อ้างถึง
ทีแรกผมเข้าใจว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็รู้เท่าทันกิเลสดับหมด
จึงเข้านิพพาน
แต่นี่ยังมีวนมาเกิดใน 3 ภพอีก ปกติเห็น dhammajak ชอบท้วง
อันนี้ไม่ท้วง แสดงว่าเราเคยเป็นพระอรหันต์แล้วเรามาเกิดใหม่กันใช่มั้ย??
เป็นพระอรหันต์ไม่ใช่ว่าจะเข้านิพพานได้ใช่มั้ย ถ้างั้น??
แล้วอย่างนี้ต้องปฏิบัติจนถึง level ไหนล่ะ จึงจะไม่ต้องกลับมาวนเกิดอีก
เคลียร์หน่อยครับ
jackyrobinson48 โพสต์
แต่นี่ยังมีวนมาเกิดใน 3 ภพอีก ปกติเห็น dhammajak ชอบท้วง
อันนี้ไม่ท้วง แสดงว่าเราเคยเป็นพระอรหันต์แล้วเรามาเกิดใหม่กันใช่มั้ย??
เป็นพระอรหันต์ไม่ใช่ว่าจะเข้านิพพานได้ใช่มั้ย ถ้างั้น??
แล้วอย่างนี้ต้องปฏิบัติจนถึง level ไหนล่ะ จึงจะไม่ต้องกลับมาวนเกิดอีก
เคลียร์หน่อยครับ
jackyrobinson48 โพสต์
ตอบ
- พวกเราทั้งหมดเริ่มแรก เป็นสิ่งเดียวกัน คือ เป็นจิตว่าง อยู่ในความว่าง เราต้องอยู่อย่างนั้นชั่วนิรันดร มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะเมื่อจิตว่าง ความทุกข์มันก็ไม่มี
- ทีนี้พวกเราจิตว่างทั้งหมด ต้องการอยู่เป็นจิตที่ไม่ว่างบ้าง จะลองดูว่า มันดีกว่าหรือเลวกว่าความเป็นจิตว่างหรือเปล่า
- พวกเราจึงสร้างจักรวาลขึ้นมา แล้วให้อิสระตัวเอง โคลนนิ่งจิตว่าง(ซึ่งเป็นอรหันต์)ออกมาได้อีกตัวหนึ่ง เรียกว่า จิตประภัสสร แล้วให้จิตปภัสสรมีสิทธิเลือกทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้ ทำจิตให้ว่างก็ได้ จะได้ลองใช้ชีวิตอยู่ในภพภูมิอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ภพภูมิของจิตว่าง(นิพพาน)ดูบ้าง
- อรหันต์จิตว่างท่านใด จะออกไปใช้ชีวิตอยู่ในภพภูมิอื่นๆในจักรวาลที่พวกเราสร้างขึ้นมา ก็มีอิสรเสรีภาพที่จะออกไปได้ แต่ อรหันต์ท่านนั้น ต้องให้ตัวจิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งออกไปตัวอรหันต์ก็อยู่ในนิพพานเหมือนเดิม แต่ต้องแปรสภาพเป็นมโนธรรม
- ตัวอรหันต์ที่แปรสภาพเป็นมโนธรรม จะคอยชี้นำให้ตัวจิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งกลับเข้าไปเป็นจิตว่างมหาบริสุทธิ์เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อจะได้ให้แฟร์ในการเล่นเกมส์ พวกเราได้ให้พระอรหันต์อีกพวก เป็นผู้ชี้นำให้จิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งให้ทำความดีบ้างชั่วบ้างได้ก็ได้
- ย้ำ! ตัวจิตประภัสสรมีสิทธิเสรีภาพจะเลือก ทำดีเพื่อไปอยู่ภพภูมิที่ดีได้ หรือจะทำชั่วเพื่อไปอยู่ภพภูมิที่ชั่วก็ได้ หรือจะเลือกทำจิตให้ว่างเพื่อกลับสู่บ้านเดิม คือนิพพานก็ได้
- แต่เพราะว่า มีจิตที่เลือกกลับบ้านเดิม เข้าไปอยู่ในนิพพานน้อยมาก เนื่องจากเราก็ให้อนุญาตพระอรหันต์ฝ่ายดีและฝ่ายชั่วมากเกินไป อรหันต์ฝ่ายจิตว่างเลยสู้ไม่ได้ โดยเฉพาะฝ่ายชั่วนั้น มันมีอำนาจสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงได้ทุกรูปแบบ
- ดุลยภาพของอำนาจ จึงเปลี่ยนไปอยู่ทางฝ่ายชั่วกว่า 92% ฝ่ายดี 7% และฝ่ายที่เลือกทำจิตว่างเป็นมีไม่ถึง 1%
เพื่อจะให้เป็นธรรมมากขึ้น พวกเราเหล่าอรหันต์จึงอนุญาตให้มีการสำนึกบาป และตั้งใจแน่วแน่วว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก เป็นตัวทำให้จิตนั้นไม่ต้องไปใช้กรรมในอบายภูมิ ใช้กรรมแค่บนโลกบางส่วนเท่านั้น ถือเป็นการให้โอกาสจิตที่เสื่อมความปภัสสรไปแล้ว ได้มีโอกาสทำจิตให้มหาบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
แต่ฝ่ายที่ทำหน้าที่ชี้นำให้คนทำชั่ว ก็แก้เกมส์ด้วยการดลใจชาวพุทธไม่ให้รู้เรื่องการสำนึกบาป และไม่ให้รู้ว่า ตั้งใจแน่วแน่วว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก จะทำให้ไม่ต้องไปสู่อบายภูมิ
ฝ่ายที่ทำหน้าที่ชี้นำให้ทุกจิตเข้านิพพาน เลยแก้เกมส์ด้วยการนำจิตที่สำนึกบาป ออกไปจากสังสารวัฏ พ้นอำนาจครอบงำของมารไปเลย โดยให้ไปอยู่ในพุทธเกษตรต่างๆ เช่น พุทธเกษตรของพระอมิตาภะพุทธเจ้า พุทธเกษตรของอัลเลาะห์ และพุทธเกษตรของพระเยซูคริสต์ ไปฝึกวิชาเข้านิพพานกันที่นั่น ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
สรุป
อรหันต์ไม่ได้ออกมาจากนิพพาน มาวนเวียนใน 3 ภพแต่อย่างใด อรหันต์ที่ออกมาเท่าที่นึกออกในตอนนี้ ก็มีพระเวสสันดร พระเยซู พระศรีอริยะเมตตรัย และก็ผม เพื่อทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ สอนธรรมแก่โลก
ที่อยู่ของอรหันต์ไม่ใช่อยู่ในนิพพานแห่งเดียว ถ้าทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ด้วย อรหันต์ท่านนั้นจะอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต
อ้างถึง
ขออนุโมทนาทั้งหมด
แต่ตั้งแต่เจ้ากระทู้- สรุป ส่วนกระทู้เพิ่มเติมความเห็นไม่เอาด้วยนะคะ
ขอขมาด้วย
*** ข้อธรรมที่โพสต์หลายปีหลังๆในที่ต่างๆนี่น่ากลัวที่สุด ตรงข้อความเห็นเพิ่มเติมเข้าไปเองนี้แหละ
Huimin โพสต์
แต่ตั้งแต่เจ้ากระทู้- สรุป ส่วนกระทู้เพิ่มเติมความเห็นไม่เอาด้วยนะคะ
ขอขมาด้วย
*** ข้อธรรมที่โพสต์หลายปีหลังๆในที่ต่างๆนี่น่ากลัวที่สุด ตรงข้อความเห็นเพิ่มเติมเข้าไปเองนี้แหละ
Huimin โพสต์
ตอบ
ความเห็นที่ผมเพิ่มเข้าไป มันอยู่ในส่วนของใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว เช่น หลวงปู่มั่น จะเข้าใจได้เองว่า จิตมันมี 2 จิตคือ
1. จิตประภัสสร ที่ตอนหลังเสื่อมความประภัสสรไป กลายเป็นอทิสมานกาย หรือจิตสังขารธรรมดาไป ตัวนี้วนเวียนอยู่ใน 31 ภพภูมิ
2. จิตอรหันต์ ซึ่งเป็นธรรมกาย และกายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย) ตัวนี้จะออกมาเมื่อจิตที่เป็นอทิสมานกาย หรือจิตสังขาร สลายไปแล้ว จิตอรหันต์(ธรรมกาย)เป็นสิ่งที่มัจจุราชมองไม่เห็น พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช
ลองฟังที่หลวงปู่มั่นพูดเรื่องนี้ดีกว่า
(แดนนิพพาน)เป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้ว เหลืออยู่แต่จิตสุกใสเป็นดวงประกายพรึก พระอรหันต์สถิตอยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......
ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย(กายหรือรูป) ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม(จิตมหาบริสุทธิ์) ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์
จะเห็นว่า หลวงปู่มั่นพูดชัดเจนว่า มันมีกายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย(อทิสมานกาย) และมีกายทิพย์ หรือ ธรรมกาย(กายหรือรูป) ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานด้วย เป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม(จิตมหาบริสุทธิ์) ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นย่อมเห็น Phonsak ซึ่งเป็นเงาสะท้อนของตถาคต
0 comments:
แสดงความคิดเห็น