A A

22 กุมภาพันธ์ 2558

อิทธิบาท 4 ที่ทำให้สามารถต่ออายุได้นานถึงวันสิ้นโลก

ตามหลักของวิทยาศาสตร์  มนุษย์เราตายตามธรรมชาติเพราะมีเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ เข้ามาทำลายเนื้อเยื่อ และเซลล์อวัยวะภายใน หรือทำให้ร่างกายของเราสกปรก และเสื่อมสภาพไป  ถ้ามันไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ไม่ทำลายเซลล์อวัยวะภายในของเรา  เราย่อมเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย

    มนุษย์ทั่วโลกและมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย  ต่างก็มีความพยายามหาตัวยา  ที่สามารถคงสภาพเนื้อเยื่อ และเซลล์อวัยวะภายในของเราเอาไว้  เราจะได้ไม่ตาย  แต่จนถึงวันนี้  ยังไม่มีใครพบตัวยาอายุวัฒนะแบบนั้น

    ไม่มีใครเฉลียวใจคิดเลยว่า  เชื้อโรค = พลังร้ายที่เจ้ากรรมนายเวรของเราปล่อยออกมาทำร้ายเรา  เป็นผลมาจากบาปกรรมที่เราเคยก่อไว้กับเขา

ในทางพุทธศาสนา  การต่ออายุให้ยืนยาวทำได้โดยการทำบุญเอาไว้มากๆ  และทำบุญทำทานหรือทำสมาธิแล้วแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร  เมื่อเจ้ากรรมนายเวรให้อภัย อโหสิกรรมให้เราแล้ว  เราก็มีชีวิตยืนนาน ไม่ตายเร็ว


    แต่ทว่าเจ้ากรรมนายเวรมันมีจำนวนมหาศาลเหลือเกิน  เพราะเราทุกคนเวียนว่ายตายเกิด  มาแสดงละครบนโลกใบนี้ และโลกในมิติอื่น นับจำนวนชาติไม่ได้  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  คนเราแต่ละคน เกิด-ดับ เกิด-ดับ เกิด-ดับ หากนำกระดูกมากองรวมกันจะกองได้เท่าภูเขาลูกใหญ่ที่สุดเลย

    ด้วยเหตุนี้  พระอรหันต์ทั่วไป  ท่านจึงต้องยอมตาย  ไม่ยอมต่อชีวิตให้ยืนยาวเกินกว่าที่ควรอยู่ได้ตามปกติของมนุษย์  แต่มีพระอรหันต์อีกประเภทหนึ่ง  คือ  พระครูเทพโลกอุดร และ พระอริยะวังโส  พวกท่านตั้งจิตอธิษฐานกับพระพุทธเจ้า  ขออยู่ดูแลพระพุทธศาสนาให้ถึง 5,000 ปี ตามอายุของพุทธศาสนา  และพวกท่านทั้ง 2 ก็ไปพากเพียรบริกรรมตามวิธีที่ท่านถนัด  ที่สำคัญ คือ  ทุกครั้งท่านต้องแผ่เมตตาให้กับบรรดาเจ้ากรรมนายเวรของท่านซึ่งมีเป็นอนันต์เสมอ

    ตามหลักแล้ว ถ้ากายเนื้อหรือขันธ์ 5 ของใครสะอาดบริสุทธิ์  ไม่ใช่เฉพาะจิตเท่านั้นที่บริสุทธิ์  ย่อมหมายความว่าเจ้ากรรมนายเวรที่มีเป็นอนันต์ของเขาหมดไปแล้ว  เชื้อโรค ที่เป็นพลังที่เจ้ากรรมนายเวรส่งมา ก็จะไม่สามารถเข้าไปทำลายกายเนื้อหรือขันธ์ 5 ที่สะอาดบริสุทธิ์ของท่านได้

   กายเนื้อหรือขันธ์ 5 ของผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ใช่เฉพาะจิตเท่านั้นที่บริสุทธิ์  คือ  กายเนื้อของพระพุทธเจ้าของเราและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์  พระพุทธเจ้าของเราตรัสว่า:
  
   
อย่าเลยอานนท์ บารมีเราได้สร้างมาดีแล้ว  ไม่มีใครสามารถปลงชีวิตของตถาคตได้  

   ไม่ว่าสัตว์ดิรัจฉานหรือมนุษย์หรือเทวดามารพรหมใด ๆ

  
 *** นี่แหละคือ อิทธิบาท 4 ขั้นที่ทำให้สามารถต่ออายุได้นานถึงวันสิ้นโลก ***

ฟังจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเอาเองนะครับ

  
 "อานนท์ อิทธิบาท 4 นี้  เราตถาคตเจริญ ทำให้มากแล้ว....ถ้าเราตถาคตปรารถนา จะพึงอยู่ได้ตลอดกัปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัปหนึ่ง

   =  พระพุทธเจ้าของเราและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์  ต้องฆ่าตัวตายเอาเองทั้งนั้น  ไม่งั้นไม่มีทางตาย
  
  สรุป  การจะมีชีวิตอยู่ได้เป็นกัป ถึงวันสิ้นโลกได้  เป็นเรื่องที่เรียกว่า 
เหนือธรรมชาติ” ทำได้เฉพาะพระอรหันต์ที่ละลายบาปกรรมที่มีผลต่อการตายหมดแล้วเท่านั้น จึงจะทำได้

    และพระอรหันต์ท่านนั้น ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ในชาติเดียวอย่างแน่นอน  เพราะต้องแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรที่มีผลต่อการตายทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนเป็นอนันต์  คนที่ทำได้ต้องเพียรพยายามข้ามภพข้ามชาติมาอย่างนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว  อย่างพระพุทธเจ้าของเราต้องสร้างบารมีมาถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป  มีเหลือกรรมสุดท้ายในชาติที่เป็นพระพุทธเจ้าไม่มากแล้ว  ท่านจึงสามารถทำอิทธิบาท 4 ได้ถึงขั้นต่ออายุตัวเองได้ถึงวันสิ้นโลก  ถ้าท่านจะทำ

       พึงรู้ว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องฆ่าตัวตายเองทั้งนั้น   ไม่มีใครสามารถฆ่าพวกท่านได้  เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์  ได้ทำอิทธิบาท 4 ข้ามภพข้ามชาติ  ได้ถึงระดับโลกุตตระขั้นเหนือธรรมชาติแล้วทั้งนั้น  พวกท่านสามารถต่ออายุได้นานเป็นกัป  จึงถึงวันโลกแตกได้สบาย  เรื่องนี้เป็นเรื่องเด็กๆ  ไม่มีปัญหาสำหรับพวกท่านหรอก
  
  “ดูก่อนอานนท์……ใครก็ตามถ้าเจริญอิทธิบาท 4 ประการ ทำให้มาก ทำให้คล่องตัวดุจยาน ทำให้เป็นดุจพื้นที่มั่นคง อบรมฝึกปรือ เริ่มอย่างดีอย่างถูกต้อง เขาผู้นั้นถ้าปรารถนา จะพึงอยู่ได้ตลอดกัปหนึ่ง หรือเกินกว่ากัปหนึ่ง"

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ pummuq

คุณเข้าใจผิดน่ะ คำว่ากัปนั้นคือกัลป์อายุของมนุษย์ในตอนนั้น ตอนนั้นอายุหนึ่งกัปก็คือ 100 ปีไม่ใช่เป็นกัลป์แบบที่คุณเข้าใจ เป็นกัลป์อายุมนุษย์ 
ผมไม่แน่ใจคำสะกดที่ถูกต้อง

ไปฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากปราชญ์สมัยเรายังไม่เกิดกันได้ครับที่

อิทธิบาท 4 ทำให้มีชีวิตอยู่ชั่วกัลป์ ชั่วกัลป์ – YouTube

ตอบ

1 กัป = 100 ปี หรือ 120 ปี เป็นคำสอนของพญามาร ที่เข้ามาสิงใจสมมุติสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติได้ไม่ถึงขั้น ไปคิดว่าปัญญาคือการใช้สมองคิดอย่างเดียว

ปัญญาที่แท้จริง ที่จะเข้าถึงแก่นธรรม เป็นปัญญาจากการปฏิบัติเท่านั้น ปัญญาจากสมองคิด อยู่ภายใต้การบงการของพญามาร

กัป เป็นคำที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล ในศาสนาฮินดู ลงมาถึงศาสนาพุทธ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่งมาถูกเปลี่ยนแปลงและตีความใหม่โดยแก๊งค์หัวล้าน ที่เอาผ้าเหลืองมาห่ม ไม่ปฏิบัติให้เข้าถึงแก่น

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ AYACOOSHA

1..ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็จะค้านกับคำว่า สิ่งใดมีการเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ของพระพุทธเจ้าเองนะครับ 

กายเนื้อยังไงมันก็มีอายุของมันครับ ที่ท่านกล่าวว่าไม่มีใครสามารถทำอันตรายอะไรพระองค์ได้ น่าจะหมายถึงว่า 2..ไม่มีใครสามารถทำอันตราย( ปลงพระชนชีพ )พระองค์ได้ ตราบเท่าที่ท่านยังไม่ได้ปลงอายุสังขาร เมื่อท่านปลงอายุสังขารแล้ว ก็เป็นเพียงแต่กายเนื้อนี้เท่านั้น ที่เสื่อมสลายไป

3. ดวงจิตของท่านได้เข้าสู่นิพพานอยู่ตรงกลางระหว่างรูปและไม่มีรูป และผมขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าท่านยังไม่ตาย ยังคงมีพระชนชีพอยู่ในนิพพาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นแดนอมตะอย่างแท้จริง ส่วนที่ท่านพูดเกี่ยวอิทธิบาท 4 นั้น ผมว่ามันแค่ยืดออกไปด้วยกำลังบารมีเท่านั้น แต่เท่าที่ผมอ่านดูมา มันก็ได้แค่ 120 เองครับ นี่คือ 1 กัป ที่คุณพูดถึง สำหรับอายุของคนในยุคนี้นะครับ ถ้ายุคอื่นคงไม่ต้องยืดนะครับเพราะนานเหลือเกิน

ตอบ

1. กฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นกฎที่ใช้กับสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ที่ถูกสร้างเท่านั้น แต่พุทธะหรือองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นอสังขตธาตุ หรือนิพพานธาตุ หรือศิวะธาตุ ท่านไม่มีเกิด ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตายอยู่แล้ว เป็นจิตหรือกายละเอียดชั้นในสุด ที่อยู่ตรงกลางระหว่างรูปและไม่มีรูป คือนิพพานนั่นแหละ

หลวงพ่อสดเรียกว่า กายอรหันต์ เป็นกายหรือจิตที่หลุดพ้นแล้วจากกฎไตรลักษณ์ และเมื่อละกายมนุษย์ที่ประกอบด้วยขันธ์ห้าแล้ว ก็จะไม่กลับมาเกิดอีก จะมีอายตนนิพพานเป็นที่ไป

2. ปลงอายุสังขาร เป็นคำที่ใช้แบบสวยหรู แต่จริงๆ ปลงอายุสังขาร = ฆ่าตัวตายนั่นเอง พระพุทธเจ้าฆ่าตัวตาย โดยถอดนิพพานจิตของท่าน ออกจากกายเนื้อ ไม่งั้นท่านไม่มีวันตาย

3. นิพพานมี 3 อย่าง
...1. เป็นธรรมกาย หรือกายธรรม มีทั้งจิตบริสุทธิ์และกายธรรมบริสุทธิ์ อยู่ในนิโรธสมาบัติ ในพุทธภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ทิพย์แห่งหนึ่งในพุทธเกษตร
...2. เป็นกายทิพย์ หรือสัมโภคกาย เป็นจิตบริสุทธิ์และกายทิพย์(พระวิญญาณ)บริสุทธิ์ เนรมิตออกมาจากธรรมกาย เพื่อใช้งานติดต่อกับเหล่าเทพและมนุษย์ ฯลฯใน 31 ภพภูมิ พระสังฆราชเรียกกายทิพย์ หรือสัมโภคกายว่า "พุทธนิมิต"
...3. นิพพานจิต หรือมหาสุญญตา มีแต่จิตเท่านั้น ดำรงอยู่ในความว่าง ที่เรียกว่า จักรวาลเดิม หรือพุทธสภาวะ

อนึ่ง พระศิวะ เง็กเซียน เจ้าแม่กวนอิม พระยะโฮวา และจิตมหาบริสุทธิ์สูงสุดอื่นๆ ที่มาติดต่อกับมนุษย์ พวกท่านเป็นกายทิพย์ หรือสัมโภคกาย หรือพุทธนิมิต เป็นสมมุติทั้งนั้น ไม่งั้นจะสื่อสารกับสรรพจิตใน 31 ภพภูมิ ซึ่งเป็นสมมุติไม่ได้

สิ่งที่เป็นวิมุติ คือ ธรรมกาย และนิพพานจิต

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ถิ่นธรรม

เรื่องของอายุกัปไม่มีในพระพุทธศาสนา แต่งเติมเอาภายหลังให้เข้ากับลัทธิความเชื่อของตน

ตอบ

ใช่แล้วครับ ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ

กัป เป็นคำที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล ในศาสนาฮินดู ลงมาถึงศาสนาพุทธ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่งมาถูกเปลี่ยนแปลงและตีความใหม่โดยแก๊งค์หัวล้าน ที่เอาผ้าเหลืองมาห่ม ไม่ปฏิบัติให้เข้าถึงแก่น

อ้างจาก: ตาดำดำ

 ธาตุขันแตกสลาย หรือเรียกว่า ขันธมาร ถึงยื้อต่อได้ก็ด้วยเหตุจำเป็น แต่ไม่ใช่ว่าการไม่ยื้อต่อคือการฆ่าตัวตายนะครับ (ภาษาที่ใช้ควรระวังให้มากเพราะอาจทำให้เข้าใจผิดได้นะครับ)

ภาษาของผมถูกต้องและชัดเจนที่สุดแล้วครับ  ใช้คำว่า "ปลงอายุสังขาร" แล้วเป็นยังไงครับ  โดนมารมันลวงมา 2,000 กว่าปี  ไม่มีใครคิดได้แม้แต่สักคนเดียวว่า  พระพุทธเจ้าไม่ได้โดนอาหารพิษฆ่าให้ตาย

จุนทะ! สูกรมัททวะ ที่เหลือนี้ท่านจงฝังเสียในบ่อ เราไม่มองเห็นใครในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ที่บริโภคแล้ว จักให้ย่อยได้นอกจากตถาคต

นอกจากตถาคต = นอกจากตถาคตเท่านั้นที่ย่อยอาหารพิษนั้นได้ คน เทวดา พรหมและสิ่งมีชีวิตใดๆ ย่อยไม่ได้ทั้งนั้น กินแล้วตายห่าหมด

ตถาคต สามารถย่อยทำลายย่อยทำลายพิษนั้นได้  แต่ท่านไม่ทำ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ฆ่าตัวตายเองทั้งนั้น  ไม่เช่นนั้นตายไม่ได้  ผมจะเรียกว่า ปล่อยให้ตัวเองตายดีไหมจ๊ะ  แต่มันก็ไม่ตรงจุด

ต้องพูดเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า  
"พระพุทธเจ้าเป็นโรคไหลตาย"  คือหาสาเหตุการตายของขันธ์ 5 ไม่ได้  จิตนิพพาน หรือจิตหลุดพ้นของท่าน  ออกจากกายเนื้อมนุษย์ไปเอง ตอนที่ท่านทำกรรมฐานครั้งสุดท้าย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น