A A

14 เมษายน 2558

พระอรหันต์ คือ GOD หรือ 'วิสุทธิเทพ' พระพุทธเจ้าเป็น เทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพ หรือ 'เทวาดิเทพ' หรือ 'อดิเทพ'

แล้วพระพุทธเจ้า อาทิพุทธ อัลเลาะห์ ศิวะ เง็กเซียน GOD ยะโฮวาห์ องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา และ "พ่อเกิดแม่เกิด"  ความจริงเป็นองค์เดียวกันหมด  เพียงแต่แยกไปทำหน้าที่เป็นสัจธรรมสูงสุดในศาสนาต่างๆเท่านั้น

วชิราสูตร ยืนยันว่า: ธรรมธาตุ หรืออสังขตธรรม เป็นผู้สร้างสรรพสัตว์  

วชิราสูตร พุทธพจน์ และ พระสูตร ๔๑. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕

สัตว์นี้ ใครสร้าง ?
ปฏิจจสมุปบันธรรม เป็นผู้สร้างสัตว์ ตลอดจนสังขตธรรมทั้งปวง

ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน ?
ไม่มีผู้สร้าง หรือกล่าวว่า
ผู้สร้างคือ ธรรมธาตุ หรืออสังขตธรรม อันเที่ยงแท้และคงทนต่อทุกกาล และความเป็นไปตามธรรมดา

อ้างถึง

ในพระสูตรไม่มี ก๊อด เลย จ่ะ

dhammajak โพสต์

God หรือพระเจ้า
เป็นสิ่งที่ "มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง" คือ มีอยู่ตลอดอนันตกาล


อสังขตธาตุ คือ   ธาตุที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง    หมายถึง   นิพพานธาตุ 


นิพพานธาตุคืออะไร

ปัญหา นิพพานธาตุอมตธรรมคืออะไร? ทางไปสู่อมตธรรม คืออะไร ?

พุทธดำรัสตอบ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฎฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แลเรียกว่าทางที่จะให้ถึง อมตภาพ....

ภิกขุสูตร ที่ ๒ มหา. สํ. (๓๑-๓๒)
ตบ. ๑๙ : ๙-๑๐ ตท. ๑๙ : ๘
ตอ. K.S. ๕ : ๗

นิพพานธาตุ ๒ อย่าง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ มี ๒ อย่าง คือ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ กับ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

สอุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน?

ความสิ้นราคะ โทสะ โมหะ ของภิกษุนั้น เรียกว่า สอุปปานิเสสนิพพานธาตุ

อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน?


ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
มีกิจที่พึงทำอันได้ทำเสร็จแล้ว วางภาระแล้ว มีประโยชน์ของตนอันได้บรรลุแล้ว
สิ้นเครื่องผูกพันในภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ

การเสวยอารมณ์ทั้งปวงของภิกษุนั้น ดับสนิท นี้เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ


อิติวุตตก ๒๕/๒๕๘

ด้วยเหตุนี้  พระอรหันต์ทั้งหมดที่ตายไปแล้ว = อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ =
God หรือพระเจ้า


๖. สีหสูตร  ว่าด้วยอุปมาพระพุทธเจ้ากับพญาราชสีห์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พญาสีหมฤคราช มีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลาย เช่นนี้แล. [๑๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้ง ซึ่งโลก ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก
ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม เสด็จอุบัติขึ้นในโลก......

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคต มีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าโลก กับทั้งเทวโลกเช่นนี้แล


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าโลก กับเทวโลกเช่นนี้แล”...  เทพเจ้าอมตะมีหรือไม่  พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์

... พระพุทธเจ้าต่างๆ ทรงเป็นเทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพทั้งหลาย  คือ เป็นจ้าวแห่งพระวิสุทธิเทพหรือจ้าวแห่งพระอรหันต์

ศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ เรียกว่า
"เทวาติเทว" (เทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพ) หรือ อดิเทพ โดย  พระอรหันต์ที่ดับขันธ์นิพพานแล้ว ชื่อว่า "วิสุทธิเทพ"

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่า "เทวาติเทพ"  อรรถกถาจารย์ ได้อรรถกถาอธิบายไว้ว่าบท " เทวาติเทว " อรรถะนี้หมายถึง พระพุทธเจ้าเป็น เทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพ

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑ ๑. ปิฐวิมานที่1
....บาลีว่า ตสฺสเทวาติเทวสฺส สาสนํ สพฺพทสฺสิโน หมายถึง พระผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพพระองค์นั้น ทรงเห็น ทุกอย่างซึ่งคำสอน.

บรรดาวิสุทธิเทพทั้งหลายเมื่อกล่าวกันถึงบทที่ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นอติเทพ(อดิเทพ)   ก็เป็นอันกล่าวถึงความที่ ทรงเป็นเทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพนั่นเอง

-
ศาสนาอิสลามเรียกพระอดิเทพ ที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง เป็นสัพพัญญู เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  ว่า อัลเลาะห์


-
ศาสนาคริสต์เรียกพระอดิเทพที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง เป็นสัพพัญญู  เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  ว่า   พระยะโฮวา


-
เต๋าเรียกพระอดิเทพ ที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง และเป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  ว่า   เง็กเซียน


- ศาสนาฮินดูเรียกพระอดิเทพ ที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง  เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  ว่า  พระศิวะ

- ศาสนาพุทธเถรวาทเรียกพระอดิเทพ ที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง เป็นสัพพัญญู เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  ว่า  ตถาคต หรือ  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

- ศาสนาพุทธมหายานเรียกพระอดิเทพ ที่เป็นผู้สร้างทุกอย่าง ว่า อาทิพุทธ หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม

ในช่วง 49 วันหลังการตรัสรู้  พระศากยมุนีพุทธเจ้า หรือพระโคตมพุทธเจ้า ท่านได้สำแดงสัมโภคกาย เป็น องค์
พระมหาไวโรจนะพุทธเจ้า จารึกไว้ชัดเจนอยู่ใน "อวตังสกสูตร"

ในคัมภีร์พุทธศาสนาต่างๆของมหายานในเนปาล ทิเบต และชวา ชี้ว่า พระไวโรจนพุทธเจ้าเป็นอาทิพุทธะหรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม เช่นเดียวกับชาวพุทธจำนวนมากทั่วโลก ยกย่องให้ พระไวโรจนพุทธเจ้าเป็นอาทิพุทธะหรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม  

อาทิพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐม มีพระนามต่าง ๆ มากมาย ขึ้นกับแต่ละนิกาย  นิกายไอศวาริกเรียกว่า
"อิศวร"  หรือ"พระศิวะ"

วิมลเกียรตินิทเทสสูตร ปริเฉทที่ 1 พุทธเกษตร แปลโดยเสถียร โพธินันทะ.

พระศากยมนีพุทธเจ้า....สารีบุตรเอย ! โลกธาตุของตถาคตนั้นบริสุทธิ์ แต่เธอมองไม่เห็นเอง”.......

ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า

ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะ
เรานั้นได้เห็น ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ฉะนั้น.”

สรุป

ไม่ต้องสรุป  แล้วก็ไม่ต้อง"ซ.ต.พ." หรือที่ฝรั่ง เรียกว่า "Q.E.D."แล้วมั๊ง   ทุกอย่างมันกระจ่างชัดแล้วว่า  พระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งเดียวกับ
อาทิพุทธเจ้า อัลเลาะห์ ศิวะ หรือจะเรียกว่าเง็กเซียน หรือจะเรียกว่า ... พระผู้เป็นเจ้า GOD (ยะโฮวาห์)  หรือจะเรียกศัพท์สูงๆวา "องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา"  หรือเรียกศัพท์ชาวบ้านว่า "พ่อเกิดแม่เกิด" ก็ได้ทั้งนั้น  เพราะความจริงเป็นองค์เดียวกันหมด  เพียงแต่แยกไปเป็นสัจธรรมสูงสุดในทุกศาสนา


ถาม-ตอบ

อ้างถึง

สีหสูตร  ว่าด้วยอุปมาพระพุทธเจ้ากับพญาราชสีห์.....  ไม่ได้เปรียบว่า เป็นพระเจ้าเลยจ่ะ
พลศักดิ์ มั่วจ่ะ

dhammajak โพสต์

นิยามคำว่า พระเจ้า และอสังขตธาตุ  หรือนิพพาน  ผมก็ได้แสดงไปแล้ว
มารdhammajakหมดมุขเล่นแล้วมั๊ง  เลยกวนตีนแกล้งโง่เพราะจนมุม  ถ้าเอ็งมีอะไรก็ไปเฉ่งท่านพุทธทาสภิกขุเอาเองซิ

หลักฐานยืนยันว่า  
ธรรมธาตุ หรืออสังขตธรรม คือ 
"องค์พระผู้เป็นเจ้า"

พุทธทาสภิกขุ:  " โดยที่แท้แล้ว ไกวัลยธรรม ก็คือสิ่งเดียวกันกับ สิ่งที่เรียกว่า อสังขตะ หรือ นิพพาน...นั่นเอง

สิ่งที่เรียกว่า
"ไกวัลยธรรม" หมายถึง สิ่งที่มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และอยู่หลังสิ่งทั้งปวง ได้แก่ ธรรมชาติที่ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง.

ใครก็ตาม เมื่อเข้าถึงความหมาย ของศาสนาแห่งตนแล้ว ย่อมทำให้เห็น ตรงกันว่า ในโลกนี้ มีเพียงศาสนาเดียว คือ "ศาสนาแห่งไกวัลย์" ไม่ต้องมีการแบ่งแยก ตามชื่อสมมติ ที่ใช้เรียกศาสนา โดยเหตุนี้ จึงทำให้สามารถ ปิดประตู การทะเลาะวิวาท อันเนื่องมาจาก การถือศาสนาเสียได้ แล้วการแยกนิกาย ของแต่ละศาสนา ก็จะไม่เกิดขึ้น ที่ใดมีการแบ่งแยก ที่นั่นแสดงว่า มีการรู้ไม่จริง
เป็นลักษณะ แห่งการไร้เดียงสา ของผู้นับถือศาสนานั้นๆ  

มนุษย์มีสัญชาติญาณ ที่ตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ มีความสนใจ ที่จะรู้จักต้นตอ หรือ "ปฐมเหตุ" ของสิ่งทั้งปวง เมื่อพบแล้ว ก็
ให้ชื่อเรียก ไปต่างๆกัน เช่น เต๋า พระเจ้า หรือ ปรมาตมัน เป็นต้น. (๒๔)

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสเรียก ปฐมเหตุของสิ่งทั้งปวงว่า 
"ธรรมธาตุ"  ได้แก่ความจริงที่เป็น อสังขตธรรม คือสิ่งที่เหตุปัจจัย ปรุงแต่งไม่ได้

ในดินแดนปาเลสไตน์ ของพวกยิว ก่อนที่จะเกิด ศาสนาคริสเตียน ซึ่งนับได้ว่า เป็นยุคเดียวกันกับ พุทธศาสนา ก็มีคำพูด ที่เรียกสิ่งๆ หนึ่ง ซึ่งมีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง เรียกว่า
"พระเจ้า" หรือ "God-ก๊อด" ตรงกับ "กฏ" ที่หมายถึง ในพระพุทธศาสนา.  (๒๘)

(พุทธทาส ต่อ) ครั้นมาถึง สมัยศาสนาคริสเตียน เกิดหลังพระพุทธศาสนา ประมาณ ๕๐๐ ปี ก็มีการรับรองว่า God หรือพระเจ้า เป็นสิ่งที่ "มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง" คือ มีอยู่ตลอดอนันตกาล สิ่งทั้งปวงนั้น ถูกสร้างขึ้น ด้วยน้ำมือของพระเจ้าทั้งสิ้น อันมีลักษณะ ที่ตรงกันกับ สิ่งที่เรียกว่า "ไกวัลยธรรม"

0 comments:

แสดงความคิดเห็น