" ก็คือว่า
ถ้าเรานอนหลับฝันอยู่และเรารู้ตัวว่าเราฝัน มันก็คือเรากำลังถอดจิตออกไปหรอค่ะ ?
หรือยังไง ? "
ตอบ
จะพูดอย่างนั้นก็ได้ ผมจะเล่าตัวอย่างให้คุณฟัง 2 เรื่อง คุณจะได้เข้าใจ
เรื่องแรก
มีคนป่วยที่กำลังจะตายด้วยโรคเอดส์คนหนึ่ง อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ ชื่อ มานพ คุณมานพเคยตายไปพบยมบาลมาแล้วในตอนเช้าของวันนั้น ในตอนนั้นเขาไปเห็นยมบาล กำลังสุมหัวคุยกันเรื่องผมกับกายทิพย์สัมโภคกายของพระสารีบุตร และกายทิพย์สัมโภคกายของเจ้าแม่กวนอิมประทานพรอยู่ เจ้าแม่กวนอิมบอกกับ พระยายมราชและพระสารีบุตรว่า เราจะแปลงกายเป็นแม่ชีคนหนึ่ง ไปทดสอบจิตของเขาดู
พอวิญญาณคุณมานพกลับเข้าร่างกายเนื้อ เนื่องจากผมเป็นผู้ทำบุญช่วยแม่และลูกชายคุณมานพ รวมทั้งทำบุญบริจาคเงินให้วัดพระบาทน้ำพุ แล้วอุทิศผลบุญให้คุณมานพ ทั้งๆที่ผมไม่รู้จักเขาเลย คุณมานพเลยสำนึกบุญคุณ เขาจึงเล่าเรื่องการประชุมลับระหว่างเจ้าแม่กวนอิม,พระยายมราช, และพระสารีบุตรให้ผมฟังหมด
เขาบอกว่า พระยายมบอกกับเขาว่า ตอนเย็นวันนี้เขาจะตายจริงๆแล้ว เขาขออนุญาตไปกราบเท้าผมเมื่อเขาตายแล้ว ได้ไหม ผมก็ตอบว่า ok เพราะผมเป็นผู้ติดต่อกับวิญญาณในทุกระดับได้อยู่แล้ว
ปรากฏว่า เย็นวันนั้นคุณมานพตายจริง ตกดึกประมาณตี 1 วิญญาณคุณมานพมาหาผม มาจับที่ข้อเท้าของผม ขณะนั้นผมกำลังฝันว่า กำลังเดินเล่นอยู่ พอวิญญาณคุณมานพมาจับข้อเท้าผม ผมยังไม่ได้สติเต็มที่ ได้แค่นิดหน่อย จึงตะโกนบอกว่า "เฮ้ย! อย่าจับข้อเท้าซิวะ เดี๋ยวล้ม"
หลังจากนั้นผมก็ได้สติเต็มที่ ผมรู้ว่า กายฝันของผมก็ไม่อยู่ติดสนิทกับกายเนื้อแล้ว ไอ้กายเนื้อของผม มันกำลังนอนหลับอยู่ เสียงกรน ครอกๆ ส่วนกายฝันของผมกำลังมองดูวิญญาณดวงหนึ่ง คงเป็นคุณมานพนั่นเอง เพราะผมไปตกลงกับคุณมานพไว้ วิญญาณของเขาจึงมาหาผม ผมเลยบอกวิญญาณคุณมานพว่า ไม่ต้องไปกราบเท้าหรอก มาคุยกันใกล้ๆตรงนี้เลย คุณมานพเลยคลานเข้ามา แล้วกราบผมที่หน้าอก พร้อมกับพูดกระซิบกับผมว่า
"ยมบาลให้ผมมาลาพระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย"
พูดจบเขาก็หายไปเลย
เรื่องสอง
ผมฝันประหลาดหลายครั้ง ฝันว่าไปเจอหญิงงามมากคนหนึ่ง ซึ่งตัวจริงผมก็รู้จัก แต่ไม่งดงามชวนหลงใหลเช่นนี้ ผมเลยคิดว่า ในสัปดาห์นี้หญิงงามมากคนนี้ ต้องมาหาผมอีกแน่ คราวนี้ผมต้องถอดจิตออกไปคุยเลยว่า เธอเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่
ต่อมาอีก 2-3 วัน สุดยอดของหญิงงามคนนี้ ก็มาหาผมในความฝันจริงๆ จังหวะที่เธอเข้ามาหาผมในความฝัน ตอนนั้นผมมีสติแล้ว มือกายทิพย์ของผมจึงออกไปจับแขนของเธอไว้ แล้วรีบอยากจะไปหาเธอเลย ฉับพลันทันใดนั้น ผมก็มายืนอยู่ในความฝัน มือของผมยังจับแขนเธออยู่ เหมือนเธอจะรู้ว่า ผมจะถามอะไรเธอ เธอก็รีบแปลงร่างเป็นตัวการ์ตูนตลกหญิง มีเขาขึ้นมา 2 ข้าง ผมจึงรู้ในจิตเองว่า เธอเป็นลูกสาวพระยามาร เธอพูดเสียงอ่อนหวาน ไพเราะเหลือเกิน เธอขออาศัยอยู่ในจิตผมต่อนะ ผมก็รับปากว่า "ได้"
อีก 2 ปีต่อมา ผมได้ธรรมกายระดับอรหันต์ แล้วกายทิพย์สัมโภคกายอรหันต์ต้องการออกจากจิตของผม ไปเยี่ยมเพื่อนฝูงในพุทธเกษตร(เมืองนิพพาน) ท่านหายไปเดือนกว่าๆ แล้วก็กลับมาบอกผมว่า
" ตอนนี้เรากำลังสู้กับกิเลสตัวหนึ่งอยู่ ถ้าเรายังเอาชนะเด็ดขาดไม่ได้ เราก็ยังอยู่ในเมืองนิพพานถาวรไม่ได้ เราจึงมาขอให้เธอช่วยเราอีกแรง "
ผมเลยถามกายทิพย์อรหันต์ของผมไปว่า "กิเลสที่ท่านกำลังสู้อยู่ คือ ราคะ ใช่ไหม"
กายทิพย์อรหันต์ของผมตอบว่า " ใช่ เธอจะช่วยเราได้ไหม "
ผมเลยตอบกายทิพย์อรหันต์ของผมว่า "ไม่ได้ครับ ทิ้งราคะออกไป ผมก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว กลายเป็นพระเจ้าไป ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะเป็นพระเจ้า ผมยังไม่แก่ ไว้แก่ๆก่อน ผมถึงจะช่วยท่านเอาชนะลูกสาวพระยามาร อีกอย่างผมรับปากลูกสาวพระยามารไปแล้วว่าให้อยู่ในจิตของผมได้"
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ธรรมกายระดับอรหันต์ (ชั่วคราว) และ กายทิพย์สัมโภคกายอรหันต์ (ชั่วคราว) ของผม ก็ไม่ได้โผล่ออกมาให้ผมเจออีกเลย
บางครั้งทุกสิ่งในโลกย่อมเป็นอจินไตย... แต่สิ่งที่เหนือธรรมทั้งปวง...ก็คือดวงจิตทึ่นั่นเอง...เสมือนแก้วทึ่แปดเปื้อนผงธุลีเมื่อขัดเกลายังสะอาดใสได้...เปื้อนสิบครั้ง...ก็ขัดสิบครั้งก็ใสสะอาดทุกครั้ง...จิตของท่านเองก็เช่นกัน...เมื่อแบ่งภาคก็ย่อมมีกำลังมากขึ้น...เปรียบเหมือนท่านเป็นผ้าขาว...กายทิพย์อรหันต์เป็นแก้วฉันนั้น...ผ้าขาวเช็ดฝุ่นแล้วเปื้อน..ยังล้างออกได้...แต่แก้วจะปราศจากผงธุลีได้เช่นไร?....ปัญญา ย ปัสสติ จ อาภาโส
ตอบลบ