A A

21 มีนาคม 2558

ดาวพฤหัสบดีเป็นที่สิงสถิตอยู่ของพระวิญญาณมหาบริสุทธิ์ของพระเยซู

ครั้งก่อนผมได้ชี้ให้เห็นว่า  ดวงดาวต่างๆล้วนมีเทพเจ้าสถิตและดูแลอยู่  และดาวเหล่านั้น  ล้วนส่งผลดีผลร้ายต่อมนุษย์  เหล่าเทพเจ้าที่มาประจำตามดาว  จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  และเปลี่ยนไปตามความเชื่อและศรัทธาของมนุษย์

ดวงอาทิตย์ มีเหล่าเทพเจ้าที่เป็นแสงสว่างแห่งชีวิตสิงสถิตอยู่ต่างกันไปในแต่ละยุคแต่ละสมัยของแต่ละชนชาติ  เช่น  เทพอพอลโล (Apollo)เป็นเทพกรีก  เทพรา (Ra) เป็นมหาเทพแห่งไอยคุปต์(อียิปต์)   อมาเตระสุ เทพี ซึ่งเป็น เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น  

จนมาถึงในยุคที่มนุษย์ได้รับการเรียนรู้วิธีการเข้าไปสู่นิพพาน(สวรรค์นิรันดร)  ดวงอาทิตย์ก็จะมีเทพเจ้าระดับพุทธะ-กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าสถิตและประจำอยู่    

วันนี้เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับดาวพฤหัสบดีบ้าง

ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ โดยทั่วไป ดาวพฤหัสบดีเป็นวัตถุที่สว่างที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในท้องฟ้า (รองจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์)

ในทางศาสนา  เทพกรีก และดวงดาวต่างๆล้วนเกี่ยวข้องกัน  
ดาวพฤหัสเป็นชื่อของเทพเจ้า Jupiter (หรือ Zeus) ซึ่งเป็นราชาของเทพเจ้าทั้งปวง  Jupiter เป็นกษัตริย์ของเหล่าเทพเจ้า เป็นผู้ปกครองภูเขาโอลิมปุส  

เทพเจ้า Jupiter (Zeus, in Greek)  ชื่ออื่นๆ ของเทพเจ้า Jupiter (Zeus)  ที่สำคัญคือ

- God
- Father of gods and men

หมายความว่า 
Zeus เป็นผู้ให้กำเนิดเหล่าเทพเจ้า และมวลมนุษย์นั่นเอง

ในศาสนาฮินดู(พราหมณ์) พฤหัสบดี เป็นครูแห่งเทวดาทั้งหลาย  ตำราพระอิศวรกล่าวว่า พระศิวะเจ้าได้สร้างพระพฤหัสบดีขึ้นมา โดยนำฤษี 19 ตน มาป่นให้ละเอียดเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีเหลือง ร่ายพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ ห่อผ้านั้นก็กลายเป็นพระพฤหัสบดี เทพผู้ปรากฏเป็นฤๅษี กายสีแสด ทรงกระดานชนวน ลูกประคำ อาภรณ์ประดับด้วยแก้วบุษราคัม ทรงกวางเป็นพาหนะ พระพฤหัสบดีเป็นเทพแห่งปัญญา เทพแห่งครู วันพฤหัสบดีจึงถือเป็นวันครู (วันไหว้ครูของไทย)

ในศาสนาคริสต์  พระ เยซู คริสต์ คือ ใคร? - Who is Jesus?  เกี่ยวข้องอะไรกับดาวพฤหัสบดี 

พระเยซู Jesus ชาวนาซาเร็ธ  ผู้ทรงเป็นบุคคลที่มีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์ที่สุดมาตลอดทุกยุคทุกสมัย

พระเยซูทรงเป็นผู้เปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์  แม้แต่วันที่สากลที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้  B.C. แปลว่า ก่อนพระคริสต์  ส่วน A.D. (Anno Domini) หรือค.ศ. = ปีของพระผู้เป็นเจ้าเยซู คริสต์  คือปีที่ใช้อ้างอิง เริ่มนับจากปีที่เชื่อกันว่า พระเยซู เกิด และมีอายุครบหนึ่งปี เป็น ค.ศ. 1 โดยจำนวนปีคริสต์ศักราชจะห่างจากพุทธศักราช 543 ปี ใช้วันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันเปลี่ยนศักราช

ตามประวัติศาสตร์ศาสนา  
มัทธิว2:7  แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกโหราจารย์เข้ามาเป็นการลับ ถามเขาได้ความถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น  

2:8 แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า "จงไปค้นหากุมารนั้นเถิดเมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย"

2:9 โหราจารย์เหล่านั้นจึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไปจนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น

ต่อมาดวงดาวสุกสว่างปรากฏขึ้นบนฟ้าดวงนั้น  ถูกตั้งชื่อว่า 
ดวงดาวแห่งเบ็ธเลเฮม  ผมเคยสอบถามพระเยซูในจิตว่า  ดาวดวงนี้คือดาวอะไร  พระเยซูบอกกับผมว่า คือ ดาวพฤหัสบดี

ต่อมาผมได้สืบดู  เหตุที่ดาวพฤหัสบดีสุกสว่างผิดปรกติในช่วงนั้น  น่าจะมาจาก  ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ มันโคจรอยู่ใกล้กันมากในช่วงเวลานั้น ตามภาษาโหรเขาเรียกว่า "ดาวกุมกัน" = ดาวทั้ง 2 ดวง คือ ดาวพฤหัสบดีและ ดาวเสาร์จะกุมกันสนิทอย่างนี้ทุกประมาณ 25-30 ปี ตาม "ปูมโหร" หรือปฏิทินดาราศาสตร์

มูลเหตุที่เกิดศาสนาคริสต์

แม้ว่าพุทธศาสนาเกิดขึ้นแล้ว  แต่ก็ไม่สามารถนำผู้คนทุกหมู่เหล่าออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้มากนัก  เนื่องจากเถรวาทที่ปฏิบัติจนบรรลุโสดาบัน  ไม่ต้องลงสู่อบายภูมิอีกมีจำนวนไม่มาก  ยิ่งบรรลุอรหันต์ด้วยแล้ว  เรียกว่าน้อยมากๆๆๆเลย  ด้วยเหตุที่ฝ่ายมารควบคุมสมองของมนุษย์อยู่

- อวิชชาหรือพญามารในศาสนาพุทธ และซาตานในศาสนาคริสต์  ล้วนเป็นผู้ครองโลก   อวิชชา(ซาตาน)ได้ฝังความคิดจากกิเลสตัณหา ไว้ในหัวพวกเรา  อวิชชา(ซาตาน)ควบคุมทุกความคิดของมนุษย์  ไม่ใช่พระเจ้า(พุทธะ)  พระเจ้า(พุทธะ)จะอยู่ในมโนธรรมเท่านั้น  ซึ่งส่วนใหญ่มนุษย์จะแพ้ต่อกิเลสตัณหา  แพ้ต่อราคะ แพ้ต่อโทสะ และโมหะ(ความหลงผิดของตัวเอง)

มีเพียงมหายานเท่านั้น  ที่อาศัยพึ่งบารมีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า  แล้วได้ไปเกิดในแดนสุขาวดี  ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป(ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย)  ใครมีนิสัยชั่วเพียงใด  ก็สร้างภาพฝันเฟื่องเสมือนจริงเมื่อตอนที่ตนเองไม่มีสติขึ้นมา  แล้วจะไปทำชั่วอะไรกับภาพฝันเฟื่องเสมือนจริงของตนเอง  ทำอย่างไรก็ไม่บาปทั้งนั้น เพราะไม่กระทบวิญญาณของคนอื่น  เนื่องจากเป็นโลกเสมือนจริงที่ตนเองสร้างขึ้นมา  

- จะฟุ้งซ่านอย่างไรก็ตามสบาย  มีเวลาเหลือเฟือเลย  จะฟุ้งซ่านสัก 500 ล้านปีก็ยังได้  หายฟุ้งซ่านเมื่อไร  ก็ค่อยๆหัดสงบจิตในแดนสุขาวดีเป็นระดับๆต่อไป

มูลเหตุที่มีศาสนาคริสต์  แม้กระทั่งศาสนาอิสลาม  ก็เพราะเหล่าพุทธะ(พระเจ้า)ต้องการให้โอกาสและให้ทางเลือกใหม่ๆกับผู้คนในศาสนาอื่น รวมทั้งผู้คนในศาสนาพุทธนิกายเถรวาทด้วย  การพึ่งตัวเองเพื่อทำจิตตนเองให้มหาบริสุทธิ์เป็นอรหันต์ ทำได้ยากยิ่งนัก  แล้วมีโอกาสพลาดลงนรกและลงอบายภูมิเยอะมาก  ดังที่พระเยซูตรัสว่า

 เราไม่สามารถจะทำการดีเพื่อจะเป็นทางไปสวรรค์เองได้ 
ในพระธรรม (ทิตัส 3:5)
จงเข้าไปทางประตูแคบเพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 
ในพระธรรม ( มัทธิว 7:13) 

ประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก= การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ โดยไม่พึ่งพาบารมีของพระเจ้า(พระโพธิสัตว์อรหันต์)องใดองค์หนึ่ง
- จงเข้า
ไปทางประตูแคบ  ประตูแคบคือ พุทธเกษตรต่างๆ
  
   พุทธเกษตรต่างๆ เช่น แดนสุขาวดี ของพระอมิตาพุทธเจ้า  พุทธเกษตร(สรวงสวรรค์)ของพระเยซู ซึ่งมี 16 ชั้น  ชั้นอรหันต์ที่พระเยซู(พระบุตร)อยู่คือ ชั้น 15 และ พุทธเกษตร(สรวงสวรรค์)ของอัลเลาะห์  ซึ่งมี 100 ชั้น  ชั้นอรหันต์อยู่คือชั้นบนสุดของสวรรค์อัล-ฟิรเดาสฺ  เบื้องบนของมันคือบัลลังก์ของพระเจ้าผู้ทรงกรุณา

สรุป

ดวงอาทิตย์ ให้แสงสว่างภายนอก  และเป็นที่สิงสถิตอยู่ของพระวิญญาณมหาบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า   ดาวพฤหัสบดีเป็นที่สิงสถิตอยู่ของพระวิญญาณมหาบริสุทธิ์ของพระเยซู และเหล่าพระเจ้าอื่นๆที่ทำหน้าที่ครูสอนธรรมแก่โลก เช่น ซูส และพระพฤหัสบดี

ที่ต้องมีครูอาจารย์อื่น  เพราะพระพุทธเจ้ายังนำพามนุษย์เข้าสู่นิพพาน(สวรรค์นิรันดร)ได้ไม่มาก  จึงต้องส่งพระอรหันต์โพธิสัตว์องค์อื่น มานำพามนุษย์อีกส่วนหนึ่งเข้าสู่นิพพาน(สวรรค์นิรันดร) ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายอีก  ไปฝึกให้บรรลุอรหันต์กันที่พุทธเกษตร(สรวงสวรรค์)ของพระเยซู ซึ่งมี 16 ชั้น

0 comments:

แสดงความคิดเห็น