ขอบคุณครับ
ที่ได้นำเรื่องดีๆมาเปิดเผย
ซึ่งทางพ่อผมก็เป็นคล้ายๆแบบท่านแหละครับ พอน้องชายเอาลิงค์ของท่านมาให้ผมอ่าน แล้วน้องคุยกับพ่อแล้วถึงเรื่องท่าน
ผมก็เลยตัดสินติดต่อท่านเลย ให้คุยกันกับพ่อผมตรงๆเลยดีกว่า สะดวกดี ถ้าเจอคอเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน จะได้คุยกันง่ายๆ
ผมก็จะได้ความรู้เพิ่มด้วย
From: phonsak1
To: 'plagaowjr'
Subject: ความจริงสูงสุดอีกเรื่องที่คุณSaranyoo ควรบอกกับคุณพ่อของคุณด้วย เพราะผมไม่รู้email addressของคุณพ่อของคุณ
ซึ่งทางพ่อผมก็เป็นคล้ายๆแบบท่านแหละครับ พอน้องชายเอาลิงค์ของท่านมาให้ผมอ่าน แล้วน้องคุยกับพ่อแล้วถึงเรื่องท่าน
ผมก็เลยตัดสินติดต่อท่านเลย ให้คุยกันกับพ่อผมตรงๆเลยดีกว่า สะดวกดี ถ้าเจอคอเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน จะได้คุยกันง่ายๆ
ผมก็จะได้ความรู้เพิ่มด้วย
From: phonsak1
To: 'plagaowjr'
Subject: ความจริงสูงสุดอีกเรื่องที่คุณSaranyoo ควรบอกกับคุณพ่อของคุณด้วย เพราะผมไม่รู้email addressของคุณพ่อของคุณ
ผมได้คุยกับคุณพ่อของคุณแล้ว ท่านพูดถึงอาทิพุทธเยี้ย หรืออาทิพุทธเจ้า ซึ่งเป็นองค์ใหญ่สุด เป็นต้นกำเนิดทุกสรรพจิต และท่านพูดอีกหลายเรื่อง เรื่องระดับสูงสุดทั้งนั้น ผมฟังดูแล้ว ท่านไม่ได้บ้าแต่อย่างใด ถ้าคุณพ่อของคุณบ้า ผมยิ่งบ้ากว่าพ่อคุณอีก เรียกว่า “โคตรบ้าเลย” เพราะไปแจกแจงให้พ่อคุณรู้ว่า อาทิพุทธเยี้ยท่านแยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระพุทธเจ้าอีกมากมาย เพื่อทำหน้าที่แตกต่างกัน แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็คือ อาทิพุทธเจ้า ทั้งน๊าน
ขั้นต้นอาทิพุทธเจ้าแยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า)ก่อน แล้วท่านก็ให้พระพุทธเจ้าภาคขาว และภาคดำนั้น แยกกายหรืออวตารหรือแบ่งจิตออกไปเป็นพระอรหันต์ต่างๆ และเป็นพระพุทธเจ้าภาคขาว และ ภาคดำ อื่นๆต่อไป
… พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็เป็นพระพุทธเจ้าภาคขาวที่ออกมาจากพระไวโรจนพุทธเจ้า
... ส่วนพระโคตมพุทธเจ้าของเราก็เป็นพระพุทธเจ้าภาคขาวที่เป็นมนุษย์ ออกมาจากพระอมิตาภะพุทธเจ้าอีกทอดหนึ่ง
พระอรหันต์และพระพุทธเจ้าทุกองค์สามารถฝึกจิตต่อไปได้เรื่อยๆเช่นกันแม้จะอยู่ในนิพพาน เพื่อเลื่อนระดับฌาน ระดับชั้นของฌาน เริ่มจาก
- ฌานสูงสุด คือ ฌานของอาทิพุทธเจ้าหรืออาทิพุทธเยี้ย อยู่ที่ขั้น 99- ฌานของพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า) หรืออัลเลาะห์ อยู่ที่ขั้น 90 กว่าๆ ผมคิดว่า 95
- ฌานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า อยู่ที่ขั้น 69 พระอมิตาภะพุทธเจ้าท่านบอกกับผมว่า ฌานของท่านนับว่าสูงสุดของภาคขาวที่ไม่ได้ออกมาโดยตรงจากอาทิพุทธเยี้ย
แล้วฌานของพระโคตมพุทธเจ้าล่ะ ผมคิดว่าน่าจะอยู่แค่ขั้นที่ 40 กว่าเท่านั้น ท่านจึงยอมทำตามภาคดำ คือ แค่สอนว่า กฎแห่งกรรม กรรมที่เราทำเป็นตัวส่งผลกับชีวิตของเรา ห้ามสอนเรื่องผู้ที่อยู่เบื้องหลังกฎแห่งกรรม คือ ทีมงานของพระพุทธเจ้าภาคขาว(พระไวโรจนพุทธเจ้า) และภาคดำ(พระติกขคัมมะพุทธเจ้า) หรืออัลเลาะห์ เพราะถ้ามนุษย์รู้ว่า ที่ตนเองได้รับเคราะห์กรรมใดๆ ก็เพราะพระพุทธเจ้าภาคดำผู้ถือหลักความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมเป็นที่ตั้ง เป็นผู้สั่งให้บรรดาเทพนำเคราะห์กรรมร้ายๆนั้นมาสู่พวกเขา พวกมนุษย์อาจจะด่าพระเจ้า(พระพุทธเจ้าภาคดำ) ซึ่งจะนำบาปหนักเข้ามาหาตัวเองอีก
นอกจากนี้ คุณพ่อของคุณท่านยังบอกว่า ตัวผมเคยไปคุยกับท่านด้วย ท่านก็ไม่ได้บ้าแต่อย่างใด เพราะตัวผมตอนนี้มีหลายจิตแล้ว ตัวผมที่คุยกับคุณพ่อของคุณ คงเป็นตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผม ซึ่งตอนนี้ประจำอยู่ที่พุทธเกษตร ผมเพิ่งปล่อยตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผมออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากผมเอาชนะลูกสาวพญามาร ซึ่งโคตรสวยมีเสน่ห์ชวนหลงใหลได้
อนึ่ง เดิมตัวอรหันต์ที่เป็นมโนธรรมของผมก็อยู่ในจิตของผม กฎของฟ้าห้ามจิตบริสุทธิ์อยู่ในที่เดียวกัน ต้องแยกกันอยู่ ดังนั้นพอผมตายไป ผมก็จะไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต เช่นเดียวกับ พระเยซู ท่านก็อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตเช่นกัน แล้วก็มีพระเยซูอีกองค์อยู่ที่พุทธเกษตรของพระยะโฮวา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ พระเยซูที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตก็ไม่อยู่แล้ว เพราะท่านต้องไปเกิดในโลกมนุษย์ให้ครบ12 มิติ มิติที่ 13 ผมคิดว่า ไม่ต้องไปเกิด เพราะมีจิตของท่านที่เป็นพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าจะไปเกิดแล้วในอีก 10,000 ข้างหน้า หลังจากโลกมนุษย์ใบนี้ถึงโลกาวินาศในปีพ.ศ. 4955-4999
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ แรกเริ่มเดิมทีพวกเราทุกจิตล้วนเป็นอรหันต์อยู่ในเมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตร หรือสวรรค์นิรันดร แล้วเราอรหันต์ก็โคลนนิ่งตัวเองออกมาเป็นอีกจิตหนึ่งหรือกายหนึ่ง เพราะจิตก็คือกาย จิตตัวใหม่ที่โคลนนิ่งออกมา คือ จิตประภัสสร บริสุทธิ์เท่ากับจิตอรหันต์ในเมืองนิพพานนั่นแหละ จิตประภัสสรโคลนนิ่งตัวนี้ จะอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ ส่วนอีกจิตหนึ่งที่อยู่ในพุทธเกษตรก็เป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกัน แต่จะอยู่กันคนละที่ ผมเข้าใจว่า จิตที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต จะพัวพันกับวิญญาณมนุษย์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ส่วนจิตที่อยู่ในสวรรค์นิรันดร หรือพุทธเกษตร หรือในเมืองนิพพาน จะพัวพันกับวิญญาณมนุษย์ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
++++++++++++++++++++
อ้าว! ไว้ผมเจอพระอมิตาหรือเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก่อน แล้วผมจะถามเรื่องพ่อของคุณ(คุณสุเทพ ว่องเจริญพร)ว่าเป็นใครกันแน่ ผมPhonsakเป็นจิตหนึ่งของพระศรีอริยะเมตตรัยโยพุทธเจ้า ไม่ใช่ศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า นะครับ ผมบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ชื่อของผม พระโคตมพุทธเจ้าของเรา และบรรดาอรหันต์ต่างๆเรียกผมว่า “เมตตรัยโย”
พ่อของคุณพูดถูกแล้ว เขาและคนอื่นๆเปิดเผยความลับของฟ้าไม่ได้ ท่านสงสัยว่า ทำไมผมเปิดเผยได้ และเปิดเผยไม่ยอมหยุดด้วย ผมจึงบอกท่านว่า ผมได้ jackpot ของฟ้า ผมจึงเปิดเผยความลับของฟ้าได้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะอ่านเรื่องที่ผมเขียนเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผมไม่สน เป็นเรื่องของบุญบารมีและการปฏิบัติของเขาเอง
- ถ้าบุญบารมีและการปฏิบัติของเขาไม่มี หรือมีไม่มาก เขาย่อมต้องคิดว่าผมบ้าและสติวิปลาสแน่นอน อันนี้ก็ไม่เป็นไร
สุดท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณคุณพ่อของคุณที่เตือนผมเรื่องจะโดนคนอื่นหาว่า "บ้า" เหมือนท่าน ผมไม่เอาความคิดของชาวบ้านและเรื่องนอกจิตว่างของผม เข้ามาในจิตว่างของผมนานแล้ว เว็บศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม เขาไล่ผมออก และยับยั้ง ip ผมมาแล้วทุกเว็บแหละครับ เว็บที่ยังไม่ไล่ผมออก และยับยั้ง ip ของผม ผมก็เสนอกระทู้ใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้าต่อไปเรื่อยๆ
0 comments:
แสดงความคิดเห็น