A A

21 มีนาคม 2558

อรหันต์ที่ยอมลงมาเกิดอีก เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็มี.... + เป็นพระอรหันต์ ก็รู้เท่าทันกิเลส ดับกิเลสหมด จึงเข้านิพพาน ออกมาได้อย่างไร?

อ้างถึง

ทีแรกผมเข้าใจว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็รู้เท่าทันกิเลสดับหมด จึงเข้านิพพาน
แต่นี่ยังมีวนมาเกิดใน 3 ภพอีก ปกติเห็น dhammajak ชอบท้วง
อันนี้ไม่ท้วง  แสดงว่าเราเคยเป็นพระอรหันต์แล้วเรามาเกิดใหม่กันใช่มั้ย??
เป็นพระอรหันต์ไม่ใช่ว่าจะเข้านิพพานได้ใช่มั้ย ถ้างั้น??
แล้วอย่างนี้ต้องปฏิบัติจนถึง level ไหนล่ะ จึงจะไม่ต้องกลับมาวนเกิดอีก
เคลียร์หน่อยครับ


jackyrobinson48 โพสต์

ตอบ

- พวกเราทั้งหมดเริ่มแรก  เป็นสิ่งเดียวกัน คือ  เป็นจิตว่าง  อยู่ในความว่าง  เราต้องอยู่อย่างนั้นชั่วนิรันดร  มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก  เพราะเมื่อจิตว่าง  ความทุกข์มันก็ไม่มี


- ทีนี้พวกเราจิตว่างทั้งหมด  ต้องการอยู่เป็นจิตที่ไม่ว่างบ้าง  จะลองดูว่า  มันดีกว่าหรือเลวกว่าความเป็นจิตว่างหรือเปล่า

- พวกเราจึงสร้างจักรวาลขึ้นมา  แล้วให้อิสระตัวเอง โคลนนิ่งจิตว่าง(ซึ่งเป็นอรหันต์)ออกมาได้อีกตัวหนึ่ง เรียกว่า จิตประภัสสร แล้วให้จิตปภัสสรมีสิทธิเลือกทำดีก็ได้  ทำชั่วก็ได้  ทำจิตให้ว่างก็ได้  จะได้ลองใช้ชีวิตอยู่ในภพภูมิอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ภพภูมิของจิตว่าง(นิพพาน)ดูบ้าง  

- อรหันต์จิตว่างท่านใด จะออกไปใช้ชีวิตอยู่ในภพภูมิอื่นๆในจักรวาลที่พวกเราสร้างขึ้นมา  ก็มีอิสรเสรีภาพที่จะออกไปได้
  แต่ อรหันต์ท่านนั้น ต้องให้ตัวจิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งออกไปตัวอรหันต์ก็อยู่ในนิพพานเหมือนเดิม  แต่ต้องแปรสภาพเป็นมโนธรรม

-  ตัวอรหันต์ที่แปรสภาพเป็นมโนธรรม  จะคอยชี้นำให้ตัวจิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งกลับเข้าไปเป็นจิตว่างมหาบริสุทธิ์เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อจะได้ให้แฟร์ในการเล่นเกมส์  พวกเราได้ให้พระอรหันต์อีกพวก เป็นผู้ชี้นำให้จิตประภัสสรที่ถูกโคลนนิ่งให้ทำความดีบ้างชั่วบ้างได้ก็ได้

-  ย้ำ! ตัวจิตประภัสสรมีสิทธิเสรีภาพจะเลือก ทำดีเพื่อไปอยู่ภพภูมิที่ดีได้  หรือจะทำชั่วเพื่อไปอยู่ภพภูมิที่ชั่วก็ได้  หรือจะเลือกทำจิตให้ว่างเพื่อกลับสู่บ้านเดิม คือนิพพานก็ได้

-  แต่เพราะว่า  มีจิตที่เลือกกลับบ้านเดิม เข้าไปอยู่ในนิพพานน้อยมาก  เนื่องจากเราก็ให้อนุญาตพระอรหันต์ฝ่ายดีและฝ่ายชั่วมากเกินไป  อรหันต์ฝ่ายจิตว่างเลยสู้ไม่ได้  โดยเฉพาะฝ่ายชั่วนั้น  มันมีอำนาจสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงได้ทุกรูปแบบ

-  ดุลยภาพของอำนาจ จึงเปลี่ยนไปอยู่ทางฝ่ายชั่วกว่า 92%  ฝ่ายดี 7% และฝ่ายที่เลือกทำจิตว่างเป็นมีไม่ถึง 1%

เพื่อจะให้เป็นธรรมมากขึ้น  พวกเราเหล่าอรหันต์จึงอนุญาตให้มีการสำนึกบาป และตั้งใจแน่วแน่วว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก  เป็นตัวทำให้จิตนั้นไม่ต้องไปใช้กรรมในอบายภูมิ  ใช้กรรมแค่บนโลกบางส่วนเท่านั้น  ถือเป็นการให้โอกาสจิตที่เสื่อมความปภัสสรไปแล้ว  ได้มีโอกาสทำจิตให้มหาบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง

แต่ฝ่ายที่ทำหน้าที่ชี้นำให้คนทำชั่ว  ก็แก้เกมส์ด้วยการดลใจชาวพุทธไม่ให้รู้เรื่องการสำนึกบาป และไม่ให้รู้ว่า ตั้งใจแน่วแน่วว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก  จะทำให้ไม่ต้องไปสู่อบายภูมิ

ฝ่ายที่ทำหน้าที่ชี้นำให้ทุกจิตเข้านิพพาน  เลยแก้เกมส์ด้วยการนำจิตที่สำนึกบาป ออกไปจากสังสารวัฏ พ้นอำนาจครอบงำของมารไปเลย  โดยให้ไปอยู่ในพุทธเกษตรต่างๆ เช่น พุทธเกษตรของพระอมิตาภะพุทธเจ้า  พุทธเกษตรของอัลเลาะห์  และพุทธเกษตรของพระเยซูคริสต์  ไปฝึกวิชาเข้านิพพานกันที่นั่น  ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

สรุป

อรหันต์ไม่ได้ออกมาจากนิพพาน มาวนเวียนใน 3 ภพแต่อย่างใด  อรหันต์ที่ออกมาเท่าที่นึกออกในตอนนี้ ก็มีพระเวสสันดร  พระเยซู พระศรีอริยะเมตตรัย  และก็ผม  เพื่อทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์  สอนธรรมแก่โลก

ที่อยู่ของอรหันต์ไม่ใช่อยู่ในนิพพานแห่งเดียว  ถ้าทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ด้วย  อรหันต์ท่านนั้นจะอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต



อ้างถึง

ขออนุโมทนาทั้งหมด
แต่ตั้งแต่เจ้ากระทู้- สรุป  ส่วนกระทู้เพิ่มเติมความเห็นไม่เอาด้วยนะคะ

ขอขมาด้วย

*** ข้อธรรมที่โพสต์หลายปีหลังๆในที่ต่างๆนี่น่ากลัวที่สุด  ตรงข้อความเห็นเพิ่มเติมเข้าไปเองนี้แหละ


Huimin โพสต์ 


ตอบ

ความเห็นที่ผมเพิ่มเข้าไป  มันอยู่ในส่วนของใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า  ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว  เช่น หลวงปู่มั่น  จะเข้าใจได้เองว่า  จิตมันมี 2 จิตคือ

1. จิตประภัสสร ที่ตอนหลังเสื่อมความประภัสสรไป กลายเป็นอทิสมานกาย หรือจิตสังขารธรรมดาไป  ตัวนี้วนเวียนอยู่ใน 31 ภพภูมิ

2. จิตอรหันต์ ซึ่งเป็นธรรมกาย และกายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย)  ตัวนี้จะออกมาเมื่อจิตที่เป็นอทิสมานกาย หรือจิตสังขาร สลายไปแล้ว  จิตอรหันต์(ธรรมกาย)เป็นสิ่งที่มัจจุราชมองไม่เห็น  พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช

ลองฟังที่
หลวงปู่มั่นพูดเรื่องนี้ดีกว่า

(แดนนิพพาน)เป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้ว เหลืออยู่แต่จิตสุกใสเป็นดวงประกายพรึก พระอรหันต์สถิตอยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย(กายหรือรูป) ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม(จิตมหาบริสุทธิ์)  ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ  ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก  มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์


จะเห็นว่า หลวงปู่มั่นพูดชัดเจนว่า  มันมีกายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย(อทิสมานกาย) และมีกายทิพย์ หรือ ธรรมกาย(กายหรือรูป) ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานด้วย  เป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม(จิตมหาบริสุทธิ์)  ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ

ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเราตถาคต  ผู้ใดเห็นเรา  ผู้นั้นย่อมเห็น Phonsak ซึ่งเป็นเงาสะท้อนของตถาคต

0 comments:

แสดงความคิดเห็น