A A

8 มีนาคม 2558

สรุปประวัติศาสนาโลกฉบับ Phonsak เขียนเอง+ ศรัทธาในพระพุทธองค์ไม่ต้องลงอบายภูมิ

      - แค่เชื่อและศรัทธาในพระพุทธองค์ สามารถปลดเปลื้องบรรเทาทุกข์จากบาปได้ด้วย

ผม Phonsak เขียนในหัวข้อ 
10. พันธะสัญญาเรื่องเมสสิยาห์ (Messiah) หรือเมตตรัย(พระศรีอริยะเมตตรัย) ผู้ช่วยให้รอดในศาสนาคริสต์ อิสลาม และพุทธ ว่า :

พระพุทธเจ้าของเราก็เป็นพระเมสสิยาห์ (Messiah) คือ พระผู้ช่วยให้รอด เหมือนกัน  และเป็นองค์แรกและองค์เดียวที่มีคุณสมบัติเป็นสัพพัญญูด้วย  แต่เพราะพวกเราเหล่าพระเจ้ากำหนดกฎเกณฑ์ว่า  ตถาคตผู้จะเป็นสัพพัญญูได้ และเป็นผู้รู้ความจริงทั้งหมด  สามารถสอนความจริงทุกเรื่องได้ จะมีเพียงองค์เดียวในโลกใบหนึ่ง

พระพุทธเจ้าจึงมีได้เพียง 1 องค์ ในโลกธาตุเดียวกัน ไม่สามารถมีได้ถึง 2 องค์  และพระพุทธองค์ผู้เป็นตถาคตก็มาแล้ว  จึงส่งพระพุทธเจ้าที่เป็นตถาคตมาอีกคนไม่ได้ พวกเราเหล่าพระเจ้าจึงต้องหาทางออก  เพื่อช่วยให้มนุษย์เข้าไปอยู่พุทธเกษตรได้มากขึ้น โดยการส่งพระบุตรที่เป็นพระเมสสิยาห์ (Messiah) พระผู้ช่วยให้รอดลงมาแทนตถาคต ผู้ที่เชื่อและศรัทธาในพระเมสสิยาห์ (Messiah) ก็จะได้ไปอยู่ในพุทธเกษตรของเมสสิยาห์องค์นั้น ที่ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตายอีก ไปฝึกจิตให้บริสุทธิ์เพื่อเข้านิพพาน สวรรค์นิรันดร ที่นั่น

ตามพันธะสัญญาเดิมที่พระเจ้า(จิตมหาบริสุทธิ์) สัญญาไว้กับบุตรของอับบราฮัม 2 คนนั้น  สัญญาแตกต่างกัน  พระเจ้าจึงจำเป็นต้องส่งเมสสิยาห์ (Messiah)มาให้ทั้งศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม  เพราะพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก บุตรของอับราฮัมที่ชื่อ  อิสอัค(ศาสนาคริสต์) และ นบีมูฮัมหมัดสืบเชื้อสายมาจาก บุตรของอับราฮัมที่ชื่อ  อิชมาเอล(ศาสนาอิสลาม) ไม่เช่นนั้น  พันธะสัญญาเดิมของพระเจ้าจะไม่ถูกต้องสมบูรณ์ 


ธรรมจักร โต้ว่า:

1. ลำพัง พระพุทธองค์ ไม่สามารถปลดเปลื้องบรรเทาบาปกิเลสให้ใครได้
2. พระพุทธองค์ ตถาคต เป็นเพียงผู้ชี้ทาง

ผม Phonsak ตอบว่าคำว่า "พระพุทธองค์ ตถาคต เป็นเพียงผู้ชี้ทาง" = ผู้ชี้ทางบอกความจริงวิธีการให้พ้นทุกข์ถาวร  ซึ่งวิธีการก็มี- การพึ่งตัวเอง และ - การพึ่งบารมีพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง  เพื่อเข้าไปสู่พุทธเกษตร  ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีก

ส่วนข้อแรก  คุณเข้าใจถูกแค่ครึ่งเดียว ที่บอกว่า

"ลำพัง พระพุทธองค์ ไม่สามารถปลดเปลื้องบรรเทาบาปกิเลสให้ใครได้" 

1.  เพราะว่าผู้ช่วยให้รอดจริงๆคือตัวเราเอง ต้องทำเอาเอง  ปฏิบัติเอาเอง  แต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ ตัวเราเองช่วยตัวเองไม่ค่อยได้  มีน้อยมากที่สามารถปฏิบัติจิตจนเป็นอรหันต์ได้  ด้วยเหตุนี้ จึงต้องพึ่งบารมีพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง

พระโคตมะพุทธเจ้าของเรา  ตรัสสอนไปทางพุทธมหายานให้พึ่งบารมีพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เพื่อนำไปอยู่พุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าองค์นั้น เพื่อฝึกละกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลงที่นั่น

เช่น 
พึ่งพระอมิตาพุทธเจ้า เพื่อนำวิญญาณของเราไปจุติในแดนสุขาวดี  ไปฝึกวิชาที่นั่น  ค่อยๆละกิเลสจนสามารถเข้านิพพานได้ด้วยตนเอง  ก็อย่างที่บอกไปแล้ว  มนุษย์จะพึ่งตัวเองเพื่อเข้านิพพาน(สวรรค์นิรันดร)เป็นไปได้น้อยมาก  เราจึงต้องพึ่งพระพุทธเจ้า  แล้วพระอมิตาพุทธเจ้าก็วางกฎเกณฑ์การเข้าไปในพุทธเกษตรแดนสุขาวดีไว้ง่ายที่สุดแล้ว

แค่บริกรรมนามอมิตาพุทธ 3 ครั้ง แล้วพยายามสำนึกบาปใหญ่ๆที่ทำ  โดยเฉพาะสำนึกบาปก่อนตาย 5 วินาที  ที่ภาพนิมิตความชั่วใหญ่ๆจะปรากฏให้เห็น  เท่านั้นพระอมิตาพุทธ และพระโพธิสัตว์อรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง  จะมารับไปอยู่ในแดนสุขาวดี

2. ในศาสนาพุทธเถรวาท พระพุทธองค์ก็สอนให้พึ่งพระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าเอาไว้ก่อน จะไม่ตกนรก ขึ้นสวรรค์อย่างเดียว  ดังเช่นนายแคล้ว ธนิกุล  แค่อมพระสมเด็จ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าได้ทันก่อนตาย  ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว  แล้วก็ค่อยๆฝึกวิชาละกิเลสต่อไปในสวรรค์แห่งนั้น

มีพระสูตรเถรวาทมากมายรองรับว่า:  “ แค่เชื่อและศรัทธาในพระพุทธองค์ สามารถปลดเปลื้องบรรเทาทุกข์จากบาปกิเลสได้ด้วย” 
         
                " ผู้ถือเอาพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยอุดมคุณอย่างนี้นั้น ชื่อว่าพ้นจากอบาย ทั้งยังจะได้เกิดในเทวโลก"
         
                " 
ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว จักไม่เข้าสู่อบายภูมิ ครั้นละจากอัตภาพของมนุษย์แล้ว ย่อมยังกายของเทพให้บริบูรณ์"
         
                " 
ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้  ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้นย่อมไม่มี  อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ"


    อนึ่ง... เมื่อพญามาร มาร และซาตาน มีอำนาจหลอกลวงมนุษย์ได้  และพวกมันก็ทำเช่นนั้นด้วย  ทำให้มีการแตกแยกพุทธศาสนาเป็นเถรวาท และมหายาน  มนุษย์ที่นับถือพุทธเถรวาท  ส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องพุทธเกษตรแดนสุขาวดี  จึงไม่รู้เรื่องว่า  มีทางที่เราไม่ต้องมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วย  ยิ่งมนุษย์ในดินแดนอื่นๆ  เขายิ่งไม่รู้เรื่องพุทธเกษตรแดนสุขาวดีเลย

    ดังนั้นพระบิดาพุทธเจ้า หรือพระเจ้า  จึงต้องส่งพระเมสสิยาห์ (Messiah) พระผู้ช่วยให้รอดลงมา 2 องค์ คือ
            - พระเยซู สืบเชื้อสายมาจาก บุตรของอับนราฮัมที่ชื่อ  อิสอัค(ศาสนาคริสต์) และ
            - นบีมูฮัมหมัด สืบเชื้อสายมาจาก บุตรของอับนราฮัมที่ชื่อ  อิชมาเอล(ศาสนาอิสลาม)

ไม่เช่นนั้น  พันธะสัญญาเดิมของพระเจ้า (Old Testament) ก็จะไม่สมบูรณ์
         
 สรุป
         
คำถามโต้ของคุณธรรมจักร และ คำตอบของผม ถือว่าเป็นการสรุปประวัติศาสนาโลกที่ถูกต้อง ฉบับ Phonsak เขียนเอง ได้ดีที่สุด

ประวัติศาสนาโลก  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของพระเจ้า  และการเข้าถึงแดนที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด คือ  พุทธเกษตรของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามนั่นเอง 


สรุปได้อีกนัยหนึ่ง  ประวัติศาสนาโลกที่ถูกต้อง คือ  ประวัติการหาและค้นพบ อัตตาที่เป็นอัตตาแท้ เป็นอมตะ ไม่มีทุกข์  ดึงอัตตาแท้ตัวนี้ ออกมาเป็นที่พึ่งแก่ อัตตานุทิฎฐิ หรือ อัตตาอุปาทาน ที่เป็นความยึดถือบ้าๆบอๆของเรา   

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "อัตตา หิ อัตตโน นาโถ" = อัตตาแท้ เป็นที่พึ่งให้กับ อัตตาอุปาทาน  

 "อัตตา หิ อัตตโน นาโถ" ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน คือ ให้ปฏิบัติจนได้ตนที่เป็นอรหันต์ จึงจะบรรลุถึงอัตตาแท้ที่เป็นอมตะ ไม่มีทุกข์

ในการสร้างอัตตาที่พึ่งแก่ตนตามหลักพระพุทธศาสนานั้น  จะต้องปฏิบัติให้ถึง พระธรรมคือ ถึงอัตตาที่เป็นที่พึ่งแก่ตน(อัตตา)อุปาทาน

แต่เมื่อมารไม่ยอมให้เราพบและบรรลุธรรมเข้าถึงอัตตาแท้  พระพุทธเจ้าจึงสอนทางให้พึ่งพระพุทธเจ้าต่างๆ  พระอมิตาเป็นที่พึ่งที่ดีและเข้าถึงได้ง่ายที่สุด  แต่เมื่อพญามารไม่ให้ชาวพุทธเถรวาทเขาถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า  ฟ้าจึงต้องส่งพระเยซูและนบีโมฮัมหมัดมาเป็นเมสไซอาร์ เป็นผู้ช่วยให้รอด  นำมนุษย์ที่ไม่รู้ทางพึ่งพระอมิตา  ไปพึ่งเมสไซอาร์ เป็นผู้ช่วยให้รอดแทน

0 comments:

แสดงความคิดเห็น