A A

22 มีนาคม 2558

ความลับของฟ้าจิปาถะ ใครรับได้ก็รับไป ใครหาว่าผมบ้าก็ไม่เป็นไร

ขอบคุณครับ ที่ได้นำเรื่องดีๆมาเปิดเผย

ซึ่งทางพ่อผมก็เป็นคล้ายๆแบบท่านแหละครับ พอน้องชายเอาลิงค์ของท่านมาให้ผมอ่าน แล้วน้องคุยกับพ่อแล้วถึงเรื่องท่าน

ผมก็เลยตัดสินติดต่อท่านเลย ให้คุยกันกับพ่อผมตรงๆเลยดีกว่า สะดวกดี ถ้าเจอคอเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน จะได้คุยกันง่ายๆ

ผมก็จะได้ความรู้เพิ่มด้วย  


From: phonsak1
To: 'plagaowjr' 

Subject: ความจริงสูงสุดอีกเรื่องที่คุณSaranyoo ควรบอกกับคุณพ่อของคุณด้วย เพราะผมไม่รู้email addressของคุณพ่อของคุณ

         ผมได้คุยกับคุณพ่อของคุณแล้ว ท่านพูดถึงอาทิพุทธเยี้ย  หรืออาทิพุทธเจ้า  ซึ่งเป็นองค์ใหญ่สุด  เป็นต้นกำเนิดทุกสรรพจิต และท่านพูดอีกหลายเรื่อง เรื่องระดับสูงสุดทั้งนั้น  ผมฟังดูแล้ว ท่านไม่ได้บ้าแต่อย่างใด  ถ้าคุณพ่อของคุณบ้า  ผมยิ่งบ้ากว่าพ่อคุณอีก  เรียกว่า  โคตรบ้าเลย  เพราะไปแจกแจงให้พ่อคุณรู้ว่า  อาทิพุทธเยี้ยท่านแยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระพุทธเจ้าอีกมากมาย เพื่อทำหน้าที่แตกต่างกัน  แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็คือ อาทิพุทธเจ้า  ทั้งน๊าน


        ขั้นต้นอาทิพุทธเจ้าแยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า)ก่อน  แล้วท่านก็ให้พระพุทธเจ้าภาคขาว และภาคดำนั้น   แยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระอรหันต์ต่างๆ และเป็นพระพุทธเจ้าภาคขาว และ ภาคดำ อื่นๆต่อไป  

…  พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็เป็นพระพุทธเจ้าภาคขาวที่ออกมาจากพระไวโรจนพุทธเจ้า  
... ส่วนพระโคตมพุทธเจ้าของเราก็เป็นพระพุทธเจ้าภาคขาวที่เป็นมนุษย์ ออกมาจากพระอมิตาภะพุทธเจ้าอีกทอดหนึ่ง

พระอรหันต์และพระพุทธเจ้าทุกองค์สามารถฝึกจิตต่อไปได้เรื่อยๆเช่นกันแม้จะอยู่ในนิพพาน เพื่อเลื่อนระดับฌาน  ระดับชั้นของฌาน  เริ่มจาก
-   
ฌานสูงสุด คือ  ฌานของอาทิพุทธเจ้าหรืออาทิพุทธเยี้ย  อยู่ที่ขั้น 99-   ฌานของพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า) หรืออัลเลาะห์  อยู่ที่ขั้น 90 กว่าๆ  ผมคิดว่า 95
-   
ฌานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า อยู่ที่ขั้น 69  พระอมิตาภะพุทธเจ้าท่านบอกกับผมว่า  ฌานของท่านนับว่าสูงสุดของภาคขาวที่ไม่ได้ออกมาโดยตรงจากอาทิพุทธเยี้ย
  
แล้ว
ฌานของพระโคตมพุทธเจ้าล่ะ  ผมคิดว่าน่าจะอยู่แค่ขั้นที่ 40 กว่าเท่านั้น  ท่านจึงยอมทำตามภาคดำ  คือ แค่สอนว่า  กฎแห่งกรรม  กรรมที่เราทำเป็นตัวส่งผลกับชีวิตของเรา  ห้ามสอนเรื่องผู้ที่อยู่เบื้องหลังกฎแห่งกรรม  คือ ทีมงานของพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า) หรืออัลเลาะห์  เพราะถ้ามนุษย์รู้ว่า  ที่ตนเองได้รับเคราะห์กรรมใดๆ ก็เพราะพระพุทธเจ้าภาคดำผู้ถือหลักความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมเป็นที่ตั้ง  เป็นผู้สั่งให้บรรดาเทพนำเคราะห์กรรมร้ายๆนั้นมาสู่พวกเขา  พวกมนุษย์อาจจะด่าพระเจ้า(พระพุทธเจ้าภาคดำ)  ซึ่งจะนำบาปหนักเข้ามาหาตัวเองอีก  

         นอกจากนี้  คุณพ่อของคุณท่านยังบอกว่า  ตัวผมเคยไปคุยกับท่านด้วย ท่านก็ไม่ได้บ้าแต่อย่างใด  เพราะตัวผมตอนนี้มีหลายจิตแล้ว  ตัวผมที่คุยกับคุณพ่อของคุณ คงเป็นตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผม  ซึ่งตอนนี้ประจำอยู่ที่พุทธเกษตร 
ผมเพิ่งปล่อยตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผมออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน  หลังจากผมเอาชนะลูกสาวพญามาร  ซึ่งโคตรสวยมีเสน่ห์ชวนหลงใหลได้    

อนึ่ง  เดิมตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผมก็อยู่ในจิตของผม  กฎของฟ้าห้ามจิตบริสุทธิ์อยู่ในที่เดียวกัน  ต้องแยกกันอยู่  ดังนั้นพอผมตายไป ผมก็จะไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต
  เช่นเดียวกับ  พระเยซู  ท่านก็อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตเช่นกัน แล้วก็มีพระเยซูอีกองค์อยู่ที่พุทธเกษตรของพระยะโฮวา อย่างไรก็ตาม  ตอนนี้ พระเยซูที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตก็ไม่อยู่แล้ว  เพราะท่านต้องไปเกิดในโลกมนุษย์ให้ครบ12 มิติ  มิติที่ 13 ผมคิดว่า ไม่ต้องไปเกิด เพราะมีจิตของท่านที่เป็นพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าจะไปเกิดแล้วในอีก 10,000 ข้างหน้า  หลังจากโลกมนุษย์ใบนี้ถึงโลกาวินาศในปีพ.ศ. 4955-4999       

         เรื่องมันเป็นอย่างนี้  
แรกเริ่มเดิมทีพวกเราทุกจิตล้วนเป็นอรหันต์อยู่ในเมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตร หรือสวรรค์นิรันดร  แล้วเราอรหันต์ก็โคลนนิ่งตัวเองออกมาเป็นอีกจิตหนึ่งหรือกายหนึ่ง  เพราะจิตก็คือกาย  จิตตัวใหม่ที่โคลนนิ่งออกมา คือ จิตประภัสสร  บริสุทธิ์เท่ากับจิตอรหันต์ในเมืองนิพพานนั่นแหละ  จิตประภัสสรโคลนนิ่งตัวนี้  จะอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต  ทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์  ส่วนอีกจิตหนึ่งที่อยู่ในพุทธเกษตรก็เป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกัน  แต่จะอยู่กันคนละที่  ผมเข้าใจว่า  จิตที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต  จะพัวพันกับวิญญาณมนุษย์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ  ส่วนจิตที่อยู่ในสวรรค์นิรันดร หรือพุทธเกษตร หรือในเมืองนิพพาน จะพัวพันกับวิญญาณมนุษย์ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด

++++++++++++++++++++

        อ้าว! ไว้ผมเจอพระอมิตาหรือเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก่อน  แล้วผมจะถามเรื่องพ่อของคุณ(คุณสุเทพ ว่องเจริญพร)ว่าเป็นใครกันแน่  
ผมPhonsakเป็นจิตหนึ่งของพระศรีอริยะเมตตรัยโยพุทธเจ้า  ไม่ใช่ศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า  นะครับ  ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล  ชื่อของผม  พระโคตมพุทธเจ้าของเรา  และบรรดาอรหันต์ต่างๆเรียกผมว่า เมตตรัยโย 

พ่อของคุณพูดถูกแล้ว เขาและคนอื่นๆเปิดเผยความลับของฟ้าไม่ได้   ท่านสงสัยว่า ทำไมผมเปิดเผยได้  และเปิดเผยไม่ยอมหยุดด้วย ผมจึงบอกท่านว่า  
ผมได้ jackpot ของฟ้า  ผมจึงเปิดเผยความลับของฟ้าได้  ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะอ่านเรื่องที่ผมเขียนเข้าใจหรือไม่เข้าใจ  ผมไม่สน เป็นเรื่องของบุญบารมีและการปฏิบัติของเขาเอง 

- ถ้าบุญบารมีและการปฏิบัติของเขาไม่มี หรือมีไม่มาก  เขาย่อมต้องคิดว่าผมบ้าและสติวิปลาสแน่นอน  อันนี้ก็ไม่เป็นไร  

สุดท้ายนี้  ผมต้องขอขอบคุณคุณพ่อของคุณที่เตือนผมเรื่องจะโดนคนอื่นหาว่า "บ้า" เหมือนท่าน  ผมไม่เอาความคิดของชาวบ้านและเรื่องนอกจิตว่างของผม  เข้ามาในจิตว่างของผมนานแล้ว  เว็บศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม เขาไล่ผมออก และยับยั้ง ip ผมมาแล้วทุกเว็บแหละครับ  เว็บที่ยังไม่ไล่ผมออก และยับยั้ง ip ของผม  ผมก็เสนอกระทู้ใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้าต่อไปเรื่อยๆ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น