A A

21 มีนาคม 2558

พระพุทธเจ้า เปรียบดุจ พระศิวะ

ผมPhonsak ในสมาธิ  ผมภาวนา "ช่างหัวแม่งมันอย่างเดียว" ครับ
โพสต์

อ้างถึง

พลศักดิ์สอบตก
ว่างแบบพรหม
ว่างแต่ภายนอกที่ปรากฏ
อาสวล้ำลึก ยังไม่ออกมาให้ช่างหัวแม่งสักตัว
สุขกว่านี้ยังมี
พลศักดิ์สอบตกอีกแล้ว


dhammajak โพสต์

Phonsak ตอบ

สุขกว่าพรหมไม่มีแล้วครับ เพียงพรหมดำรงความสุขได้ไม่นิรันดรเท่านั้น เพราะเป็นพรหมชั้นโลกียะพรหมชั้นโลกียะ  ที่มีอายุมากที่สุดคือ อรูปพรหม พระพุทธเจ้าจึงเรียกอรูปพรหมว่า นิพพานพรหม  เพราะเสพสุขได้แค่ชั่วกัลปาวสานคือ 84,000 มหากัปเท่านั้น  ซึ่งน้อยกว่านิรันดร นิพพานโลกุตตระ เสพสุขได้ชั่วนิรันดร


นาย dhammajak ไม่ได้สอบตก  แต่ถูกไล่ออกจากห้องสอบ ไม่ให้มีสิทธิสอบอีก 500 ชาติ  ข้อหาโง่แล้วอวดฉลาด

พกาพรหมคิดว่า  ตนเองเป็นผู้เที่ยง  ยั่งยืน คงทน มีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา จักตั้งอยู่เที่ยงเสมอไปเช่นนั้นทีเดียว คือ 
พกาพรหมคิดว่าตนเองเป็นพระศิวะ  ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างยิ่ง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"ดูก่อนพกาพรหม ความจริงอายุของท่านไม่มากเลย ท่านอย่าสำคัญว่าอายุของท่านมาก อายุของท่านเหลือเพียงหนึ่งแสนนิรพุทเท่านั้น"

แท้ที่จริงพระพุทธเจ้าเป็นพระศิวะ ผู้เป็นอมตะ ผู้ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย

ในวิมลเกียรตินิทเทสสูตร ปริเฉทที่ 1 พุทธเกษตร

ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า

ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่า พุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็น 
ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจ ทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ฉะนั้น.”

สรุป

โลกุตตระนิพพาน กับ การกลับคืนสู่ความเป็นพระพรหม(โลกุตตระ)เป็นสิ่งเดียวกัน เพราะเป็นอมตะ ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย  ส่วนพรหมชั้นอื่นเป็นโลกียะพรหม ไม่ได้เป็นอมตะ ยังต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายอีก  แต่ความสุขจากการเสพความว่างเสมอเหมือนกัน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น