A A

29 มีนาคม 2558

โลกในมิตินี้เป็นที่ๆเลว มนุษย์ต่างดาวยังกลัว แต่พระพุทธเจ้าจะขอมาสอนธรรมที่นี่

นิยามคำว่าโลกก่อน

[๑๙๖] เทวดาทูลถามว่า เมื่ออะไรเกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น

[๑๙๗] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า   เมื่ออายตนะ ๖ (ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)เกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น

โลกสูตร  ว่าด้วยความเกิดและความดับแห่งโลก
  โลกสูตร
             [๑๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงความเกิดและความดับแห่งโลก
เธอทั้งหลายจงฟัง ก็ความเกิดแห่งโลกเป็นไฉน ความเกิดแห่งโลกนั้น คือ
-อาศัยจักษุและรูป เกิดจักขุวิญญาณ รวมธรรม ๓ ประการเป็นผัสสะ
-เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
-เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
-เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
-เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
-เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
-เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสนี้เป็นความเกิดแห่งโลก ฯลฯ  
-อาศัยใจและธรรมารมณ์ เกิดมโนวิญญาณ  รวมธรรม ๓ ประการเป็นผัสสะ
-เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
-เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
-เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
-เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
-เพราะภพเป็นปัจจัย  จึงเกิดชาติ
-เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงเกิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก ฯ


สรุปการเกิดแห่งโลก คือการเกิดปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง 

ตามความหมายของพระพุทธเจ้าข้างต้น  แม้แต่สวรรค์-นรก ก็เป็นโลกด้วย  จึงต้องแยกให้ชัด คำว่า โลก”  แบ่งเป็น  ๓ โลก มีโอกาสโลก  สังขารโลก  สัตวโลก

- โอกาสโลก ก็หมายความถึงโลกจักรวาลที่เรายืนอยู่ ก็เป็นโลก

- สังขารโลก คือเกิดมาจากดิน น้ำ ไฟ ลม

- สัตวโลก หมายความถึงเราเห็น เราได้ยิน ได้กลิ่น คือ พวกมนุษย์  พวกสัตว์เดรัจฉาน  ส่วนพวกเทวดา พวกสัตว์นรกนั้น..ยังไม่ชัดตามความหมายนี้  เพราะว่าสัตวโลกประเภทเทวดาและสัตว์นรกเป็นผลของกรรม (บาปและบุญ) มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น 
...................................

โลกมนุษย์ในมิตินี้ที่เราอยู่  เลวถึงขั้นที่มนุษย์ต่างดาวไม่กล้ามาติดต่อแบบเปิดเผย

มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกมนุษย์ใบนี้ได้  ต้องมีบุญมากกว่าบาป  ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ยากลำบากมาก  

อนึ่ง ในจักรวาลมิตินี้ โลกมนุษย์ยังอีก 8 แห่ง หรือ 8 โลกมนุษย์  ถ้ารวมโลกใบนี้ด้วยก็เป็น 9 โลกมนุษย์   ไม่นับจักรวาลในมิติอื่นซึ่งมี 13 มิตินะครับ  รวมแล้วมีโลกมนุษย์ในทุกมิติเกือบ 120 โลกมนุษย์  ไม่นับโลกของมนุษย์ต่างดาว

คุณต้องรู้ว่า  โลกมนุษย์เป็นโลกที่แย่มากๆ  โดนครอบงำด้วยกิเลสตัณหา  แต่โลกใบนี้ยังไม่แย่ที่สุด  ยังพอรับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า และพระศาสดาต่างๆได้  

มนุษย์ในอดีตชอบกดขี่ ใช้ความรุนแรง และทำสงคราม  ทำแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก เพื่อให้ได้ครอบครองทรัพยากร แล้วเอามาเป็นของตนให้มากที่สุด  ในยุคปัจจุบัน ความรุนแรง และการทำสงคราม ลดลงมาก  ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น  การใช้อำนาจทหารและอำนาจเผด็จการ มาเข่นฆ่าบีบบังคับประชาชน  ทำได้ยากขึ้น  เพราะประชาชนส่วนใหญ่รวมพลังกันลุกขึ้นสู้อำนาจเผด็จการทหาร

คุณรู้ไหม...ก่อนที่พระเวสสันดรจะลงมาเกิดเป็นโคตมะพระพุทธเจ้า ท่านเป็นพระสันดุสิต ซึ่งเป็นจอมเทพผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดุสิต และปกครองเทพในชั้นนั้นทั้งหมด  พระสันดุสิตท่านพิจารณาดูแล้วว่า  โลกที่พระองค์จะไปเกิด ต้องมีกาลสมควร - อายุกาลอย่างต่ำตั้งแต่แสนปีลงมา อย่างสูงตั้งแต่ร้อยปีขึ้นไป จึงจะชื่อว่า กาลสมควร  

อายุของสัตว์โลกในโลกมิติใดก็แล้วแต่ในสมัยท้าวดุสิตลงมาเกิด  ส่วนใหญ่ผู้คนจะมีอายุยืนมาก สูงกว่าแสนปีขึ้นไป  และไม่ค่อยเจ็บไข้  เนื่องจากผู้คนในโลกเหล่านั้นล้วนเป็นคนมีศีลธรรมสูงและมีบุญมาก  โชคยังดีที่ในยุคนั้นกาลนั้นของท้าวสันดุสิต(พระเวสสันดร)  แม้โลกส่วนใหญ่ยังไม่ชื่อว่า กาลสมควร”  เพราะผู้คนไม่คุ้นเคยกับการต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บและต้องตาย  การที่พระพุทธเจ้าจะไปสอนเรื่อง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ผู้คนย่อมไม่เชื่อถือ และไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ากำลังตรัสหรือเพ้อเจ้อเรื่องอะไรอยู่  ที่ผมบอกว่า โชคยังดี.... เพราะยังเหลือโลกมนุษย์ในมิติของเราอีกโลกหนึ่ง  ที่มนุษย์ยุคนั้นมีอายุประมาณร้อยปี  พระโพธิสัตว์สันดุสิตทรงเห็นว่า เป็นกาลที่ควรที่จะบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า  ท้าวสันดุสิตจึงยอมลงมาตรัสรู้ในโลกมนุษย์ใบนี้

สำหรับโลกที่อายุกาล(ของสัตว์) ต่ำกว่าร้อยปีโลกอื่น  ก็ยังไม่เป็นกาลสมควรแก่โอวาทเช่นกัน เพราะสัตว์ที่มีอายุน้อย  ล้วนเป็นสัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่น  ดังนั้นโอวาทที่จะประทานแก่สัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลสหนาแน่น จึงไม่อยู่ในฐานะควรแก่โอวาท

อนึ่ง  โลกของพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้  3 พระองค์ก่อน คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปะพุทธเจ้า  ก็มีพระพุทธเจ้าไปเกิดแล้ว โดย....

- พระกัสสปะพุทธเจ้าชิงตัดหน้า พระพุทธเจ้าของเราไปเกิด
ในโลกมนุษย์ยุคที่อายุมนุษย์ลดลงจากสองหมื่นปีเหลือ 10 ปี แล้วเพิ่มขึ้นจนถึงสองหมื่นปีอีกครั้งแล้ว   

- พระโกนาคมนพุทธเจ้า มีพระชนมายุ 30,000 พรรษาจึงเสด็จปรินิพพาน  คนในโลกมนุษย์ใบนั้นน่าจะอายุรอบๆ 30,000 ปี

- พระกกุสันธะพุทธเจ้า ก็ทรงมีพระชนมายุได้ 40,000 ปี คนในโลกมนุษย์ใบนั้นน่าจะอายุรอบๆ 40,000 ปี เช่นกัน

    สำหรับพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า หรือพระเมตไตรย (บาลี: Metteyya เมตฺเตยฺย; สันสกฤต:
मैत्रेय ไมเตฺรย) เป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และเป็นองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้   พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า จะไปเกิดในโลกมนุษย์ที่อายุมนุษย์ประมาณ 80,000 ปี  ซึ่งไม่ใช่โลกมนุษย์ใบนี้แน่นอน  เพราะโลกมนุษย์ใบนี้จะถึงวันโลกาวินาศก่อนพ.ศ.5000 จากอุบัติเหตุระเบิดไฮโดรเจนล้างพิภพ

ทำไมมนุษย์ต่างดาวส่วนใหญ่ไม่กล้าลงมาติดต่อกับมนุษย์ให้เห็นกันจะจะล่ะ?


เวลามนุษย์ต่างดาวลงมาสำรวจหรือทำอะไรบนโลกมนุษย์  ก็จะทำกันแบบแอบๆ เป็นอีแอบ  มนุษย์เราไปกลัวมนุษย์ต่างดาว  คิดว่าจะมาถล่มพวกเรา  มาทำร้ายเรา  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  มนุษย์ต่างดาวมีวิวัฒนาการทางจิตที่สูงกว่าพวกเรามาก  

ไอ้พวกที่เลวตัวจริงก็คือมนุษย์ในโลก ที่เป็นนายทหารที่มีอาวุธปืนในประเทศต่างๆ  มีอย่างที่ไหน  ประเทศต่างๆมีนโยบายยิงจานบินมนุษย์ต่างดาวได้เลย  ขโมยเทคโนโลยีของมันเลย  แล้วเค้นความลับของพวกมันที่รอดตายออกมา

มนุษย์ต่างดาว  นอกจากจะมีความเจริญทางจิตมากกว่ามนุษย์โลก ที่เป็นผู้บัญชาการทหารแล้ว  พวกมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดที่มายังโลก  ต่างล้วนมีเทคโนโลยี และความสามารถจะถล่มมนุษย์ได้อย่างสบายบรื๋อ  แต่พวกเขาไม่เคยทำเลย  ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่จำเป็นต้องกลัวมนุษย์ต่างดาว  เราควรกลัวความป่าเถื่อนของผู้นำมนุษย์ดีกว่า  โดยเฉพาะนายพันนายพลในกองทัพสหรัฐ รัสเซีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก และอีกหลายประเทศ  พวกนี้เป็นผู้ล้าสมัยทางจิตที่สุด  จะใช้กำลังถล่มมนุษย์ต่างดาวอย่างเดียว

1 ความคิดเห็น: