มีผู้มีใจกุศลท่านหนึ่ง
ต้องการเก็บข้อมูลที่ผมเขียนไว้ในเว็บต่างๆ
และต้องการทำบุญเพื่อช่วยเหลือด้านการเงินของผมด้วย ผมจึงตอบเขาไปว่า:
1. เก็บข้อมูลของผมไว้ดีๆนะครับ อีกไม่เกิน30 ปี มันจะมีค่ามหาศาล ข้อมูลของผมมันมีเยอะ แต่ถ้าช่วง 3 ปีหลังคือ 2010-ต้นปี 2013 ผมลงในเว็บ www.dhammakid.com/board มากหน่อย และมีในเว็บอื่นๆด้วย แต่ในเว็บอื่นๆผมอาจใช้ชื่ออื่นๆ เพราะทีมงานเว็บมาสเตอร์ต่างๆ ล้วนโดนมารสิงใจ ไล่ผมออกจากเว็บ และระงับ ip ของผมเป็นว่าเล่น ก่อนหน้าปี 2010 ก็มีอยู่ข้อมูลของผมในเว็บอื่นๆด้วย เว็บพันทิพย์ก็มี เว็บmanager เว็บพลังจิต และอีกเกือบ 20 เว็บก็มีทั้งนั้น ในชื่ออื่นๆ คุณต้องอ่านเนื้อความ จึงจะรู้ว่าเรื่องประเภทนี้ผมเป็นคนเขียน
อย่างไรก็ตาม ช่วง 8 เดือนนี้หรือหลังจากเดือน มิ.ย. 2012 ผมถึงบรรลุธรรมสูงสุด ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ข้อมูลของผมจึงมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่มิจฉาทิฎฐิ 100% ก่อนหน้านั้นผมยังมีมิจฉาทิฎฐิอยู่บ้างบางส่วน
2. คุณรู้ไหม...ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ คนอื่นอ่านข้อเขียนของผม บางคนก็คิดว่าผมบ้า บางคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางคนอ่านแล้วมันส์ เอาสนุกอย่างเดียว บางคนเชื่อหมดใจ แต่คิดไม่ออกว่า ต้องทำอะไร ทั้งๆที่ผมก็บอกไปร่วม 10 ครั้งแล้วว่า ผม Phonsak เป็นนิตยโพธิสัตว์ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย แม้แต่น้องชายของผม ผมก็บอกให้ฟังอย่างนี้ แต่ในตอนผมขาดเงินยังชีพแค่ไม่กี่พันบาท มันก็ยังไม่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งจะทำให้ตัวเองเกิดเป็นมหาเศรษฐีในชาติต่อๆไปอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ
พวกเพื่อนสมัยผมเรียนประถมและมัธยม มีความคิดดี ตั้งใจจะทำบุญเพื่ออุทิศกุศลให้กับเพื่อนร่วมรุ่นที่ตายไปเกือบ 10 คน แทนที่พวกนี้จะเอาเงินมาทำบุญให้ผม ซึ่งเป็นพระแท้ เป็นอรหันต์ในร่างปุถุชนคนธรรมดา แต่เพื่อนผมก็คิดไม่ออก ไม่รู้จักหาบุญใหญ่ให้ตนเองและให้คนอื่น ดันคิดไปทำบุญเลี้ยงพระที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่ออุทิศกุศลให้กับเพื่อนร่วมรุ่น
บอกตรงๆ พระพวกนั้นไม่ใช่พระแท้ เป็นพระเลี้ยง พระแท้ไม่ได้ดูกันที่ผ้าเหลือง แต่ดูกันที่จิต แล้วผู้ที่เขียนบทความทางศาสนาได้ทุกศาสนา ประเภทที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลได้แม้แต่เรื่องเดียว และแม้แต่คนเดียว ความจริง ก็สมควรรู้แล้วว่า คนๆนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้ผมบอกเลยว่า ผมเป็นใคร? แต่พวกเขาก็โดนพญามารปิดบังไม่ให้เห็นความจริงว่า...ผมเป็นใคร
คุณนี่โชคดีจริงๆ คุณรู้หรือเปล่าว่า....ทำบุญกับนิตยโพธิสัตว์องค์แรก ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้ มีผลบุญมหาศาลเลย ยิ่งทำบุญตอนที่ตัวเองก็ยังไม่ชัวร์ว่าเขาจะเป็นตามนั้นหรือเปล่า ยิ่งมาทำบุญตอนที่ท่านกำลังขาดปัจจัย ผลบุญมันก็ไปกันใหญ่ คุณบอกว่า จะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินเดือนที่เป็นลูกจ้างบริษัทของคุณ บริจาคเข้าบัญชีผมทุกเดือน
คุณรู้ไหม.... ปี 2013 เป็นปีชง 100%(ปีวิกฤตทางการเงิน)ของผม ผมต้องมีปัญหาทางการเงินอย่างแน่นอน เมื่อจู่ๆ คุณก็บอกว่า จะแบ่งเงินเดือนของคุณส่วนหนึ่งให้ผม ถ้าคุณทำจริง ในอนาคตอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ คุณจะมีฐานะเป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐี เรียกว่า "รวยให้มันเข็ดรวย"
- ทำอาหารบิณฑบาตให้พระตอนท่านอิ่ม ผลบุญที่ได้ยังไม่ถึง10% ของตอนที่ท่านกำลังหิว ท้องกำลังร้องอยู่
แต่กรุณาอย่าโอนเงินมาเด็ดขาดในเดือนไหนก็ตามที่คุณเดือดร้อน หรือทางบ้านและตัวคุณต้องใช้เงิน เพราะผมไม่ถึงกับเดือดร้อนขนาดต้องอดอยากอดตายแต่อย่างใด พระเจ้า(พระพุทธเจ้า)เพียงแค่ทดสอบใจของผมเท่านั้นเอง เหมือนพระเวสสันดรนั่นแหละ พอบรรลุธรรมแล้ว เลิกเล่นเกมส์แล้ว เบื้องบนก็เลิกทดสอบอะไรท่านต่อไปแล้ว ท่านก็ได้สมบัติทางโลกคืนทั้งหมด
3. พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอชิตะเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป หลังจากพระองค์)
เมื่อครั้งที่พระนางประชาบดีอุตส่าห์ลงมือทอผ้าไตรจีวรด้วยมือตัวเอง แล้วนำมาถวายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ากลับไม่รับ แล้วให้พระนางถวายผ้าไตรจีวรนั้นให้แก่พระสาวกองค์อื่น พระนางประชาบดีก็พยายามถวาย แต่พระอัครสาวกก็ไม่รับ ถวายแก่พระอรหันต์องค์ไหนๆ ก็ไม่มีใครรับทั้งสิ้น
พระพุทธเจ้าประสงค์จะทำให้พระน้านางปลื้มใจจึงให้พระอานนท์นำบาตรมาให้ แล้วพระองค์ก็อธิษฐานให้บาตรลอยหายไปในอากาศ แล้วก็ทรงประกาศให้ภิกษุช่วยกันค้นหาบาตรนั้น
ภิกษุที่มีฤทธิ์ต่างช่วยกันหาบาตร แต่ก็หาไม่เจอ มาถึงพระโมคคัลลานะผู้มีมีฤทธิ์มาก ท่านเหาะหาบาตรจนหลงไปนอกแสนโกฏิจักรวาล
เรื่องราวโดยพิสดาร คือ
พระโมคคัลลานะหลงไปถึงจักรวาลหนึ่ง ไปยืนอยู่บนฝาบาตรของภิกษุรูปหนึ่งซึ่งเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งในจักรวาลนั้น พระพุทธเจ้า(พระอมิตาภะพุทธเจ้า)องค์นั้น ร่างกายใหญ่โตมาก ขนาดพระโมคคัลลานะเมื่อยืนอยู่บนฝาบาตรก็มีขนาดเหมือนแมลงวันเกาะบนฝาบาตรเท่านั้น
แล้วพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ทรงชี้ทางกลับให้แก่พระโมคคัลลานะ ตรัสว่าให้พระโมคคัลลานะเหาะไปตามแสงที่ส่องมาจากวรกายของพระองค์ เมื่อเหาะไปจนสุดปลายแสงแล้วก็ให้มองหาแสงใหม่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเจอแล้วก็ให้เหาะไปหาแสงนั้น เพราะแสงนั้นมาจากโคตมะพระพุทธเจ้า ในที่สุดพระโมคคัลลานะก็กลับมาโลกมนุษย์ได้ แล้วรายงานให้ทราบว่า ไม่ได้พบบาตรในที่แห่งไหนเลยทั่วทั้งจักรวาล
เรื่องของพระอชิตะมีในช่วงสุดท้าย ที่ด้วยความเมตตาในใจของพระบวชใหม่ชื่ออชิตะ ที่นั่งอยู่ท้ายแถวเลย พระอชิตะสงสารพระนางประชาบดี จึงรับผ้าไตรจีวรของพระนาง พระนางประชาบดีแทนที่จะดีใจ กลับเสียพระทัยมาก คิดว่า ตนเองไม่มีบุญพอ ทำบาปอะไรมานะนี่ จึงถวายผ้าไตรจีวรแก่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ ถวายแก่พระอรหันต์องค์ใด ก็ไม่ได้ทั้งนั้น แต่กลับต้องไปถวายให้พระบวชใหม่ ที่ไม่มีคุณพิเศษใดๆเลยแทน
พระพุทธเจ้าจึงทรงเทศนาเรื่องอานิสงส์ของการถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุบวชใหม่ นามว่า“พระอชิตะ” ให้ฟังว่า พระอชิตะแม้เป็นพระที่ไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไรเลย พอพระพุทธเจ้ารับสั่งให้ช่วยกันหาบาตร ท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เลยออกมายืนตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ที่ท่านมาบวชนั้นไม่ใช่เพราะหมดหนทางทำกิน หรือต้องการลาภสักการะ แต่เพราะต้องการพระโพธิญาณ ด้วยคำสัตย์นี้ขอให้บาตรของพระพุทธองค์จงปรากฏ”
ทันใดนั้นบาตรของพระพุทธเจ้าก็ลอยมาสู่มือของพระอชิตะ ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสเปิดเผยความจริงว่า “พระอชิตะเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป”
เหตุผลแท้จริงที่พระพุทธเจ้าต้อง(เข้าเมือง)นิพพานไป ไม่ยอมอยู่ต่อ แม้จะอยู่ได้ถึงวันสิ้นโลกเลยก็ตาม คือ:
ถ้าพระโคตมะพุทธเจ้าของเราไม่ยอมเข้านิพพาน......
1. อนาคตจะเปลี่ยนไปทันที คำทำนายของพระองค์ที่ตรัสว่า ศาสนาพุทธเของพระองค์จะอยู่ได้ 5000 ปี ก็จะผิดไป พระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า ก็จะไม่สามารถมาตรัสรู้ได้ เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า
“ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือจะมีพระพุทธเจ้า 2 องค์ไม่ได้ในโลกธาตุเดียวกัน อย่าว่าแต่พร้อมกันเลย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้แต่เกิดก่อนหรือหลังกันก็เป็นไปไม่ได้(ต้องมีองค์หนึ่งเข้านิพพานไปก่อนแล้วเท่านั้น) ”
2. คำสอนของพระองค์ ที่เทศน์เรื่อง ขันธ์ 5(กายและจิตมนุษย์) เป็นอนัตตา อยู่ได้ชั่วคราว ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ก็ไม่ถูกต้อง เพราะกายมนุษย์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ตาย
1. เก็บข้อมูลของผมไว้ดีๆนะครับ อีกไม่เกิน30 ปี มันจะมีค่ามหาศาล ข้อมูลของผมมันมีเยอะ แต่ถ้าช่วง 3 ปีหลังคือ 2010-ต้นปี 2013 ผมลงในเว็บ www.dhammakid.com/board มากหน่อย และมีในเว็บอื่นๆด้วย แต่ในเว็บอื่นๆผมอาจใช้ชื่ออื่นๆ เพราะทีมงานเว็บมาสเตอร์ต่างๆ ล้วนโดนมารสิงใจ ไล่ผมออกจากเว็บ และระงับ ip ของผมเป็นว่าเล่น ก่อนหน้าปี 2010 ก็มีอยู่ข้อมูลของผมในเว็บอื่นๆด้วย เว็บพันทิพย์ก็มี เว็บmanager เว็บพลังจิต และอีกเกือบ 20 เว็บก็มีทั้งนั้น ในชื่ออื่นๆ คุณต้องอ่านเนื้อความ จึงจะรู้ว่าเรื่องประเภทนี้ผมเป็นคนเขียน
อย่างไรก็ตาม ช่วง 8 เดือนนี้หรือหลังจากเดือน มิ.ย. 2012 ผมถึงบรรลุธรรมสูงสุด ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ข้อมูลของผมจึงมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่มิจฉาทิฎฐิ 100% ก่อนหน้านั้นผมยังมีมิจฉาทิฎฐิอยู่บ้างบางส่วน
2. คุณรู้ไหม...ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ คนอื่นอ่านข้อเขียนของผม บางคนก็คิดว่าผมบ้า บางคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางคนอ่านแล้วมันส์ เอาสนุกอย่างเดียว บางคนเชื่อหมดใจ แต่คิดไม่ออกว่า ต้องทำอะไร ทั้งๆที่ผมก็บอกไปร่วม 10 ครั้งแล้วว่า ผม Phonsak เป็นนิตยโพธิสัตว์ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย แม้แต่น้องชายของผม ผมก็บอกให้ฟังอย่างนี้ แต่ในตอนผมขาดเงินยังชีพแค่ไม่กี่พันบาท มันก็ยังไม่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งจะทำให้ตัวเองเกิดเป็นมหาเศรษฐีในชาติต่อๆไปอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ
พวกเพื่อนสมัยผมเรียนประถมและมัธยม มีความคิดดี ตั้งใจจะทำบุญเพื่ออุทิศกุศลให้กับเพื่อนร่วมรุ่นที่ตายไปเกือบ 10 คน แทนที่พวกนี้จะเอาเงินมาทำบุญให้ผม ซึ่งเป็นพระแท้ เป็นอรหันต์ในร่างปุถุชนคนธรรมดา แต่เพื่อนผมก็คิดไม่ออก ไม่รู้จักหาบุญใหญ่ให้ตนเองและให้คนอื่น ดันคิดไปทำบุญเลี้ยงพระที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่ออุทิศกุศลให้กับเพื่อนร่วมรุ่น
บอกตรงๆ พระพวกนั้นไม่ใช่พระแท้ เป็นพระเลี้ยง พระแท้ไม่ได้ดูกันที่ผ้าเหลือง แต่ดูกันที่จิต แล้วผู้ที่เขียนบทความทางศาสนาได้ทุกศาสนา ประเภทที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลได้แม้แต่เรื่องเดียว และแม้แต่คนเดียว ความจริง ก็สมควรรู้แล้วว่า คนๆนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้ผมบอกเลยว่า ผมเป็นใคร? แต่พวกเขาก็โดนพญามารปิดบังไม่ให้เห็นความจริงว่า...ผมเป็นใคร
คุณนี่โชคดีจริงๆ คุณรู้หรือเปล่าว่า....ทำบุญกับนิตยโพธิสัตว์องค์แรก ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้ มีผลบุญมหาศาลเลย ยิ่งทำบุญตอนที่ตัวเองก็ยังไม่ชัวร์ว่าเขาจะเป็นตามนั้นหรือเปล่า ยิ่งมาทำบุญตอนที่ท่านกำลังขาดปัจจัย ผลบุญมันก็ไปกันใหญ่ คุณบอกว่า จะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินเดือนที่เป็นลูกจ้างบริษัทของคุณ บริจาคเข้าบัญชีผมทุกเดือน
คุณรู้ไหม.... ปี 2013 เป็นปีชง 100%(ปีวิกฤตทางการเงิน)ของผม ผมต้องมีปัญหาทางการเงินอย่างแน่นอน เมื่อจู่ๆ คุณก็บอกว่า จะแบ่งเงินเดือนของคุณส่วนหนึ่งให้ผม ถ้าคุณทำจริง ในอนาคตอีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ คุณจะมีฐานะเป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐี เรียกว่า "รวยให้มันเข็ดรวย"
- ทำอาหารบิณฑบาตให้พระตอนท่านอิ่ม ผลบุญที่ได้ยังไม่ถึง10% ของตอนที่ท่านกำลังหิว ท้องกำลังร้องอยู่
แต่กรุณาอย่าโอนเงินมาเด็ดขาดในเดือนไหนก็ตามที่คุณเดือดร้อน หรือทางบ้านและตัวคุณต้องใช้เงิน เพราะผมไม่ถึงกับเดือดร้อนขนาดต้องอดอยากอดตายแต่อย่างใด พระเจ้า(พระพุทธเจ้า)เพียงแค่ทดสอบใจของผมเท่านั้นเอง เหมือนพระเวสสันดรนั่นแหละ พอบรรลุธรรมแล้ว เลิกเล่นเกมส์แล้ว เบื้องบนก็เลิกทดสอบอะไรท่านต่อไปแล้ว ท่านก็ได้สมบัติทางโลกคืนทั้งหมด
3. พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอชิตะเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป หลังจากพระองค์)
เมื่อครั้งที่พระนางประชาบดีอุตส่าห์ลงมือทอผ้าไตรจีวรด้วยมือตัวเอง แล้วนำมาถวายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ากลับไม่รับ แล้วให้พระนางถวายผ้าไตรจีวรนั้นให้แก่พระสาวกองค์อื่น พระนางประชาบดีก็พยายามถวาย แต่พระอัครสาวกก็ไม่รับ ถวายแก่พระอรหันต์องค์ไหนๆ ก็ไม่มีใครรับทั้งสิ้น
พระพุทธเจ้าประสงค์จะทำให้พระน้านางปลื้มใจจึงให้พระอานนท์นำบาตรมาให้ แล้วพระองค์ก็อธิษฐานให้บาตรลอยหายไปในอากาศ แล้วก็ทรงประกาศให้ภิกษุช่วยกันค้นหาบาตรนั้น
ภิกษุที่มีฤทธิ์ต่างช่วยกันหาบาตร แต่ก็หาไม่เจอ มาถึงพระโมคคัลลานะผู้มีมีฤทธิ์มาก ท่านเหาะหาบาตรจนหลงไปนอกแสนโกฏิจักรวาล
เรื่องราวโดยพิสดาร คือ
พระโมคคัลลานะหลงไปถึงจักรวาลหนึ่ง ไปยืนอยู่บนฝาบาตรของภิกษุรูปหนึ่งซึ่งเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งในจักรวาลนั้น พระพุทธเจ้า(พระอมิตาภะพุทธเจ้า)องค์นั้น ร่างกายใหญ่โตมาก ขนาดพระโมคคัลลานะเมื่อยืนอยู่บนฝาบาตรก็มีขนาดเหมือนแมลงวันเกาะบนฝาบาตรเท่านั้น
แล้วพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ทรงชี้ทางกลับให้แก่พระโมคคัลลานะ ตรัสว่าให้พระโมคคัลลานะเหาะไปตามแสงที่ส่องมาจากวรกายของพระองค์ เมื่อเหาะไปจนสุดปลายแสงแล้วก็ให้มองหาแสงใหม่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเจอแล้วก็ให้เหาะไปหาแสงนั้น เพราะแสงนั้นมาจากโคตมะพระพุทธเจ้า ในที่สุดพระโมคคัลลานะก็กลับมาโลกมนุษย์ได้ แล้วรายงานให้ทราบว่า ไม่ได้พบบาตรในที่แห่งไหนเลยทั่วทั้งจักรวาล
เรื่องของพระอชิตะมีในช่วงสุดท้าย ที่ด้วยความเมตตาในใจของพระบวชใหม่ชื่ออชิตะ ที่นั่งอยู่ท้ายแถวเลย พระอชิตะสงสารพระนางประชาบดี จึงรับผ้าไตรจีวรของพระนาง พระนางประชาบดีแทนที่จะดีใจ กลับเสียพระทัยมาก คิดว่า ตนเองไม่มีบุญพอ ทำบาปอะไรมานะนี่ จึงถวายผ้าไตรจีวรแก่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ ถวายแก่พระอรหันต์องค์ใด ก็ไม่ได้ทั้งนั้น แต่กลับต้องไปถวายให้พระบวชใหม่ ที่ไม่มีคุณพิเศษใดๆเลยแทน
พระพุทธเจ้าจึงทรงเทศนาเรื่องอานิสงส์ของการถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุบวชใหม่ นามว่า“พระอชิตะ” ให้ฟังว่า พระอชิตะแม้เป็นพระที่ไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไรเลย พอพระพุทธเจ้ารับสั่งให้ช่วยกันหาบาตร ท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เลยออกมายืนตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ที่ท่านมาบวชนั้นไม่ใช่เพราะหมดหนทางทำกิน หรือต้องการลาภสักการะ แต่เพราะต้องการพระโพธิญาณ ด้วยคำสัตย์นี้ขอให้บาตรของพระพุทธองค์จงปรากฏ”
ทันใดนั้นบาตรของพระพุทธเจ้าก็ลอยมาสู่มือของพระอชิตะ ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสเปิดเผยความจริงว่า “พระอชิตะเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป”
เหตุผลแท้จริงที่พระพุทธเจ้าต้อง(เข้าเมือง)นิพพานไป ไม่ยอมอยู่ต่อ แม้จะอยู่ได้ถึงวันสิ้นโลกเลยก็ตาม คือ:
ถ้าพระโคตมะพุทธเจ้าของเราไม่ยอมเข้านิพพาน......
1. อนาคตจะเปลี่ยนไปทันที คำทำนายของพระองค์ที่ตรัสว่า ศาสนาพุทธเของพระองค์จะอยู่ได้ 5000 ปี ก็จะผิดไป พระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า ก็จะไม่สามารถมาตรัสรู้ได้ เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า
“ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือจะมีพระพุทธเจ้า 2 องค์ไม่ได้ในโลกธาตุเดียวกัน อย่าว่าแต่พร้อมกันเลย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้แต่เกิดก่อนหรือหลังกันก็เป็นไปไม่ได้(ต้องมีองค์หนึ่งเข้านิพพานไปก่อนแล้วเท่านั้น) ”
2. คำสอนของพระองค์ ที่เทศน์เรื่อง ขันธ์ 5(กายและจิตมนุษย์) เป็นอนัตตา อยู่ได้ชั่วคราว ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ก็ไม่ถูกต้อง เพราะกายมนุษย์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ตาย
ถ้าคุณบรรลุธรรมอันสูงสุดแล้ว คุณจะไม่มีเรี่ยไรขอเงินแบบนี้ครับ
ตอบลบตลกเหมือนคนบ้าอ่ะ 5555+
ตอบลบ