A A

1 มีนาคม 2558

สังสารวัฏมี 2 ฝ่าย ทางออกไปสู่สวรรค์นิรันดร หรือนิพพานอยู่ตรงกลาง

อ้างอิงพลศักดิ์

ในศาสนาคริสต์ก็พูดไว้ชัดเหมือนกัน  แต่คนส่วนใหญ่ตีความไม่ได้  ซาตานหรือพญามารก็
คือพระเจ้าองค์หนึ่ง  ที่ทำหน้าที่หลอกลวงมนุษย์  ศาสนาคริสต์บอกว่า  ซาตานเป็นเทพองค์หนึ่ง ชื่อ ลูซิเฟอร์  เทพหรือเทวดารุ่นแรกๆ  ก็ล้วนเป็นพระเจ้า(พระบุตร)ที่พระบิดากระจายอณูของท่านออกไปทั้งนั้น

DHAMMAJAKถาม:
นับว่า สวรรค์ของพระคริสต์ 
ไม่ใช่นิพพาน  เพราะผู้ที่อยู่ในสวรรค์นั้นอย่างลูซิเฟอร์ กลับไปตกนรกได้

พลศักดิ์ ตอบ

1...สวรรค์ของพระคริสต์ อยู่ชั้นที่ 8 เป็นพุทธเกษตรแบบหนึ่งที่พระบิดา(จิตมหาบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าที่คริสต์เรียกว่า พระยะโฮวา) ประทานแด่พระคริสต์  

ในศาสนาคริสต์วิญญาณที่รับศีลมหาสนิท คือ ทานปังปอนและเหล้าองุ่นจากมือสาวก เป็นการแทนกายและโลหิตของพระเยซู  วิญญาณเหล่านั้นก็จะมีสิทธิเข้าไปฝึกพัฒนาจิตตนเองให้บริสุทธิ์  จนถึงถึงชั้นไปในสวรรค์นิรันดร หรือนิพพานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์บริสุทธิ์ หรือสัมโภคกายของพระยาโฮวาได้

พระเยซูเจ้าตรัสว่า 
"ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำเขา และเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย(ออกจากพุทธเกษตรหรือสวรรค์ของพระคริสต์เพื่อเข้าแดนนิพพานของพระวิญญาณบริสุทธิ์)"

ทางไปสู่อาณาจักรสวรรค์นิรันดร หรือนิพพานนั้น  ต้องผ่านไปทางประตูที่คับและเป็นทางที่แคบ ผ่านไปได้เพียงทีละคน คนที่หาพบก็มีน้อย  ประตูนั้น...ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะมองไม่เห็น
(ประตูนั้นมันอยู่กี่งกลางระหว่างอกุศลภูมิ และ กุศลภูมิ) ผู้คนจำนวนมากยังหลงทางวนเวียนอยู่ในเขาวงกตของโลกใบนี้(สังสารวัฏ)

7:14... เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิต
(นิพพาน)นั้นก็คับและทางก็แคบ...... ผู้ที่หาพบก็มีน้อย(ประตูนั้นมันอยู่กี่งกลางระหว่างอกุศลภูมิ และ กุศลภูมิ)

7:13 จงเข้าไปทางประตูแคบ
(พุทธเกษตรของพระเยซู) .... เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้าง(สังสารวัฏ)นั้นนำไปถึงความพินาศ.... และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก..

2...ส่วนสวรรค์ของพระบิดา(สวรรค์นิรันดร หรือนิพพาน) อยู่ชั้นที่

- ศาสนาพุทธก็มีทางของเราที่ต้องดำเนินไป เพื่อให้ถึงฝั่งสวรรค์นิรันดร หรือนิพพาน  
- ศาสนาคริสต์และศาสนาอื่นๆก็มีทางเดินของเขา เพื่อให้ไปถึงที่เดียวกัน คือ ฝั่งสวรรค์นิรันดร หรือนิพพาน

การแบ่งสวรรค์หรือชั้นฟ้าในแต่ละศาสนา  และแต่ละนิกายล้วนต่างกัน  วันหลังผมจะจำแนกให้ฟัง

3...เกมการเล่นในสังสารวัฏ  มันต้องมีทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายดี (ฝ่ายขาว)  และฝ่าย(ฝ่ายดำ)  และการเข้าถึงสวรรค์นิรันดร หรือนิพพาน  มันอยู่ตรงทำจิตอยู่ตรงกลางไม่หลงไปตามกุศล(นำไปสู่สวรรค์กามภูมิ/พรหมโลก) และไม่หลงไปตามอกุศล

ลูซิเฟอร์ก็ถูกใช้เป็นหัวหน้าฝ่ายอกุศลเท่านั้นเอง  เพื่อล่อหลอกหรือลวงให้คนทำชั่ว เทพชั้นปรมินก็เป็นฝ่ายล่อหลอกหรือลวงให้คนทำดี  พระพุทธเจ้าก็เป็นฝ่ายชี้นำให้คนเข้าถึงภาวะกลาง เพื่อจะได้เข้าถึงสวรรค์นิรันดร หรือนิพพาน

ผม Phonsak ก็เป็นฝ่ายเสือก  เพราะมวลมนุษย์ชักหลงทางไปกันใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า คือ พุทธะหรือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นจิตมหาบริสุทธิ์สูงสุด มีเพียงหนึ่งเดียว  แต่จำแนกพระองค์ออกเป็นสัจธรรมสูงสุดของศาสนาต่างๆมากมาย  ผู้คนหลงผิดฆ่ากันมากมาย  เนื่องจากตีความไม่ออกว่าพระบิดาคือ จิตมหาบริสุทธิ์สูงสุด ผม Phonsak จึงต้องเข้ามาเสือกยังไงล่ะ

ทางไปสู่อาณาจักรสวรรค์นิรันดร หรือนิพพานนั้น  ต้องผ่านไปทางประตูที่คับและเป็นทางที่แคบ ผ่านไปได้เพียงทีละคน คนที่หาพบก็มีน้อย  ประตูนั้น...ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะมองไม่เห็น(ประตูนั้นมันอยู่กี่งกลางระหว่างอกุศลภูมิ และ กุศลภูมิ) ผู้คนจำนวนมากยังหลงทางวนเวียนอยู่ในเขาวงกตของโลกใบนี้(สังสารวัฏ)


อ้างถึง

dhammajak:  
แสดงว่า สวรรค์นิรันดร นิพพาน ของคุณสั้น คือ อัพยากฤตภูมิ
อันเป็นสิ่งที่คุณ สั้น สังเกตไม่ออก ครับ


มันเป็นแค่ เจตสิก ปรุงแต่งจิต ไม่ใช่ นิพพานหรอกครับ
ไม่ใช่สวรรค์อันนิรันดรหรอกครับ 


อัพยากฤตภูมินั่น เป็นของพระยะโห่ฮา ฮา ฮา ของคุณสั้นครับ  
ไม่ใช่ของพระยะโฮวาห์

แต่แท้จริงนะครับคุณสั้น  ในสังสารวัฎ นอกจากมีฝ่ายกุศลภูมิ ฝ่ายอกุศลภูมิ
แล้วก็ยังมี ฝ่ายอัพยากฤตภูมิ อีกฝ่าย เป็นฝ่ายที่สาม ครับ

นับว่า คุณสั้นพลศักดิ์ ฝ่ายเสือก เป็นฝ่ายที่สี่
คือเลือกที่จะเข้าข้างใดข้างหนึ่ง บางเวลา บางขณะ ครับ

อันนี้ คุณสั้น คงไม่สังเกตเห็นตัวเองนะครับ

ตอบ

วันนี้ต้องขอชมคุณdhammajakด้วยใจจริง   ที่ตอบว่า

มันเป็นแค่ เจตสิก ปรุงแต่งจิต ไม่ใช่ นิพพานหรอกครับ
ไม่ใช่สวรรค์อันนิรันดรหรอกครับ 


นิพพานจริงๆคือมหาสุญญตา หรือ สอง 0  สังสารวัฏคือ อนัตตา(0) หรือสุญญตาอย่างเดียว

มหายานเขาเรียกอรหันต์ที่เห็นอนัตตาว่า  “บุคคลสุญญตา”  คือ  มันหายไปเฉยๆจาก 3 ภพ  แต่มันมีอยู่เป็นธรรมกายหรือเป็นวิมุติ  ถ้าต้องการจะแสดงให้ผู้ที่อยู่ใน 3 ภพเห็น  ต้องนิรมิตกายทิพย์ออกมาอีกตัว  เรียกว่า สัมโภคกาย หรือพุทธนิมิต  ซึ่งเป็นสมมุติ  สมมุติจึงจะติดต่อผู้ที่อยู่ใน 3 ภพได้  พระยะโฮวาห์ แม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา  เวลาท่านมาปรากฏให้หลวงปู่มั่น  ท่านก็ใช้กายทิพย์สัมโภคกายนี้เอง

แต่นิพพานที่คุณกำลังพูดถึง  คือนิพพานจิตว่างเฉยๆ  ไม่มีการคิดปรุงแต่งใดๆแล้ว  เจตสิกจึงไม่มี  มหายานเรียกว่า ขั้นธรรมสุญญตา  ธรรมกายก็สูญไป  กายทิพย์สัมโภคกายก็สูญไป  เหลือแต่ตัวนิพพานจิตอยู่เฉยๆ

สรุป

นิพพานมี 3 ระดับ
1. นิพพาน..ธรรมกาย
2. นิพพาน..สัมโภคกาย หรือพุทธนิมิต  เอาไว้ใช้ติดต่องานกับพวกที่เป็นสมมติใน 31 ภพภูมิ
3. นิพพานที่มีแต่จิต = ปรินิพพาน = ธรรมสุญญตา = มหาสุญญตา หรือ 2 สอง 0

เข้าใจไหมครับมันมีภพแห่งเจตสิก คือ 1. 31 ภพภูมิใน สังสารวัฏ 2. พุทธเกษตรของผู้ไม่บรรลุ  3. แดนนิพพานหรือสวรรค์นิรันดรของผู้บรรลุอรหันต์(บุคลสุญญตา)

ภพแห่งจิตล้วนที่ว่างเปล่าเป็นนิรันดร   ตัวนี้มีแค่ตัวจิตเฉยๆ


อ้างถึง

dhammajak :
คือจริงๆแล้ว จิตคือนิพพานครับเป็นความว่างที่ไม่มีขอบเขต
คุณไม่สามารถขว้างภพ ขว้างจักรวาล ออกไปนอกอาณาเขตของจิตได้

ตอบ

ก็ใช่น่ะซิครับ

แต่ที่ไม่ใช่คือที่คุณบอกว่า  แดนนิพพานหรือสวรรค์นิรันดรของผู้บรรลุอรหันต์(บุคลสุญญตา)
ตัวนี้ เป็นอุปาทานอีกแล้วครับ

เพราะว่ามหาสุญญตาเป็นจักรวาลเดิมที่มีแต่ความว่าง  ทีนี้จิตนิพพานมันไปเลียนแบบความเป็นมนุษย์มาแล้ว  มันก็สามารถไปอยู่แบบมนุษย์ได้  แต่เป็นมนุษย์อมตะ  ด้วยเหตุที่ความเกิดแก่เจ็บตาย  มันล้วนแต่เกิดจากจิตมีเจตสิกที่มีกิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง  ถ้าจิตมีเจตสิกที่ไม่มีกิเลสตัณหา โลภโกรธ หลง มันก็เป็นอมตะเหมือนกัน  ไม่จำเป็นต้องกลับเข้าไปเป็นจิตนิพพานที่เป็นความว่างที่เรียกว่ามหาสุญญตาอีก

พุทธะหรือพระเจ้าจะไปอยู่ในแบบใด แบบมีกาย มีบ้าน มีเมือง  หรืออยู่ในความว่าง  มันก็เป็นเรื่องของท่าน

อนึ่ง  "อุปาทาน" = ความยึดมั่นถือมั่น  อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์  เพราะมีตัณหาเป็นมูลเหตุปัจจัย  แต่อุปาทานในพระนิพพาน  ไม่มีตัณหาเป็นปัจจัย  ถ้าพุทธะหรือพระเจ้าต้องการอยู่ในสภาพที่มีธรรมกายและสัมโภคกาย  ก็เป็นเรื่องของท่าน  เนื่องจาก นิพพาน = อมตะ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย และไม่มีทุกข์  ธรรมกายและกายทิพย์สัมโภคกายก็มีคุณสมบัตินี้  เช่นเดียวกับนิพพานที่เป็นจิตว่างเฉยๆเหมือนกัน


อ้างถึง

Phonsak เขียน : อนึ่ง  "อุปาทาน" = ความยึดมั่นถือมั่น  

อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์  เพราะมีตัณหาเป็นมูลเหตุปัจจัย  แต่อุปาทานในพระนิพพาน  ไม่มีตัณหาเป็นปัจจัย  ถ้าพุทธะหรือพระเจ้าต้องการอยู่ในสภาพที่มีธรรมกายและสัมโภคกาย  ก็เป็นเรื่องของท่าน


ไปปรับปรุงทฤษฎีก่อนครับ
คุณจะเอ่ยว่า อุปาทานในพระนิพพานไม่ได้ดอก
เพราะอุปาทาน เป็นเหตุให้เกิดภพ

คุณไปหาศัพท์อื่น มาดีกว่าครับ  เพราะมัน ค้านกับปฏิจจสมุปบาท

ตอบ

อุปาทานใน 31 ภพภูมิ ทำให้เกิดภพ และต้องเวียนว่ายตายเกิด
อุปาทานในจิตที่ไม่มีกิเลสตัณหา  ทำให้เกิดภพ ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด  เรี่ยกว่า เมืองพระนิพพาน หรือพุทธเกษตร  ผู้ที่อยู่ในเมืองนี้ คือธรรมกาย อยู่ในพุทธภูมิซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพุทธเกษตร  และสัมโภคกายก็อยู่อีกส่วนหนึ่งในพุทธเกษตร 


ตกลงที่kuตอบเอ็งมาทั้งหมดนี่  เป็นสิบๆเรื่อง เคยเข้าใจไหมวะ  ถ้าไม่เข้าใจ  kuก็ขี้เกียจตอบแล้วนะโว้ย  เอ็งถูกสวรรค์เล่นงานให้สงสัยไปเรื่อยๆ  แล้วkuต้องตอบมึงทุกเรื่อง  kuก็ไม่ไหว  พอตอบเรื่องนึง  มึงก็สงสัยต่ออีกเรื่อง  ไปเรื่อยๆอย่างนี้  ใครจะไปตอบไหววะ

สำคัญคือก่อนเอ็งจะถาม  เอ็งเสือกกวนตีน  มากระแนะกระแหน มาอวดเก่งกับkuผู้เป็นอาจารย์  กูยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้านะโว๊ย  จึงต้องไปทนอารมณ์เฮงซวยแบบนี้ทุกครั้ง

จำไว้dhammajak  กูจะไม่ตอบมึงอีก  ถ้าก่อนถาม  เอ็งเขียนในทำนองอวดเก่ง  ทำเป็นผู้รู้  กระแนะกระแหนปรมาจารย์อย่างku

 kuแนะนำให้มึงถ่อมตัวลงให้ต่ำที่สุดก่อนมาถาม  เริ่มต้นที่ กราบเท้าท่านอาจารย์Phonsak  ลงท้ายด้วย กระผมขอกราบขอบพระคุณมากครับ  หวานๆแบบนี้  kuค่อยมีกำลังใจตอบมึงหน่อย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น