A A

8 มีนาคม 2558

พระอรหันต์สามารถเคลื่อนน้ำอสุจิได้หรือไม่?

หลายสัปดาห์ก่อน  ผมไปอ่านข้อสงสัยเรื่องการทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ตามพระวินัยที่พระปริยัติตีความ  ผมอ่านแล้วจับใจความได้ว่า

1. หากไม่เจตนาทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน - ไม่ต้อง "อาบัติสังฆาทิเสส" ก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้า ปาริวาส
2. หากทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนโดยเจตนา - ต้อง "อาบัติสังฆาทิเสส" อันนี้โดนปาริวาสเต็ม ๆ
3. หากเจตนาทำให้น้ำอสุจิ แต่ทำให้เคลื่อนไม่สำเร็จ - ต้อง "อาบัติถุลลัจจัย" อันนี้แสดงอาบัติก็พ้น
4. หากเกิดจากการฝัน - ไม่ต้องอาบัติทุกข้อ


ไปแล้ว....พุทธศาสนาของพวกปริยัติเรา  สัทธรรมปฎิรูปชัดๆ  ของปลอมแท้ๆ  เข้าใจผิดหมดเลย  พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน  ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ" และ เจตนาคือกรรม(เจตนาของใจ)  กายและใจเป็นเครื่องมือประกอบเท่านั้น

เมื่อมนุษย์เป็นสัตว์ก็ต้องเสพกาม หรือต้องช่วยตัวเอง  ถึงไม่ช่วยตัวเอง  กลไกของร่างกายก็จะขับน้ำอสุจิออกมาเมื่อถึงเวลาอันควร  ที่เรียกวา "ฝันเปียก"  

แต่ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม  นั่นเป็นเรื่องของธรรมชาติของร่างกายที่เป็นสัตว์  แต่เรื่องของใจ  เป็นเรื่องของจิต  จิตคิดปรุงแต่งเป็นกามราคะหรือเปล่า?  ถ้าจิตของเขาไม่ได้นึกคิดเป็นกามราคะ ก็ไม่ผิดทั้งนั้น  ด้วยเหตุนี้ ต้องถือว่าเขาผู้นั้นเป็นผู้ชนะกามราคะแล้ว  กามราคะเป็นกิเลสตัณหาที่ชนะได้ยากที่สุด  ผู้ชนะกามราคะได้ = ผู้นั้นเป็นอรหันต์แล้ว

แม้แต่ในตอนที่มีเพศสัมพันธ์  ถ้าจิตของเราไม่นึกคิดปรุงแต่งเป็นกามราคะเลย  ปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์ในตัวเองที่ต้องผสมพันธ์  เขาก็เป็นพระอรหันต์ ผู้ชนะกามราคะอยู่ดี  
"กายขย่ม  แต่ใจไม่ขย่ม เพราะไม่มีราคะ"

พระอิศวร พระศิวะ เป็นผู้เอาชนะกามเทพ หรือเป็นผู้เอาชนะกามราคะ  ลูกสาวพญามาร ที่ออกมาก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ก็เป็นกิเลสตัณหา(ตัวกามราคะสูงสุด)เช่นกัน  พระพุทธเจ้าของเราสามารถเอาชนะลูกสาวพญามารได้  จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้

ด้วยเหตุนี้  การทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนโดยเจตนาของกาย หรือไม่เจตนาของกาย
(ฝันเปียก) เป็นเรื่องกลไกการทำงานของร่างกายเท่านั้น  ไม่มีอันใดที่เกี่ยวกับจิตของพระอรหันต์  ที่ไม่คิดปรุงแต่งเลย  ถ้าในฝัน..จิตใต้สำนึกของท่านไปคิดปรุงแต่งทางราคะแล้ว  ท่านก็ไม่ใช่พระอรหันต์

พระอิศวร พระศิวะก็เช่นกัน  หลายตำราบอกว่ามีเซ็กซ์กับพระอุมา  เขียนบรรยายเสียมันส์หยดย้อยเลย  ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  พระศิวะและพระแม่อุมาก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะกามราคะ  หรือ ไม่ได้เอาชนะกามเทพ แต่อย่างใดเลย

ผมได้ลองสอบถามเทพเจ้าที่เป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง  ท่านบอกว่าพระศิวะและพระแม่อุมาไม่ได้มีการเสพสมกันแบบที่มนุษย์เขียน  พวกท่านแค่มีจิตสัมพันธ์กันแบบใจถึงใจเท่านั้น  พระศิวะและพระอุมา มีลูก 2 คน ชื่อ พระพิฆเนศ และขันธกุมาร  ก็เป็นเพราะจิตทิพย์ของพวกท่านเนรมิตออกมา  ไม่ใช่ไปจำจี้กันจนท้องแต่อย่างใด

ก็อย่างที่บอกน่ะแหละ  ผมเป็นพวกที่สอดรู้สอดเห็นที่สุด  ชอบถามแบบไม่เกรงใจ  วันหนึ่งผมมีโอกาสถามเทพเจ้าที่เป็นพระเจ้าอีกองค์หนึ่งเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์มีเซ็กซ์กับ แมรี่ แม็กดาลีน และมีโอรสกับนางจริงหรือ?

เทพเจ้าที่เป็นพระเจ้าองค์นั้นตอบว่า  
"พระเยซูคริสต์มีจิตสัมพันธ์กันแบบใจถึงใจกับแมรี่ แม็กดาลีนจริง  พระเยซูจึงขอพระบิดาให้ประทานลูกที่ไม่ได้เกิดแบบมนุษย์ให้แมรี่  เป็นลูกที่เกิดมาแบบพระองค์ที่เกิดมาจากพระนางแมรี่ ซึ่งเป็นพรหมจารี ซึ่งเป็นแม่ของพระองค์  ไม่ได้เกิดจากอสุจิไปผสมรังไข่  ลูกหลานของพระเยซูกับแมรี่ แม็กดาลีน ก็อยู่สืบทอดกับมนุษย์ปกติมาถึงปัจจุบัน"

0 comments:

แสดงความคิดเห็น