A A

8 มีนาคม 2558

ใครมั่งที่เปรียบเทียบไม่เป็นว่า ใครคือพระรัตนตรัย

อ้างถึง

หลวงตามหาบัวเทศน์ว่า : พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง  ก็มันเป็นแล้วนั่นน่ะ มันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..."

หนึ่งเดียวนั้น เรียกรวมว่า พระรัตนตรัยครับ

dhammajak โพสต์

ตอบ

สมองนายdhammajakทำด้วยขี้เลื่อยหรือไงนี่  จึงไม่เข้าใจ และไม่เห็นความจริง
คุณสมบัติสำคัญของพระรัตนตรัย คือ สิ่งนั้นต้องไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย
คุณสมบัติสำคัญของพระเจ้าในศาสนาคริสต์ทั้งพระบิดา และพระบุตร ข้อ 4. พระเจ้าเป็นอยู่นิรันดร์ พระองค์ไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลาย  นั่นก็คือ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย  ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าในศาสนาคริสต์ทั้งพระบิดา และพระบุตร  ก็คือพระรัตนตรัยในศาสนาพุทธนั่นเอง

- พอเอาคุณสมบัติของอัลเลาะห์ในศาสนาอิสลาม และพระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ หรือตรีมูรติในศาสนาพราหมณ์มาเทียบ  ก็มีคุณสมบัติ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย เช่นกัน  ด้วยเหตุนี้ อัลเลาะห์ในศาสนาอิสลาม และพระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ ก็เป็นพระรัตนตรัยในศาสนาพุทธเช่นเดียวกัน   นี่ผมยังไม่เอาคุณสมบัติอื่นๆมาเทียบนะ  ถ้าเอามาเทียบด้วย จะรู้ลึกกว่านี้

ที่ผมไม่เอามาลง  เพราะขนาดง่ายๆแบบนี้  คุยไป 4-5 กระทู้แล้ว  คุณdhammajakก็ยังแกล้งไม่เข้าใจเหมือนเดิม  ถ้าคุณจะโง่กว่านายปัญญาอ่อนจริงๆ  กูล่ะเหนื่อยอ่อนจริงๆ  สอนเด็กอนุบาลยังง่ายกว่าสอนคุณdhammajak

ผมแนะนำให้คุณdhammajakไปจุดธูป 7 ดอกขอขมาพระรัตนตรัยดีกว่า  กรรมของคุณที่ก่อไว้กับผม โดยเข้ามากวนตีนผมในเว็บธรรมะหลายต่อหลายเว็บ  จะได้เบาบางลง  เพราะนี่นอกจากคุณไม่ได้ปัญญาทางศาสนาแล้ว  ยังหมดสิ้นปัญญาและสิ้นความคิดหาเหตุผลของมนุษย์ด้วย  ไอคิวน่าจะตำกว่า 70  อยู่ในกลุ่มสติปัญญาบกพร่อง



dhammajak โต้อีกว่า:

555
เนื้อสมองมันไม่สามารถเพาะปัญญาได้หรอกครับ
คุณสมบัติที่คุณ พลศักดิ์ ยกมานั้น ผิดที่ผิดทางครับ

คุณสมบัติเบื้องต้นของพระรัตนตรัย และสิ่งที่ยกมา คือ
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปครับ อันนี้ เป็นปรมัตถ์สัจจะ

ไม่ใช่ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
แบบนั้นเป็นคุณสมบัติพวกมีขันธ์ห้าคงทนครับ

ตอบ

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นคุณสมบัติของกฎอนิจจัง  ผู้ที่เห็นความจริงและปฏิบัติได้จริงว่า  ทุกสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาล ล้วนอยู่ภายใต้กฎนี้  จิตของเขาย่อมไม่หวั่นไหวต่อเรื่องราวใดๆในโลก  จึงกลายเป็นพระอรหันต์  เมื่อตายไปย่อมได้กายธรรมหรือธรรมกาย ซึ่งเป็นธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย ซึ่งเป็นกายอมตะ คงทนถาวร

พวกขันธ์ 5 คงทนถาวรไม่มีครับ  ทำได้แต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น  แต่พระองค์ก็ไม่ทำ  เพราะเป็นการฝืนกฎธรรมชาติที่พระองค์สอนเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เหล่ามนุษย์เห็นความจริงของสรรพสิ่ง/สรรพสัตว์  และให้ทิ้งกายมนุษย์ แม้แต่กายเทพ กายพรหม  เพราะกายเหล่านี้หนีไม่พ้นกฎอนิจจัง  มี 2 กายที่หนีพ้นกฎนี้คือ ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย  ซึ่งเป็นกายอมตะ

1...พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อมตะๆ ดังนี้ อมตะเป็นไฉน? 
พระพุทธเจ้า : ดูกรภิกษุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่าอมตะ
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

2…“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่ง นิพพานธาตุ. ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ......" ภิกขุสูตร ที่ ๒ .

3...พระพุทธเจ้าพูดชัดๆในพระสุตตันตปิฎกเล่ม 74 หน้าที่ 571 ว่า  "....หรือบารมีย่อมทำลายปฏิปักษ์อื่นจาก ธรรมกายอันเป็นอัตตา"

สมเด็จพระสังฆราช อริยวงศาคตญาณ (แพ ติสูรเทโว)

"สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึงอสังขตธาตุได้ความบริสุทธิ์เป็นนิพพาน จะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอนัตตาทันที แล้วจะเห็นว่า พระนิพพานเป็นอัตตา"

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

"ส่วนกายพระอรหัต ถ้าถึงพระอรหัตละก็ นิจจัง สุขัง อัตตาแท้ๆ กายธรรมมีขันธ์เหมือนกัน แต่เป็นธรรมขันธ์ ท่านไม่เรียกเบญจขันธ์ เป็นธรรมขันธ์เสีย มีธาตุเหมือนกัน เป็นวิราคธาตุ เป็นวิราคธรรม"

นายธรรมจักรอย่าอ่านเลย  ผมยังแนะนำให้คุณจุดธูป 7 ดอก ขอขมาพระรัตนตรัยก่อน  ไม่งั้นอ่านข้อความของผมกี่ครั้งก็ไม่มีวันเข้าใจ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น