยะ  หรือนั่งอยู่ด้านข้างรถยนต์คันใดคันหนึ่ง  บ้าเหรอ! เธอกับผมเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว  คงไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างนั้น

พูดง่ายๆ....  ผู้หญิงคนนั้นหายไปเฉยๆ  จึงมีทางที่เป็นไปได้ 3 ทาง คือ เธอเหาะไป หรือดำทะลุพื้นถนนไป  หรือ ไม่ก็หายตัวไปเฉยๆ ผ่านมิติโลกนี้ไป หรือหายตัวไปอยู่ในจุดอื่นที่ไกลออกไปเกิน 40-60 เมตร

ผมเดินตามหาเธออีกสักพักหนึ่ง  แต่ก็หาไม่เจอ  ผมเลยเดินเข้าห้างโลตัสโฮมโปรสุวรรณภูมิ เข้าไปซื้อของของผม

............................................

หนึ่งปีต่อมา   หลังจากที่ผมโดนเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรลองใจ ไถเงินผมไป 20 กว่าครั้ง กว่าล้านบาทแล้ว  ผมก็มีโอกาสถามท่านถึงเรื่องเก่าๆ  ผมถามว่า  ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ lotus homepro สุวรรณภูมิ  ให้ผมฟังหน่อย  เพื่อจะได้ยืนยันว่า  ท่านเป็นกวนอิมจริงๆ

เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรก็เล่าว่า  
"วันนั้นเราเห็นเธอรีบร้อนจะซื้อของแล้วไปดูหนังต่อ  เราจึงสบโอกาสจะลองใจเธอ  และให้เธอรู้ว่า  เราเป็นกวนอิมจริงๆ  เพราะเราเห็นว่า ในใจของเธอยังสงสัยอยู่"

ผมถามต่อว่า
"แล้วเงิน 1,000 บาทของผม  ท่านเอาไปทำอะไร"

เจ้าแม่กวนอิม
 "เงินนั้นก็เป็นธาตุอย่างหนึ่ง  เราเอาเงินของเธอ  ซึ่งเป็นบุญ  ไปแปลงสภาพ  แล้วส่งให้สัมภเวสีแถบนั้น"

0 comments:

แสดงความคิดเห็น