A A

21 มีนาคม 2558

รวมเรื่องการสำนึกบาปในพุทธ คริสต์ อิสลาม เพื่อไม่ให้ตกนรก ตอนแรก

มีใครไม่เคยก่อกรรมทำชั่วในโลกนี้ มีใครบ้าง ได้โปรดแสดงตัวออกมา"

เมื่อเราเป็นมนุษย์  เราย่อมต้องเคยทำผิดหรือทำบาปอะไรมาบ้างล่ะ..ไม่มากก็น้อย  ด้วยเหตุนี้  ศาสนาทุกศาสนาจึงมีการสารภาพบาป หรือสำนึกบาปอย่างจริงใจ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก ทั้งนั้น   การสารภาพบาปไม่ใช่เพื่อล้างบาป  แล้วไม่ต้องรับผลกรรมนะครับ  การล้างบาปแบบนั้นไม่มี  เป็นการเขียนบิดเบือนคำสอนของศาสดาของศาสนานั้นกันเอาเองในภายหลัง  ศาสดาเขาสอนมาดี  แต่หลังๆ  มีการเพิ่มเติมกัน  ทำให้ผิดเพี้ยนจากความจริงไปเยอะ

จริงอยู่ บาป ล้างกันไม่ได้  แต่...สำนึกบาปและสารภาพ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก สิ่งนี้ทำได้  เมื่อเราสำนึก สารภาพ  และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำผิดบาปเช่นนั้นอีก  วิบากกรรมหรือผลกรรมของบาปที่จะนำเราไปสู่นรกย่อมไม่มี  แต่ วิบากกรรมหรือผลกรรมทางโลกยังต้องมีอยู่ตามกฎแห่งกรรม เพียงแต่ผลกรรมบนโลกนั้นจะเบาบางลงเท่านั้น  นี่แหละคือคำตอบของการแก้กรรมหนีนรกในทุกศาสนา


ตัวอย่าง

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ในวัยเด็กท่านเคยฆ่าไก่ตายเป็นจำนวนมากด้วยการหักคอไก่ ต่อมาหลังจากท่านมาบวชเป็นพระแล้ว ท่านก็สำนึกในบาปกรรมที่เคยได้ทำในวัยเด็ก

ที่สำคัญ ท่านก็รู้ในจิตของท่านจากการปฏิบัติกรรมฐานด้วยว่า เหล่าวิญญาณไก่ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านตามมาทวงหนี้กรรมแล้ว และท่านก็ต้องรับผลกรรมนั้น โดยหลวงพ่อจรัญ ต้องคอหักตายในวันที่ 14 ตุลาคม 2521

และแล้ว.....เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ ท่านรถคว่ำ  คอของหลวงพ่อหัก แต่ทว่า หลวงพ่อจรัญ ท่านไม่ตายครับ อยู่ต่อมาถึงทุกวันนี้ให้เราได้กราบไหว้  เป็นผลมาจากการสำนึกบาปหรือการก้าวล่วงกรรมของท่าน ทำให้วิบากกรรมของท่านนั้นเบาบางลงนั่นเอง

ถามว่า.....แล้วหลวงพ่อจรัญต้องไปรับกรรมต่อในนรกไหมครับ?ต้องดูที่พระพุทธเจ้าบอกกับพระองคุลิมาล เมื่อพระองคุลิมาล (แม้ว่าจะสำนึกผิดแบบเด็ดขาด และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ฆ่าคนอีก)  แต่ท่านก็ยังต้องได้รับผลกรรมทางโลกอยู่บ้างแต่น้อยมาก  คือ เมื่อท่านไปบิณฑบาต ท่านได้เข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี ถูกประชาชนขว้างปาด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน และท่อนไม้ จนศีรษะแตก เลือดไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ขาดวิ่น

= ต้องรับเศษกรรมด้วย เพราะเราไปทำกับขันธ์ 5 (กาย) คนอื่น จึงต้องรับผลกรรมในขันธ์ 5(กาย)ของเราตามกฎแห่งกรรม  แต่ทว่ากรรมนั้นเบาบางลงมาก เป็นเศษกรรม

พอมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า

"กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" (รับเศษกรรมไปแล้วจากการโดนทำร้ายบนโลก จึงไม่ต้องรับกรรมใดๆอีกในปรโลก)

ในพระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ข้อ 413 พิธีอุทยคามินีของพราหมณ์

ปัญหา  นายคามณี อสิพันธกบุตรกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า นิครนถ์นาฏบุตรสอนว่า ใครก็ตามที่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม และพูดเท็จ จะต้องเข้าถึงอบายและนรกอย่างแน่นอน กรรมใดที่คนทำเป็นส่วนมากจนเป็นนิสัย จะนำเขาเข้าสู่นรก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นอย่างไร ?

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า:

"ดูก่อนนายคามณี ท่านจะเห็นความข้อนั้นเป็นอย่างไร บุรุษผู้ฆ่าสัตว์ ถือเอาของที่เขามิได้ให้ ประพฤติผิดในกาม เป็นผู้กล่าวเท็จ ในกลางคืนก็ดี ในกลางวันก็ดี รวมทั้งสมัยและมิใช่สมัยก็ดี เวลาไหนมากกว่า ? เวลาฆ่าสัตว์ หรือเวลาไม่ฆ่าสัตว์?"

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เวลาที่เขาฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จน้อยกว่า เวลาที่เขาไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดประเวณี ไม่พูดเท็จมากกว่าโดยแท้

ดูก่อนนายคามณี  เมื่อเป็นเช่นนี้จักไม่มีใครไปสู่อบาย ตกนรกตามคำของนิครนถ์นาฏบุตรที่ว่ากรรมใด ๆ มีมาก  เขาจักถูกกรรมนั้นนำไป....
(เพราะเวลาที่เราทำดีมีมากว่าเวลาที่เราทำชั่ว)

ดูก่อนนายคามณี ส่วนพระตถาคตอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงตำหนิการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม และพูดเท็จ และตรัสว่า จงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การพูดเท็จ โดยอเนกปริยายสาวกผู้เลื่อมใสในพระศาสดานั้น ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า

พระผู้มีพระภาคทรงตำหนิปาณาติบาต และตรัสว่า 
จงเว้นจากปาณาติบาต สัตว์ที่เราฆ่ามีอยู่มากมาย ข้อนั้นไม่ดีไม่งาม เราพึงเดือดร้อนเพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย บาปกรรมนั้นจักเป็นอันยกเลิกไม่ได้ เขาพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละปาณาติบาตนั้นด้วย ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาตต่อไปด้วย เป็นอันว่าเขาละบาปกรรมก้าวล่วงบาปกรรมได้ด้วยประการอย่างนี้

สรุป

นายคามณีเข้าใจผิดว่า การผิดศีล 5 ต้องเข้าถึงอบายภูมิและนรก อย่างแน่นอน  หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่พระพุทธเจ้ากลับตอบว่า  คนที่ผิดศีล 5 ไปแล้ว  ถ้าเขาทำการก้าวล่วงกรรม หรือการสำนึกบาปโดยเด็ดขาดแล้ว จะทำให้เขาไม่ต้องลงอบายภูมิและนรก จะรับเพียงเศษกรรมเก่าเท่านั้น

ในสุตตันต มัชฌิชนิกาย สัจจวิภังคสูตร 22/542-546 พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า:

" กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด " 

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า: (บันทึกอยู่ในอสังขาสูตร)

"เขายังไม่ละวาจานั้น ยังไม่ละความคิดนั้น ยังไม่สละความเห็นนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรก เหมือนถูกนำมาขังไว้ ฉะนั้น" 

ให้ละวาจานั้น ให้ละความคิดนั้น ให้ละความเห็นนั้น คือ  ให้ละสิ่งนี้ออกจากจิตไปเลย 
"เราต้องไปอบาย ต้องตกนรก"  เพราะเราได้ทำการสำนึกผิด สารภาพบาป และตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า  เราจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก  เราจึงตกนรกไม่ได้

การสำนึกบาปในศาสนาพุทธ  ผมได้เรียนชี้แจงไปแล้ว สรุปอีกครั้งหนึ่งคือพระพุทธเจ้าตรัสสอนวิธีไม่ต้องไปอบาย ไม่ต้องตกนรก  เพราะการตกอบาย ตกนรก เป็นเพราะผู้ทำบาป  ไม่ยอมสำนึกบาป  ไม่ยอมละเลิกการกระทำบาปนั้นจากความคิด ความเห็นของตน คือไม่ยอมรับการประพฤติตามศีล 5 เมื่อมีชีวิตอยู่บนโลกนั่นเอง

ถ้าผู้ที่เคยทำบาป  ยอมสำนึกบาป  ยอมละเลิกการกระทำบาปนั้นอย่างเด็ดขาด  เอาความคิดชั่วนั้นออกจากความคิด ออกจากความเห็นของตน คือยอมรับการประพฤติตามศีล 5 เมื่อมีชีวิตอยู่บนโลก  บาปกรรมที่จะนำไปสู่อบายภูมิย่อมไม่มี ส่วนบาปกรรมที่ยังส่งผลร้ายกับชีวิตตอนที่เป็นมนุษย์  แม้ว่ายังมีอยู่  แต่ก็จะเบาบางลงมาก  เช่น  องคุลิมาลฆ่าคนมา 999 คน  โดนแค่รุมประชาทัณฑ์นิดหน่อยเท่านั้น

จาก สุตตันต มัชฌิชนิกาย  สัจจวิภังคสูตร 22/542-546 (ผมอ่านมาจากหนังสือธรรมธาตุ ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ของคณะสังคมผาสุก เพื่อความผาสุกของสังคม หน้า 229)

ก่อนจบเรื่องการสารภาพบาปในศาสนาพุทธ  ผม:

ย้ำอีกครั้ง! พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า

กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด ” 


เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ดังนี้แล้ว ใจของเราจะก้าวออกจากกรรมนั้นได้

เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรมนั้น  ก็คือการสำนึกบาปอย่างจริงใจนั่นเอง  สิ่งนี้เป็นการขจัดมลทินแห่งอกุศลออกไปจากจิต  ทำให้กรรมดำกลายเป็นกรรมขาว  และทำให้วิบากของกรรมดำที่เราเคยทำไปแล้วในอดีต ส่งผลกรรมทางโลกกับเราเบาบางลงได้  ส่วนในอบายภูมิสลายไปเลย


การสำนึกและสารภาพบาปในศาสนาอิสลาม

การสำนึกบาปในศาสนาอิสลามเรียกว่า ชะฟาอะฮฺ(การไถ่โทษ) และเตาบะฮฺ (ขออภัยโทษ)

เรื่องที่สำคัญที่ควรรู้ของชะฟาอะฮฺ(การไถ่โทษ)

ศาสนทูตแห่งอิสลาม (ซ็อล ฯ) ได้วจนะว่า

แท้จริงชะฟาอะฮฺของฉันจำเพาะกับบรรดาผู้ที่ประกอบความผิดอุกฤษฏ์จาก ประชาชาติของฉันเท่านั้น

สาเหตุที่ชะฟาอะฮฺ(การไถ่โทษ)ถูกเจาะจงเฉพาะความผิดบาปอุกฤษฏ์เท่านั้น เนื่องจาก อัลลอฮฺได้ทรงสาธยายไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์ของพระองค์ด้วยการสัญญาว่า  ถ้าหากมนุษย์ ละทิ้งความชั่วอุกฤษฏ์แล้ว  พระองค์จะทรงอภัยโทษจากความผิดบาปเล็กน้อยของพวกเขา (อันนิสาอ์ 4 : 31) ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องขอชะฟาอะฮฺหรือปฏิบัติในสิ่งที่ คล้ายคลึงนี้อีกแต่อย่างใด

ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ การชะฟาอะฮฺ(การไถ่โทษ)จะสัมฤทธิ์ผลได้เฉพาะ  บรรดาผู้ที่มิได้ตัดความสัมพันธ์กับศาสนาและกับอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง  และบุคคลผู้นั้นจะต้องมี คุณค่าคู่ควรต่อการได้รับชะฟาอะฮฺด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแปดเปื้อนไปด้วยมลทิน ความผิดบาปบางอย่างก็ตาม แต่ด้วยบะเราะกะฮฺ (ความจำเริญ) ของชะฟาอะฮฺ  เขามีสิทธิ ที่จะได้รับความเมตตาจากพระองค์เช่นกัน หลักความเชื่อในชะฟาอะฮฺได้ถูกสาธยายในคัมภีร์ อัลกุรฺอานและสุนนะฮฺ ซึ่งเราจะนำเสนอดังต่อไปนี้

ชะฟาอะฮฺที่ปรากฏในคัมภีร์อัลกุรฺอาน

โองการจากคัมภีร์อัลกุรฺอานได้ยืนยันถึงการมีชะฟาอะฮฺ(การไถ่โทษ)ในวันกิยามะฮฺว่าขึ้นอยู่กับ การอนุมัติและความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ  ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

และบรรดาผู้ขอไถ่โทษไม่ได้ขอไถ่โทษแทนผู้ใด นอกจาก (ในสิทธิของ) ผู้ที่ พระองค์(อัลลอฮฺ)ทรงพอพระทัย (อนุมัติ)

และในอีกโองการหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสว่า

ไม่มีผู้ใดที่จะมีสิทธิขอไถ่โทษแทนได้ นอกจากจะได้รับอนุมัติจากพระองค์(อัลลอฮฺ)เท่านั้น

เรื่องที่สำคัญที่ควรรู้ของเตาบะฮ์ (ขออภัยโทษ) 

บาปโดยทั่วไปใช้การเตาบะฮ์(ขออภัยโทษ)เท่านั้น  การเปิดประตูแห่งเตาบะฮฺ (ขออภัยโทษ) สำหรับปวงบ่าวที่ได้ประกอบความผิดบาป ถือเป็นหนึ่งในสารธรรมคำสอนอิสลาม 
(ยิ่งไปกว่านั้น ยังรวมถึงทุกศาสนาที่ถูกประทาน มาจากฟากฟ้าอีกด้วย) คราใดเมื่อมนุษย์ที่ประพฤติเสื่อมเสียได้รู้สึกสำนึกผิดในความชั่วช้า น่ารังเกียจที่ตนได้ประกอบไว้ จิตวิญญาณแห่งการสำนึกผิดของเขาจะเริ่มหวนรำลึกถึง พระผู้เป็นเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด และหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังก็จะอ้อนวอนขอจากพระองค์  เขาจะยอมจำนนและสารภาพกับพระองค์จากก้นบึ้งของหัวใจว่า นับแต่นี้ต่อไป ข้าฯ จะไม่หวนกลับไปประกอบกรรมชั่วนั้นอีกแล้ว อัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาจะทรงตอบรับ การเตาบะฮ์ของเขา

การเตาบะฮ์กลับตัวกลับใจ ละเลิกสิ่งที่ถูกตำหนิ(บาป)ในศาสนาอิสลาม

ท่านอิมามอันนะวาวีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) กล่าวว่า:

การเตาบะฮ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุก ๆ ความผิด ดังนั้น  หากการฝ่าฝืนระหว่างบ่าวและอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิของมนุษย์  ย่อมมีเงื่อนไข 3 ประการ
1. ถอนตัวออกจากการฝ่าฝืนดังกล่าว
2. เสียใจต่อการกระทำดังกล่าว
3. เขาต้องมั่นใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่หวนกลับไปทำมันอีกต่อไป
ดังนั้น  ถ้าหากขาดประการหนึ่งประการใด  การเตาบะฮ์ของเขาย่อมใช้ไม่ได้ 

จะเห็นว่าหลักการของการเตาบะฮ์(ขออภัยโทษ)ในศาสนาอิสลามตรงกับหลักการก้าวล่วงบาปกรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน

กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด ” 


คือ เสียใจรู้สำนึกว่า  ที่ทำนั้นบาป  แล้วถอนตัว  มั่นใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่หวนกลับไปทำบาปนั้นอีกเด็ดขาด  ขาดในส่วนใด ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ในเงื่อนไขของการก้าวล่วงบาปกรรม

ทำไมเทวทัตและพระเจ้าอชาตศัตรูจึงต้องตกนรกอเวจี?

- เทวทัตเสียใจรู้สำนึกว่า  บาปที่ทำนั้นเป็นอนันตริยกรรม  แต่ทำขั้นสุดท้ายคือ ตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่หวนกลับไปทำบาปเช่นนั้นกับพระพุทธเจ้าอีกเด็ดขาด   ส่วนนี้ทำไม่ทัน  โดนธรณีสูบไปก่อน

- พระเจ้าอชาตศัตรู ผู้กระทำการฆ่าพ่อ(พระเจ้าพิมพิสาร)  ก็เสียใจรู้สำนึกว่า  บาปที่ทำนั้นเป็นอนันตริยกรรมเช่นกัน  แต่ทำขั้นสุดท้ายคือ  ตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่หวนกลับไปทำบาปเช่นนั้นกับพ่อ(พระเจ้าพิมพิสาร)อีกไม่ได้  เพราะพ่อตายโหงไปแล้วนั่นเอง


เทวทัตและพระเจ้าอชาตศัตรูจึงต้องตกนรกอเวจี  แต่พระเจ้าอชาตศัตรูโชคดีหน่อยที่ทำความดีสูงสุดไว้มาก  แต่ก็ไม่มีพลังอำนาจพอจะทำให้พ้นนรกอเวจีไปได้แบบสมบูรณ์  อย่างไรก็ตาม  พระเจ้าอชาตศัตรูถ้าไม่ทำปิตุฆาต  พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าจะได้พระโสดาบันในชาตินั้นไปแล้ว นอกจากนี้  พระพุทธองค์ยังทำนายว่า  ด้วยการทำความดีสูงสุดของพระเจ้าอชาตศัตรู  หลังจากพระเจ้าอชาตศัตรูไปบังเกิดในโลหกุมภีนรก  จะตกอยู่ในเบื้องต่ำ ๓ หมื่นปี ถึงพื้นเบื้องล่างแล้วผุดขึ้นเบื้องบน ๓ หมื่นปี ถึงพื้นเบื้องบนอีกจึงจักพ้นได้  ต่อมาหลังจากพ้นนรกมาเกิดแล้ว  ในอนาคต จักเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่าชีวิตวิเสส จักปรินิพพานแล


**ตอน 2 กลัวตกนรกทำอย่างไร

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอแก้ไขนะครับ หลวงพ่อจรัญท่านไม่ได้หักคอไก่นะครับ แต่ท่านหักคอนก ท่านหักคอนกไปประมาณ 100 ตัว (ตามที่ท่านเล่า) ทำให้ท่านได้รับผลกรรมไปในวันที่ 14 ต.ค. 2521 ส่วนไก่ท่านเคยฆ่าจริง แต่ฆ่าด้วยวิธีผ่าท้องเพื่อตอนไก่ให้เนื้อแน่นขึ้น แต่ท่านไม่ได้เรียนรู้วิธีตอนไก่มาก่อน ทำให้ไก่ตายไปหลายร้อยตัวเหมือนกันเพราะไส้เน่า แล้วผลกรรมที่ท่านฆ่าไก่ท่านก็ได้รับไปแล้วเหมือนกัน รับก่อนที่ท่านจะรับผลกรรมหักคอนกอีกครับ

    ตอบลบ