A A

15 สิงหาคม 2558

เข้าใจเรื่องกายมนุษย์อย่างลึกซึ้งกันดีกว่า

เรียนคุณ Phonsak

อ้างอิงจาก พลศักดิ์ ถาม เจ้าแม่กวนอิม ตอบ ชุดที่ 13

เจ้าแม่กวนอิม:   เธอมีเจ้ากรรมนายเวรอยู่ในจิตของเธอด้วย  ไม่งั้นกฎแห่งกรรมมันไม่ทำงาน  เจ้ากรรมนายเวรเป็นผู้นำพาชีวิตของเธอไปพบเจอเรื่องราวที่ดี และร้ายในชีวิต  เธอจะพูดว่า เธอมีอยู่ 2 คนก็ได้  เรานึกว่าเธอรู้แล้ว

เจ้าแม่กวนอิม:   กายอนาคตของเธอสร้างขึ้นมาแล้วตลอด  กายนั้น คือ กายทิพย์  หรือ กายฝันของเธอ  ตัวนี้จะไปสร้างกายมนุษย์ของเธออีกทีในอนาคต   แต่กายทิพย์ก็มีสิทธิคุมกายปัจจุบันด้วย  เธอไม่เคยรู้สึกหรือว่า  บางทีเธอไม่ต้องการอย่างนั้น แล้วทำไมเธอจึงไปทำอย่างนั้น  นั่นเป็นเพราะ จิตวิญญาณดวงใหม่ของเธอหรือกายฝันของเธอ  ร่วมคุมกาย(เนื้อ)ปัจจุบันของเธอด้วย  ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรของเธอคุมอยู่ฝ่ายเดียว

จากข้อมูลนี้แสดงว่า (1)กายทิพย์หรือกายฝันและจุติจิต+(2)จิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ร่วมควบคุม(3)กายเนื้อของมนุษย์

เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น ผมขอเรียกว่า
(1)กายทิพย์หรือกายฝันและจุติจิต ว่า จิตวิญญาณหลัก
(2)จิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ว่า จิตวิญญาณรอง
(3)กายเนื้อของมนุษย์ ว่า กายสังขาร

คำถามของคุณส. 3 ข้อ ที่ถามตามมา  ผมขอไม่ตอบตอนนี้นะครับ  ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด คือ ปูพื้นฐานความเข้าใจเรื่องกายของมนุษย์ใหม่ดีกว่า

ตอบ   เรื่องธรรมะเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก  คุณส.ควรลืม สิ่งที่คุณเคยได้ยินคำสอนต่างๆมา  ทิ้งมันออกไปให้หมดเลย  เพราะผู้ที่เคยสอนคุณมา  ผมมั่นใจว่า ไม่มีใครเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งเรื่องกายมนุษย์แม้แต่คนเดียว  ผมขออธิบายดังนี้

(1)  กายทิพย์หรือกายฝันและจุติจิต ว่า จิตวิญญาณหลัก

สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า วิญญาณธาตุ หรือ อาทิสมานกาย” = พลังงาน หรือคลื่นสมอง ที่อยู่ถาวรของมัน คือ มันอยู่ในปรโลก หรือ โลกทิพย์ เช่น สวรรค์ นรก  ตอนที่เรายังไม่ตาย  พลังงาน หรือคลื่นสมอง ตัวนี้จะเป็นกายทิพย์หรือกายฝันของเรา

เมื่อเราตายจริงๆ  พลังงาน หรือคลื่นสมอง ตัวนี้ จึงจะเปลี่ยนไปเป็น วิญญาณธาตุ(ในอนาคต) หรือ อาทิสมานกาย(ในอนาคต)  และก็เปลี่ยนที่อยู่ไปอยู่ในปรโลก หรือ โลกทิพย์ 

ย้ำอีกครั้งเพื่อความเข้าใจ

- ถ้าเรายังไม่ม่องเท่งจริง  ผมเรียกพลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ ตัวนี้ว่า  กายทิพย์ปัจจุบัน หรือกายฝันปัจจุบัน หรือ วิญญาณธาตุในปัจจุบัน  ตัวนี้เป็นตัวสำคัญที่สุดในการตัดสินใจกระทำดีกระทำชั่วในชีวิตของเรา
- ถ้าเราม่องเท่งไปแล้ว ผมเรียกพลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ ตัวนี้ว่า วิญญาณธาตุในอนาคต    พระพุทธเจ้าเรียกพลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ ตัวนี้ว่า  นามกายหรืออาทิสมานกาย 

(2) จิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ว่า จิตวิญญาณรอง”  =  สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร
(3) กายเนื้อของมนุษย์ ว่า กายสังขาร”  =  สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า ขันธ์ 5  เป็นแค่ตัวรับผลบุญผลกรรมเท่านั้น

กายสังขาร(ขันธ์ 5)จะต้องมีจิตวิญญาณ (1)+(2)ครองอยู่   หมายความว่า  มนุษย์ ต้องมีร่างกาย = ขันธ์ 5(เป็นตัวรับผลบุญผลกรรมในอดีต) + มีจิตใต้สำนึก(กายฝันปัจจุบัน) อยู่ด้วยกัน จิตใต้สำนึก(กายฝันปัจจุบัน) เป็นผู้ก่อบุญกรรมในชาติปัจจุบัน

- แต่ถ้ากายสังขาร(ขันธ์ 5)ไม่มีจิตวิญญาณ (1)+(2)ครองอยู่  เรียกว่า พระเจ้า หรือ พระอรหันต์ หรือ ธรรมกาย + กายทิพย์สัมโภคกาย  ผมจะอธิบายต่อมาในคราวต่อๆไป

สรุป 

1.     ผู้ที่คุมตัวเราอยู่ หรือเป็นตัวเรา จะมี 2 ส่วน  คือ  

1. กายเนื้อ หรือ ขันธ์ 5(เป็นตัวรับผลบุญผลกรรมในอดีต) + วิญญาณธาตุในปัจจุบัน(กายฝัน) เป็นตัวก่อบุญกรรมในชาตินี้  
2. เจ้ากรรมนายเวร   

2.     เราตายหมายถึง ขันธ์ 5 ตาย  และวิญญาณธาตุในปัจจุบัน(กายฝัน) เปลี่ยนเรียกชื่อใหม่เป็นวิญญาณธาตุในอนาคต  และเปลี่ยนสถานที่อยู่ชั่วคราวจากร่างกายเนื้อ
(ขันธ์ 5) ของเรา  ไปอยู่ในที่อยู่ถาวรคือ ปรโลก หรือโลกทิพย์ หรือ สวรรค์ นรก และพรหมโลก

คำถามท้ายบท

ถาม    กรุณาแยกอธิบายความหมายของ กายทิพย์หรือกายฝัน และจุติจิต

ตอบ    เพราะว่า คุณส.ไปใช้ศัพท์ทางพุทธศาสนา  ซึ่งผมบอกไปแล้วว่า  สิ่งที่คุณเคยได้ยินคำสอนต่างๆมา  ทิ้งมันออกไปให้หมดเลย  เพราะผู้ที่เคยสอนคุณมา  ผมมั่นใจว่า ไม่มีใครเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งเรื่องกายมนุษย์แม้แต่คนเดียว 

ผมอธิบายเรื่องกายทิพย์หรือกายฝันไปแล้วว่า  กายทิพย์หรือกายฝันเป็น พลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ    กายทิพย์ปัจจุบัน หรือกายฝันปัจจุบัน หรือ วิญญาณธาตุในปัจจุบัน  ตัวนี้เป็นตัวสำคัญที่สุดในการตัดสินใจกระทำดีกระทำชั่วในชีวิตของเรา
 
พอเราม่องเท่งไปแล้ว พลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ ตัวนี้เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ว่า วิญญาณธาตุในอนาคต  เท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าเรียกพลังงาน หรือคลื่นสมอง หรือ วิญญาณธาตุ ตัวนี้ว่า  นามกายหรืออาทิสมานกาย 

คราวนี้พอคุณส.ไปใช้ศัพท์แสงที่คนเขียนก็ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดๆ  คนอ่านก็เลยพลอยเข้าใจผิดๆไปด้วย  เช่น  ใช้คำว่า จุติจิต  คำอธิบายจุติจิตที่ดีที่สุด คือ

จุติจิต หมายถึง จิตที่เคลื่อนย้ายจากภพหนึ่งไปสู่ภพหนึ่ง เมื่อสิ้นรูปนามเดิม (รูปนามเดิมดับไป) อนึ่ง จิตนั้นยังดำรงอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้เกิดหรือดับไปด้วย สิ่งที่เกิดดับไปนั้น เป็นเพียง "ขันธ์ห้า"

แต่เขียนแบบนี้ก็ยังทำให้เคลือบแคลงอยู่ดี  ผมจึงต้องอธิบายเองอีกว่า  จุติจิต คือ จิตคิดปรุงแต่งที่ไม่มีวันตาย  ไอ้ตัวที่ตายคือ  รูปนาม หรือ กายเนื้อ หรือ "ขันธ์ห้า" ของเรา  ด้วยเหตุนี้ จุติจิต จึงเป็นพลังงาน  เรียกว่า วิญญาณธาตุ หรือ นามกาย หรือ อาทิสมานกาย 

ทุกสรรพสิ่งอยู่ภายใต้ กฎของพลังงานและสสาร  ที่กล่าวว่า  พลังงาน ไม่มีวันสูญหาย แต่เปลี่ยนสภาพได้  โดยเปลี่ยนเป็นสสาร  พูดง่ายๆ  สิ่งที่ไม่มีวันสูญหายหรือตายจริงๆ คือ พลังงาน  พลังงานเท่านั้นที่จะไม่สูญหาย เพราะพลังงานเกิดขึ้นจากสสารที่หายไป  ด้วยเหตุนี้ พลังงาน และ สสาร  เพียงแต่เปลี่ยนกลับไปกลับมาเท่านั้น  วันนี้เป็นคน(สสาร) พรุ่งนี้กลายเป็นผี(พลังงาน)  มะรืนผี(พลังงาน)  ก็มาเกิดใหม่เป็นคน(สสาร)  ไปอย่างนี้เรื่อยๆเป็นสังสารวัฏ  จนกว่าจะเข้านิพพาน 

พอเข้านิพพาน ก็กลายเป็นพลังงานและสสารรูปแบบใหม่ เรียกว่า พุทธะ หรือ พระเจ้า(ธรรมกาย และพระวิญญาณบริสุทธิ์(สัมโภคกาย) หรือกายทิพย์อมตะ) ที่ไม่เคยตาย  ไม่เคยมีทุกข์  ในขณะที่ตอนที่เป็นคนและเป็นผี  ทั้ง คน(สสาร)และผี(พลังงาน)  เป็นสิ่งที่ไม่เป็นอมตะ และมีแต่ความทุกข์มากหรือทุกข์น้อย 

แท้จริง มนุษย์ก็คือพุทธะ  แตกต่างกันที่ ตอนมึงเป็นมนุษย์ มึงต้องเกิด มึงต้องตาย มึงต้องเสื่อมสลายไป = เกิดแก่เจ็บตาย  พอมึงเป็นพระเจ้าหรือพุทธะ  มึงไม่ต้องเกิด มึงไม่ต้องตาย มึงไม่ต้องเสื่อมสลายไป = ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย   

สรุปด้วยคำพูดของพระพุทธเจ้า

วิญญาณ(พลังงาน)นี้ ย่อมเวียนกลับจากนามรูป(สสาร) ย่อมไม่เลยไปอื่น  ถ้าอธิบายอย่างนี้มันก็ไม่สมบูรณ์  ผมจึงต้องหาพุทธพจน์ที่สมบูรณ์บทอื่น มาอธิบายให้ชัดๆ  จัดให้เต็มๆไปเลย 
เพราะมี วิญญาณ(พลังงาน) เป็นปัจจัย จึงมีนามรูป(สสาร)  เพราะมี นามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ดังนี้.  วิญญาณนี้ ย่อมเวียนกลับจากนามรูป : ย่อมไม่เลยไปอื่น = พลังงาน ไม่มีวันสูญหาย แต่เปลี่ยนสภาพได้  โดยเปลี่ยนเป็นสสาร 

 วิญญาณธาตุ(ตัวเก่า) สร้างวิญญาณขันธ์ในนามรูป  เราตายคือขันธ์ 5 รวมวิญญาณขันธ์ ด้วยตาย

ก่อนตาย ขันธ์ 5 รวมวิญญาณขันธ์ของเรา  แม่งดันเสือกไปสร้างวิญญาณ(ธาตุ)ตัวใหม่ออกมาอีก ทำให้ต้องเล่นเกมวนเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด

ตอน นี้พอเข้าใจหรือยัง  พวกเราเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างการเป็นคนและเป็นผี คนตายก็กลายเป็นผี พอเป็นผีแล้ว ผีเสือกตายก็กลายเป็นคน กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ยังไง

พูดภาษาวิชาการหน่อยก็คือ  พวกเราเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างการเป็นคน(นามรูป) พอคนตายแล้วก็เป็นผี(นามกาย)  พอผี(นามกาย)ตายแล้วก็เป็นคน(นามรูป)  หรือจะพูดว่า เราเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างการเป็นวิญาณธาตุและขันธ์ 5 ซึ่งมีวิญญาณขันธ์รวมอยู่ด้วย  

 พอวิญญาณขันธ์ตาย  ก็กลายเป็น วิญญาณธาตุ   (พอคนตาย ก็กลายเป็น ผี)
 พอวิญญาณธาตุตาย  ก็กลายเป็น วิญญาณขันธ์   (พอผีตาย ก็กลายเป็น คน)

พวกเราต้องเวียนว่ายตายเกิดระหว่างผีกลับคนไปเรื่อยๆ  เบื่อเมื่อไรเราก็กลับไปเป็นพระเจ้าเหมือนเดิมก็แล้วกัน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น