ในทุกยุคทุกสมัย ปรมาจารย์ของมนุษย์ที่ไม่ใช่สาขาวิทยาศาสตร์
ต่างรับรู้ด้วยจิตภายในของตนว่า ดวงดาวที่ปรากฏอยู่กลางท้องฟ้า
ล้วนมีวิญญาณแห่งเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งหรือหลายองค์สิงสถิตอยู่ และวิญญาณเทพเจ้าที่อยู่ในดวงดาวเหล่านั้นจะส่งผลดีและผลร้ายกับมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญขึ้น วิทยาศาสตร์ก็ใช้การสังเกตการณ์จากสิ่งที่ตนรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ จิตที่เป็นสมอง ทำให้พวกเขาตีความไปอีกอย่าง ซึ่งแตกต่างจากการตีความด้วยจิตภายในของตน ที่ไม่ใช่สมอง นักวิทยาศาสตร์จะเชื่อในสิ่งที่ตนเองรับรู้โดยเครื่องมือต่างๆของมนุษย์ โดยเฉพาะสมองเท่านั้น
ตัวผมPhonsakก็หลงเชื่อวิทยาศาสตร์มา 30 กว่าปี ตอนหลังผมทำสมถะและวิปัสสนาได้ดีและลึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงรู้ความจริงว่า วิทยาศาสตร์ของมนุษย์เป็นวิทยาศาสตร์ที่ยังอยู่ในวัยปฐมเท่านั้น วิทยาศาสตร์ในระดับสูงสุด ผู้จะเข้าถึงได้ความรู้ระดับสูงสุดนี้ได้ ต้องเป็นพระโพธิสัตว์อนาคามี-พระโพธิสัตว์อรหันต์ขึ้นไป ที่ใช้การทำสมาธิ(สมถะ) ควบคู่กับวิปัสสนาเท่านั้น ฟ้าจึงจะเปิดทางให้รู้ความจริงทุกอย่างได้ ตามแต่ระดับความเป็นโพธิสัตว์ของท่านผู้นั้น
ผมซึ่งบรรลุธรรมระดับพระโพธิสัตว์อนาคามีชั้นสูงมาก ใกล้เคียงพระเวสสันดรตอนที่บรรลุธรรมแล้ว ต่างกันตรงที่ผมก็เป็นผู้ที่ชอบเปิดเผยความลับของฟ้า แบบไม่มีการกริ่งเกรงกฎของเหล่าพุทธะ(พระเจ้า)ซะด้วย ผมจะโดนลงโทษจากการผิดกฎสวรรค์อย่างไร เหล่าพุทธะ(พระเจ้า)ก็เชิญลงโทษไป แต่เมื่อจิตของผมไม่เอาเรื่องราวทางโลกภายนอก เข้ามาสู่จิตแท้ภายในของผมแล้ว ความทุกข์ก็หามีกับผมไม่ เรื่องราวที่ผมเปิดเผย แม้ในวันนี้อาจจะไม่มีใครเชื่อและไม่มีคนเข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ในวันข้างหน้าข้อมูลของผม จะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมาก
วันนี้ผมขอเปิดเผยความลับของฟ้าเกี่ยวกับดวงดาวที่เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตของเราก่อน คือ ความลับของดวงอาทิตย์
ความลับของดวงอาทิตย์
ในระบบสุริยจักรวาลของเรา มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ต่างๆคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต คุณรู้ไหมว่า ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานและเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายบนโลก มีวิญญาณเทพเจ้าสูงสุดประทับอยู่
- หนึ่งในเทพเจ้าสูงสุดที่ประจำในดวงอาทิตย์ คือ กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ฤๅษีและผู้มีฌานต่างๆของอินเดียก่อนพุทธกาล ได้ซ่อนความจริงสูงสุดเรื่องนี้ไว้ในชื่อตระกูลหรือชื่อโคตรของพระพุทธองค์....โคตม โคตะมะ โคดม ซึ่งมีความหมายถึง แสงสว่างอันรุ่งโรจน์ดุจดวงอาทิตย์
กายมนุษย์และกายสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแต่ดำรงชีวิต ทำการทำงานทุกอย่างโดยอาศัยพลังงานแสงสว่างทางตรงและทางอ้อมจากดวงอาทิตย์ทั้งนั้น ส่วนในใจของสรรพชีวิต การจะลดทุกข์หรือจะหมดทุกข์ได้มากเท่าไร ก็ต้องอาศัยแสงสว่างภายใน ผู้ที่เห็นแสงสว่างภายในใจของตน จะมีความทุกข์น้อยกว่าคนทั่วไป แหล่งที่ให้กำเนิดแสงในใจสำหรับชาวพุทธก็คือ พระพุทธเจ้า
- ในเทพนิยายกรีก ก็ชี้ว่า ในดวงอาทิตย์ มีเทพเจ้าอยู่ ชื่อ เทพอพอลโล (Apollo) เทพแห่งแสงสว่าง หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์
- มหาเทพแห่งไอยคุปต์ หรือ มหาเทพยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ คือ เทพรา (Ra) เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)
- ในญี่ปุ่น ศาสนาชินโต ก็เชื่อว่า อมาเตระสุ เป็นเทพี หรือเป็น เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)
- ในอารยะธรรมเมโสโปเตเมีย ลุ่มแม่น้ำไทกริส ยูเฟติส (ปัจจุบัน คือ อิรัก อิหร่าน ตุรกี) 8,000 - 7.000 ปี ก่อนคริตส์ศักราช ชาวสุเมเรียน นับถือเทพเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อ “อูตู” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือ สุริยะเทพ
เหล่าเทพแห่งดวงอาทิตย์ทั้งหมด ล้วนเคยเป็นแสงสว่างภายในแห่งชีวิตให้มนุษย์ในกาลสมัยที่แตกต่างกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราก็เป็นแสงสว่างภายในให้ชาวพุทธ พระพุทธองค์ท่านก็เป็นเทพเจ้าประจำดวงอาทิตย์ ด้วยเช่นกัน แต่ท่านจะประจำอยู่แค่ 5,000 ปี เพราะว่าหลังสิ้นสุดยุคพุทธกาลแล้ว เป็นยุคของพระศรีอริยเมตตรัยพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าของเราก็จะหมดหน้าที่ในการเป็นแสงสว่างแห่งชีวิตนำชาวพุทธและคนทั่วโลก รู้ทางเข้านิพพาน(สวรรค์นิรันดร)
สรุป
ดวงอาทิตย์ มีเหล่าเทพเจ้าที่เป็นแสงสว่างแห่งชีวิตสิงสถิตอยู่ต่างกันไปในแต่ละยุคแต่ละสมัยของแต่ละชนชาติ เช่น เทพอพอลโล (Apollo)เป็นเทพกรีก เทพรา (Ra) เป็นมหาเทพแห่งไอยคุปต์(อียิปต์) อมาเตระสุ เทพี ซึ่งเป็น เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น ลงมาจนถึง กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ซึ่งเป็นองค์เดียวที่ชี้ทางปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพาน(สวรรค์นิรันดร)ได้ ในขณะที่ศาสนาอื่นๆทั้งหมด เพียงแต่ชี้ทางไปอยู่ในสวรรค์ที่ยังไม่ถึงนิพพาน
ตอนต่อไปผมจะเจาะลึกถึงเทพเจ้าแห่งดาวพฤหัส ซึ่งสุกสว่างเป็นอันดับ 2 รองจากดวงอาทิตย์ และค่อยเจาะลึกดาวอื่นๆบ้าง วันนี้พอแค่นี้ก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญขึ้น วิทยาศาสตร์ก็ใช้การสังเกตการณ์จากสิ่งที่ตนรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ จิตที่เป็นสมอง ทำให้พวกเขาตีความไปอีกอย่าง ซึ่งแตกต่างจากการตีความด้วยจิตภายในของตน ที่ไม่ใช่สมอง นักวิทยาศาสตร์จะเชื่อในสิ่งที่ตนเองรับรู้โดยเครื่องมือต่างๆของมนุษย์ โดยเฉพาะสมองเท่านั้น
ตัวผมPhonsakก็หลงเชื่อวิทยาศาสตร์มา 30 กว่าปี ตอนหลังผมทำสมถะและวิปัสสนาได้ดีและลึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงรู้ความจริงว่า วิทยาศาสตร์ของมนุษย์เป็นวิทยาศาสตร์ที่ยังอยู่ในวัยปฐมเท่านั้น วิทยาศาสตร์ในระดับสูงสุด ผู้จะเข้าถึงได้ความรู้ระดับสูงสุดนี้ได้ ต้องเป็นพระโพธิสัตว์อนาคามี-พระโพธิสัตว์อรหันต์ขึ้นไป ที่ใช้การทำสมาธิ(สมถะ) ควบคู่กับวิปัสสนาเท่านั้น ฟ้าจึงจะเปิดทางให้รู้ความจริงทุกอย่างได้ ตามแต่ระดับความเป็นโพธิสัตว์ของท่านผู้นั้น
ผมซึ่งบรรลุธรรมระดับพระโพธิสัตว์อนาคามีชั้นสูงมาก ใกล้เคียงพระเวสสันดรตอนที่บรรลุธรรมแล้ว ต่างกันตรงที่ผมก็เป็นผู้ที่ชอบเปิดเผยความลับของฟ้า แบบไม่มีการกริ่งเกรงกฎของเหล่าพุทธะ(พระเจ้า)ซะด้วย ผมจะโดนลงโทษจากการผิดกฎสวรรค์อย่างไร เหล่าพุทธะ(พระเจ้า)ก็เชิญลงโทษไป แต่เมื่อจิตของผมไม่เอาเรื่องราวทางโลกภายนอก เข้ามาสู่จิตแท้ภายในของผมแล้ว ความทุกข์ก็หามีกับผมไม่ เรื่องราวที่ผมเปิดเผย แม้ในวันนี้อาจจะไม่มีใครเชื่อและไม่มีคนเข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ในวันข้างหน้าข้อมูลของผม จะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมาก
วันนี้ผมขอเปิดเผยความลับของฟ้าเกี่ยวกับดวงดาวที่เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตของเราก่อน คือ ความลับของดวงอาทิตย์
ความลับของดวงอาทิตย์
ในระบบสุริยจักรวาลของเรา มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ต่างๆคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต คุณรู้ไหมว่า ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานและเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายบนโลก มีวิญญาณเทพเจ้าสูงสุดประทับอยู่
- หนึ่งในเทพเจ้าสูงสุดที่ประจำในดวงอาทิตย์ คือ กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ฤๅษีและผู้มีฌานต่างๆของอินเดียก่อนพุทธกาล ได้ซ่อนความจริงสูงสุดเรื่องนี้ไว้ในชื่อตระกูลหรือชื่อโคตรของพระพุทธองค์....โคตม โคตะมะ โคดม ซึ่งมีความหมายถึง แสงสว่างอันรุ่งโรจน์ดุจดวงอาทิตย์
กายมนุษย์และกายสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแต่ดำรงชีวิต ทำการทำงานทุกอย่างโดยอาศัยพลังงานแสงสว่างทางตรงและทางอ้อมจากดวงอาทิตย์ทั้งนั้น ส่วนในใจของสรรพชีวิต การจะลดทุกข์หรือจะหมดทุกข์ได้มากเท่าไร ก็ต้องอาศัยแสงสว่างภายใน ผู้ที่เห็นแสงสว่างภายในใจของตน จะมีความทุกข์น้อยกว่าคนทั่วไป แหล่งที่ให้กำเนิดแสงในใจสำหรับชาวพุทธก็คือ พระพุทธเจ้า
- ในเทพนิยายกรีก ก็ชี้ว่า ในดวงอาทิตย์ มีเทพเจ้าอยู่ ชื่อ เทพอพอลโล (Apollo) เทพแห่งแสงสว่าง หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์
- มหาเทพแห่งไอยคุปต์ หรือ มหาเทพยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ คือ เทพรา (Ra) เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)
- ในญี่ปุ่น ศาสนาชินโต ก็เชื่อว่า อมาเตระสุ เป็นเทพี หรือเป็น เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)
- ในอารยะธรรมเมโสโปเตเมีย ลุ่มแม่น้ำไทกริส ยูเฟติส (ปัจจุบัน คือ อิรัก อิหร่าน ตุรกี) 8,000 - 7.000 ปี ก่อนคริตส์ศักราช ชาวสุเมเรียน นับถือเทพเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อ “อูตู” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือ สุริยะเทพ
เหล่าเทพแห่งดวงอาทิตย์ทั้งหมด ล้วนเคยเป็นแสงสว่างภายในแห่งชีวิตให้มนุษย์ในกาลสมัยที่แตกต่างกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราก็เป็นแสงสว่างภายในให้ชาวพุทธ พระพุทธองค์ท่านก็เป็นเทพเจ้าประจำดวงอาทิตย์ ด้วยเช่นกัน แต่ท่านจะประจำอยู่แค่ 5,000 ปี เพราะว่าหลังสิ้นสุดยุคพุทธกาลแล้ว เป็นยุคของพระศรีอริยเมตตรัยพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าของเราก็จะหมดหน้าที่ในการเป็นแสงสว่างแห่งชีวิตนำชาวพุทธและคนทั่วโลก รู้ทางเข้านิพพาน(สวรรค์นิรันดร)
สรุป
ดวงอาทิตย์ มีเหล่าเทพเจ้าที่เป็นแสงสว่างแห่งชีวิตสิงสถิตอยู่ต่างกันไปในแต่ละยุคแต่ละสมัยของแต่ละชนชาติ เช่น เทพอพอลโล (Apollo)เป็นเทพกรีก เทพรา (Ra) เป็นมหาเทพแห่งไอยคุปต์(อียิปต์) อมาเตระสุ เทพี ซึ่งเป็น เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์(สุริยเทพ)ในศาสนาชินโตของญี่ปุ่น ลงมาจนถึง กายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ซึ่งเป็นองค์เดียวที่ชี้ทางปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพาน(สวรรค์นิรันดร)ได้ ในขณะที่ศาสนาอื่นๆทั้งหมด เพียงแต่ชี้ทางไปอยู่ในสวรรค์ที่ยังไม่ถึงนิพพาน
ตอนต่อไปผมจะเจาะลึกถึงเทพเจ้าแห่งดาวพฤหัส ซึ่งสุกสว่างเป็นอันดับ 2 รองจากดวงอาทิตย์ และค่อยเจาะลึกดาวอื่นๆบ้าง วันนี้พอแค่นี้ก่อน
แปลกน่ะ ความคิดนี้ตรงกับคำสอนของท่านพ่อวัดปากน้ำที่ท่านเจ้าคุณวีระ คุตธัมโม อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาวัดปากน้ำ ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว ท่านบันทึกความจำไว้ว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเคยบอกว่า ดาวหางทำฤทธิเดชผ่านมาแล้วมีเรื่องร้ายเพราะมารเขาทำวิชาให้ส่งผลร้ายกับมนุษย์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ท่านผู้สำเร็จเคยพูดถึงการทำวิชากับดวงดาวไว้
ตอบลบ