มีท่านผู้ไม่ประสงค์ออกนามท่านหนึ่ง ถามผมว่า ที่ผมคุยกับเจ้าแม่กวนอิม
พระพุทธเจ้าสอนให้เข้านิพพาน
พระพุทธเจ้าภาคดำมีด้วยหรือคะ สอนให้อยู่ในสังสารวัฏ ไม่น่าจะใช่พระพุทธเจ้า
อ้างอิง ที่ผมเขียนว่า:
พลศักดิ์ พระพุทธเจ้ามีฝ่ายดำกับฝ่ายขาวหรือครับ
เจ้าแม่กวนอิม ทุกจิตย่อมมีพุทธะในตัว อสูร ยักษ์ มาร
ก็จำเป็นต้องมีผู้ไปสอนพวกเขาให้เห็นผลแห่งกรรม
พระพุทธเจ้าจึงจำเป็นต้องมีฝ่ายดำ เพื่อไปสั่งสอนอสูร
ยักษ์ มาร แม้แต่กวนอิมก็มีภาคดำ
1. พระพุทธเจ้าภาคขาวคือพระพุทธเจ้าของเรา
สอนให้คนเข้านิพพาน พระพุทธเจ้าภาคดำสอนให้ทุกชีวิตอยู่ในสังสารวัฏ
2. บูชาพระพุทธเจ้าฝ่ายดำดีกว่าพญามาร ท่านเป็นประมุขในสังสารวัฏ
ท่านเป็นผู้นำกฎแห่งกรรมมาลงโทษและให้คุณกับมนุษย์
ตอบ
1.
พระพุทธเจ้าทุกองค์นั่นแหละสอนให้ทุกสรรพจิตเข้านิพพาน แต่การเข้านิพพานเป็นงานที่ยากเกินไป
จึงต้องมีการจัดหน้าที่ ให้พระพุทธเจ้าที่สอนให้ทุกสรรพจิตเข้านิพพาน
เป็นหน้าที่ของฝ่ายขาว พระพุทธเจ้าฝ่ายขาว เช่น โคตมพระพุทธเจ้า
เป็นประมุของค์หนึ่งของฝ่ายขาว
ส่วนหน้าที่สอนให้ทุกชีวิตอยู่ในสังสารวัฏ มีสวรรค์เป็นที่ไป เป็นหน้าทีของฝ่ายดำ มีพระพุทธเจ้าภาคดำ เช่น พระศิวะ
เป็นประมุของค์หนึ่งของฝ่ายดำ พญามารไม่ใช่ประมุขนะครับ เป็นแค่นายกรัฐมนตรี
- ทุกจิตมีอิสระที่จะเลือกได้ว่าต้องการอยู่ในภพภูมิไหน ถ้าต้องการไปอยู่ในสังสารวัฏต่อไปและยังยึดติดในกามคุณ 5 อยู่ ภพภูมิที่ดีที่สุดคือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีภูมิ หรือสวรรค์ชั้นที่
๖ ที่มีความสุขความสำราญมีความเพลิดเพลินในกามคุณทั้ง 5
เป็นอย่างยิ่ง เมื่อปรารถนาเสวยกามคุณเมื่อใด
เทวดาองค์อื่นรู้ใจคอยปรนนิบัติ โดยเนรมิตให้ตามความต้องการ
-
อสูร ยักษ์ มาร
ก็มีสิทธิได้เสพในกามคุณ 5 และจำเป็นต้องมีผู้ไปสอนพวกเขาให้เห็นผลแห่งกรรม หรือความดีไหนที่นำพวกเขาไปสู่สวรรค์ชั้นที่ ๖ พระพุทธเจ้าฝ่ายดำจึงต้องมี เพื่อไปสั่งสอนอสูร
ยักษ์ มาร เหล่านี้
ให้รู้ถึงทางไปสวรรค์ชั้นสูงสุด หรือชั้น 6
สวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัสตตี ซี่งเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุดนี้ แบ่งการปกครองออกเป็น 2 แดนคือ แดนของเทวดา และ แดนของมาร
แดนมารเป็นที่สถิตอยู่ของเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา มารมีความกลัวเป็นข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งว่า ตนจะสิ้นอำนาจครอบครองโลก จึงไม่ประสงค์ให้ใครทั้งนั้นบรรลุ มรรค ผล นิพพาน
เพราะเมื่อผู้ใดพ้นโลก หมายถึงว่ามีจิตใจพ้นกิเลส = ผู้นั้นก็พ้นอำนาจของมาร
“บุคคลบางคนในโลกนี้กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง
กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย
เมื่อถึงแก่กาลกิริยาตายไปแล้ว เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี”
2.
พุทธเกษตรในศาสนาคริสต์
และพุทธเกษตรในศาสนาอิสลาม ก็มี
พุทธเกษตรเป็นแดนที่ไม่มีนรก
ทุกจิตสามารถอยู่ได้นานไม่มีวันสิ้นสุด
ไปปรับจิตหรือพัฒนาจิตกันเองที่นั่น มีทั้งสวรรค์
พรหมโลก อนาคามี และแดนนิพพานอยู่ในนั้นเลย
-
พุทธเกษตรในศาสนาคริสต์ (สวรรค์นิรันดรของพระคริสต์) มี 16
ชั้น พระเยซูอยู่ชั้น 15
พระบิดา(ยะโฮวา)อยู่ชั้น 16 ชั้น 15 ก็คือ ชั้นอรหันต์ ชั้น 16 คือ ชั้นพุทธเจ้า นั่นเอง
-
พุทธเกษตรในศาสนาอิสลาม หรือสวรรค์(นิรันดร)ของมุสลิมมี 100 ชั้น พระเยซูบอกผมเองว่า อิสลามมีหลายเผ่าพันธุ์
จึงต้องมีสวรรค์มากหน่อย แล้วพระเยซูก็ยืนยันว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าภาคขาว(ฝ่ายเมตตากรุณา)
อัลเลาะห์เป็นภาคดำ(ฝ่ายเที่ยงธรรม)
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 องค์เป็นองค์เดียวกัน
แค่แบ่งกายแบ่งจิตไปทำหน้าที่ต่างกันเท่านั้น
-
ชาวพุทธก็มีพุทธเกษตร ที่สำคัญที่สุดคือ พุทธเกษตรแดนสุขาวดี มี 100 ชั้น เช่นเดียวกับ พุทธเกษตรในศาสนาอิสลาม
ด้วยเหตุนี้ พุทธเกษตรจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไต่ระดับไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสวรรค์ และเลยต่อไปถึงชั้นพรหม จนในที่สุดก็บรรลุนิพพาน ไม่ต้องตายแล้วเกิดไปเรื่อยๆ วนเวียนในสังสารวัฏต่อไปเผลอๆก็อาจหล่นลงนรก กว่าจะเริ่มต้นใหม่ก็อีกนาน
สรุป
ในระดับโลกหรือโลกียะ การทำบุญถือเป็นสัมมาทิฎฐิ การทำบาปถือว่าเป็นมิจฉาทิฎฐิ
ในระดับโลกุตตระ บุญและบาป ล้วนเป็นมิจฉาทิฎฐิทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นสัมมาทิฎฐิมีเพียงปัญญา ที่ทำให้ละทั้งบุญ ทั้งบาป ละความยึดมั่นถือมั่นได้เท่านั้น
ในระดับโลกุตตระ บุญและบาป ล้วนเป็นมิจฉาทิฎฐิทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นสัมมาทิฎฐิมีเพียงปัญญา ที่ทำให้ละทั้งบุญ ทั้งบาป ละความยึดมั่นถือมั่นได้เท่านั้น
ยิ่งฟังกะยิ่งงงมั่วไปคัก
ตอบลบเข้าใจแจ่มแจ้งหายสงสัยกับสื่อของคุณพลศักดิ์
ตอบลบ