A A

8 มีนาคม 2558

เมืองนิพพาน = กายทิพย์ กายธรรม อยู่ ปรินิพพาน(นิพพานแท้) = จิตอยู่ในความว่างเฉยๆ

อ้างถึง

Phonsak เขียน:  คุณไปสอนอาจารย์ของคุณได้เลย  นิพพานนั้นจิตสังขารที่คิดปรุงแต่งดับ  จะปรากฏอีกจิตหนึ่งที่มีอายตนะขึ้นมา  เรียกว่า ธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน

ที่ปราศจากกิเลส นั่นคือ แดนนิพพาน หรือเมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตร  ส่วนนิพพานแท้ หรือปรินิพพาน เป็นแค่จิตที่ว่างเฉยๆเท่านั้น

dhammajak กังขา

555
คุณพลศักดิ์
หมายถึงแบบนี้ เหรอครับ

จิตสังขารตัวเก่าดับ แล้วปรากฏจิตสังขารตัวใหม่ เป็นเมืองนิพพาน 
ทำให้เกิดอายตนะไฉไล  ขึ้นมาใหม่ 


dhammajak โพสต์

ตอบ

อายตนะ(ขันธ์ 5)ของมนุษย์สร้างเมืองในโลก, อายตนะ(กายทิพย์)ของเทพและพรหมสร้างเมืองในสวรรค์ และในพรหมโลก, อายตนะของสัตว์นรกสร้างเมืองนรก


อายตนะว่างจากกิเลสของพระอรหันต์สร้างกายอมตะ(ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย) และสร้างเมืองพระนิพพาน  คุณจะเรียกว่าจิตสังขารคงไม่ถูกต้อง นั้นเพราะจิตสังขารมีพลังดึงดูด เฉพาะสิ่งที่เป็นปัจจัยดิน น้ำ ลม ไฟ ในโลกและโลกทิพย์  มาสร้างกายมนุษย์ สัตว์ เทวดา ฯลฯ  รวมทั้งสร้างสรรพสิ่ง  แต่ทุกอย่างล้วนเป็นมายา  เป็นความว่าง(อนัตตา)

แต่จิตและกายที่ว่างจากกิเลส  มีพลังดึงความว่างมาสร้างอะไรก็ได้ทั้งนั้น  แต่ทุกอย่าง ก็ยังเป็นความว่าง(อนัตตา)เหมือนเดิม  เพียงแต่อนัตตาตัวนี้กลายเป็นสิ่งอมตะ จึงเรียกว่า "อัตตา"  ธรรมกาย และ กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)

ส่วนปรินิพพานเป็นจิตที่ว่างเฉยๆ  ไม่ปรุงแต่งสิ่งใดให้เป็นกายธรรม และเป็นกายทิพย์สัมโภคกายแล้ว  อยู่ว่างๆอย่างนั้นแหละตลอดกาล

สรุปนิพพานมี 2  แบบ

1. แบบแท้เป็นจิตว่างเฉยๆตลอดกาล  เป็นพุทธภาวะเริ่มแรก  ก่อนจะมีการสร้างสิ่งใด ปิดswitchการคิดปรุงแต่งทั้งหมด  ไม่ยึดติดแม้ธรรมกาย และพระวิญญาณมหาบริสุทธิ์ของตัวเอง  ทิ้งไปให้หมด จึงเรียกว่า ธรรมสุญญตา หรือ ปรินิพพาน หรือ มหาสุญญตา หรือ นิพพานแท้  ถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้ว  นิพพานแท้ก็คือหลุมดำ นั่นเอง

2. แบบยังต้องติดต่อพูดคุย ทำกิจกรรม และสังสรรค์กันอยู่ เป็นนิพพานที่เปิดswitchการคิดปรุงแต่ง  แต่ไม่ปรุงแต่งด้วยกิเลสตัณหาเท่านั้น  จิตว่างจากกิเลสตัณหา เป็นนิพพานที่มีกายธรรมและกายทิพย์อยู่  จึงเรียกว่า บุคคลสุญญตา หรือ นิพพาน 

อนึ่ง นิพพานตัวนี้บางทีก็เรียก สุญญตนิพพาน เป็นนิพพานที่สูญสิ้นจากกิเลสและขันธ์ 5  ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในทางโลกเป็นสิ่งผูกมัดกังวล  บางทีก็เรียก นิพพานว่าสันติสุข เพราะ สิ้นไปแห่งตัณหา  จึงพ้นจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย  นิพพานตัวนี้เป็น "นิพพิทา วิราคะ วิมุตติ วิสุทธิ สันติ นิพพาน" หรือ  "เบื่อ คลาย หลุด บริสุทธิ์ หยุด นิพพาน" นั่นเอง

ถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้ว  นิพพาน เหมือนกับเป็นภพภูมิหนึ่งที่ ไม่มีการเกิด ดับ ตามวัฏสงสารอีก เนื่องจาก อาสวะอันก่อให้เกิดอวิชชา  สิ้นไปหมดแล้ว  

ดังนั้น พระพุทธเจ้า หรือ พระอริยสงฆ์ ที่นิพพาน ไปแล้ว ก็ไม่ได้หายไปไหน ... ยังอยู่ใน ภพภูมิอมตะและไร้ทุกข์ นั่นเอง ... 

- แดนหรือเมืองนิพพาน เป็น ภพภูมิหนึ่ง  
- ในขณะที่ผู้ที่ ปรินิพพานไป ก็กลายเป็นจิตที่ไม่มีกายใดๆ มีสภาพเป็นความว่างที่มีอยู่ และก็ดำรงอยู่ในความว่าง ที่ไม่มี สิ้นสุด  จึงเรียกว่า "มหาสุญญตา หรือธรรมสุญญตา"  ส่วนนิพพานตัวธรรมกาย และตัวกายทิพย์สัมโภคกาย ยังคงอยู่  จึงเรียกว่า "บุคคลสุญญตา" 

หลวงปู่บุดดา ถาวโร 

"นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ 
สังขตะธรรม อสังขตะธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย" (สังขตะธรรม  ... ได้แก่ จิตที่ยังไม่ถึงพระนิพพานแท้ ยังถูกปรุงด้วยบุญอยู่  การดับกิเลสตัณหาก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง และเป็นบุญใหญ่ที่สุดด้วย จึงต้องได้รับผลเสวยสุขอยู่ในเมืองพระนิพพานอันไม่มีทุกข์)

พระอาจารย์โชฎก ญาณสิทธิ

" พระอรหันต์มี ความว่างจากตัวตน-ของตน โดยสิ้นเชิง มีอิสระเหนือทุกอย่าง 
ที่เรียกว่า "ว่าง" นี้ คือไม่ใช่ว่างชนิดที่เขาพูดกันว่า เช่นว่า จิตนึกคิดอะไรไม่ได้ กายก็แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่ที่ถูกนั้น เป็นความว่างจากกิเลส ว่างที่เฉลียวฉลาดที่สุด" = นิพพานคือว่างจากกิเลสเท่านั้น  แต่จิตยังนึกคิดอะไรได้  ก็คือยังปรุงแต่งได้นั่นเอง

หลวงปู่อ่ำ พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) 

"พระพุทธกัสสป เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน เข้าเมืองแสงใส ซึ่งก็คือเมืองแก้วแสงใส ชื่อไทยนี้ คนไทยคงเรียก นิพพาน มานานแล้ว ปราชญ์บัณฑิตโบราณจารย์จึงกล่าวเสมอๆ เช่น ถึงเมืองแก้ว อันกล่าวแล้ว คือ อมตมหานครนฤพาน ดังใน มหาเวสสันดรเทศนา กุมารกัณฑ์" 
(ดับขันธ์ปรินิพพาน คือ ดับขันธ์ 5 เฉยๆ ขันธ์ตัวใหม่คือ ธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย และกายทิพย์อมตะ(สัมโภคกาย) เข้าเมืองแสงใส คือ นิพพาน)

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

"ส่วนกายพระอรหัต ถ้าถึงพระอรหัตละก็ นิจจัง สุขัง อัตตาแท้ๆ  
กายธรรมมีขันธ์เหมือนกัน แต่เป็นธรรมขันธ์ ท่านไม่เรียกเบญจขันธ์ เป็นธรรมขันธ์เสีย มีธาตุเหมือนกัน เป็นวิราคธาตุ เป็นวิราคธรรม"

เมื่อพวกเราทั้งหมดเข้าไปเป็นนิพพานแท้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

อ้างถึง

นั่นเป็นอารมณ์ จิต สองมาตรฐาน น่ะคร๊าบ
เลยเกิด นิพพาน สองมาตรฐานขึ้นมา คร๊าบ

นิพพานแท้ มีหนึ่งเดียวคร๊าบ
สัจธรรมแท้ มีหนึ่งเดียวคร๊าบ


dhammajak โพสต์

ตอบ

ถูกต้องแล้วคร๊าบ 
นิพพานแท้ มีหนึ่งเดียวคร๊าบ - เป็นจิตที่ไม่มีกาย ไม่มีอะไรเลย  อยู่ในความว่างแห่งอนัตตา
สัจธรรมแท้ มีหนึ่งเดียวคร๊าบ - แต่สัจธรรมแท้ ที่มีเพียงหนึ่ง  พวกเราก็ยังไม่ต้องการไป จึงต้องสร้างเมืองนิพพาน แดนนิพพาน พุทธเกษตร พุทธภูมิ  ให้กายธรรม(ธรรมกาย) และกายทิพย์(สัมโภคกาย)ของพวกเราไปอยู่ที่นั่นก่อน

แล้วคุณ ผม และคุณจ่า  รวมทั้งทุกสิ่งในโลกและในจักรวาลจะสลายหมด ถ้าพวกเราเข้าไปอยู่และไปเป็นนิพพานแท้กันหมด  เนื่องจาก พวกเราปิดจิตเครื่องส่งออกความคิดทั้งหมด  และปิดจิตเครื่องนำเข้าทุกอย่างด้วย  จิตได้แต่ว่าง..ว่าง..ว่าง อย่างเดียว  มันจึงไม่มีอะไรเหลือซากไว้ในจักรวาล สวรรค์นรกทุกภูมิอันไม่ใช่สิ่งอมตะก็จะหายไปหมด  แม้กระทั่งเมืองนิพพานที่เป็นแดนอมตะที่ผู้เป็นอมตะอยู่กัน  พวกมันก็จะสลายไปหมดด้วย 

มันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปเป็นจิตว่างอย่างเดียว(พุทธภาวะแท้จริงเริ่มแรก  ต้องรอให้พระพุทธเจ้าต่างๆรวบรวมทุกจิตในโลกและในจักรวาลให้ได้หมดก่อน  ขนาดโคตมะพระพุทธเจ้าของเรา หลวงปู่ทวด ฯลฯ  เข้าไปเป็นจิตว่างตลอดกาลแล้ว ปรินิพพานแล้ว  เข้าสู่ภาวะธรรมสุญญตาแล้ว  พวกท่านยังต้องออกมาอยู่ในพุทธภูมิ และพุทธเกษตรเลย  พวกท่านแค่เข้าไปดูนิพพานแท้(พุทธภาวะเริ่มแรกเท่านั้น)

ผมคิดว่า  หลุมดำนั่นแหละคือนิพพานแท้  ทุกอย่างนอกหลุมดำความคิดปรุงแต่งสร้างขึ้นทั้งนั้น  เมืองนิพพานหรือสวรรค์นิรันดร ก็เกิดจากจิตของพระเจ้า หรือพุทธะต่างๆ นิรมิตขึ้นมาให้ผู้ไม่มีกิเลสตัณหา จิตว่างจากการยึดถือกายมนุษย์ เทวดา ฯลฯ เป็นกายจริง  ได้อยู่กัน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น