A A

5 กรกฎาคม 2558

ทำไมมัจจุราชจึงหาตัวพระวิสุทธิเทพ(พระอรหันต์ที่ได้ธรรมกาย)ไม่เจอ?‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

อ้างถึง

พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า
ดูกรโมฆราช ท่านจงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ พิจารณาเห็นโลกโดย
ความเป็นของว่างเปล่าเถิด จงถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตน
เสียแล้ว พึงเป็นผู้ข้ามพ้นมัจจุราชได้ด้วยอาการอย่างนี้
บุคคลผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่อย่างนี้ มัจจุราชจึงจะไม่เห็น ฯ


dhammajak โพสต์ 

ตอบ

พุทธพยากรณ์บทนี้ลึกซึ้งมาก  ผู้ที่ยังไม่เห็นธรรม ผู้นั้นย่อมไม่เห็นตถาคต  และไม่สามารถตีความพุทธพจน์ได้

1. ผู้มีสติคือพระอรหันต์  ผู้ขาดสติคือปุถุชนที่นำเรื่องราวภายนอกซึ่งเป็นเรื่องมายา กฎแห่งกรรมเป็นผู้บันดาลให้เกิดขึ้น ปุถุชนผู้ขาดสติจึงเกิดอารมณ์ต่างๆขึ้น เช่น โมโห หลงในกิเลสตัณหาต่างๆ  ทำให้เห็นความว่างเปล่าต่างๆในโลกและสวรรค์นรกเป็นของจริง  ทั้งๆที่สิ่งนั้นเป็นแค่มายาไม่มีจริง 

- ความยึดถือในบุญบาปฯลฯ ทำให้เราต้องรับผลแห่งบุญบาป และสิ่งที่เรายึดถือ

2. พระอรหันต์ผู้มีสติ จะไม่นำเรื่องราวภายนอกซึ่งเป็นเรื่องมายา ซึ่งกฎแห่งกรรมเป็นผู้บันดาลให้เกิดขึ้น มายึดถือ และนึกคิดปรุงแต่ง อารมณ์ต่างๆ เช่น โมโห อารมณ์รักใคร่ เกลียดชัง ฯลฯ จึงไม่เกิดขึ้น  พระอรหันต์ที่มีสติ จะรู้และเห็นทุกอย่างตามความจริงว่าทุกสรรพสิ่งเป็นมายาและความว่างเปล่า ท่านจึงไม่หลงกลของอวิชชา คือ ไม่มีโลภโกรธหลง= ได้ปัญญาทางพุทธศาสนา

- แต่ถ้าพระอรหันต์ขาดสติ ไปยึดถือและนึกคิดปรุงแต่ง อารมณ์ต่างๆ เช่น โมโห อารมณ์รักใคร่ เกลียดชัง ฯลฯ จึงเกิดขึ้น ตามมา


3. มัจจุราชเป็นผู้คุมกฎแห่งกรรม  มองเห็นแต่ผู้ทำกรรมและรับผลแห่งกรรมในชาตินั้น  แต่พระอรหันต์ไม่มีกรรมที่ต้องได้รับผลในชาตินั้นอีกแล้ว  กรรมในอดีตชาติก็ตามพระอรหันต์ไปในเมืองนิพพานไม่ได้  เนื่องจากเป็นกฎกติกาการเล่นเกมส์ของพวกเราเหล่าพระเจ้า  ผู้เป็นพระอรหันต์นั้น กรรมทั้งปวงที่เคยทำใน 3 ภพภูมิ ถือว่าเป็นอโหสิกรรมหมด  มัจจุราชซึ่งเป็นผู้คุมกฎแห่งกรรม จึงลงโทษท่านไม่ได้ และหาตัวพระอรหันต์ไม่เจอด้วย  เพราะกายและจิตของพระอรหันต์เข้าไปอยู่ในภพภูมิที่เล็กสุด เล็กกว่าควอนตัม คือ ภพภูมิของความว่างที่มีอยู่ ไม่ใช่สูญ คือ ไม่ใช่ไม่มี  ในขณะที่ 3 ภพภูมิ เป็นภพภูมิที่หยาบกว่ามาก มัจจุราชจึงหาตัววิญญาณของปุถุชนได้

ภพภูมิที่เล็กสุด เล็กกว่าควอนตัม แต่มีอยู่  เรียกว่า "อายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย" เป็นภพภูมิและเมืองของพวกที่ผู้อาศัยอยู่เป็นแสงภายในใจ แต่สามารถแสดงออกเป็นแสงภายนอก(แสงทิพย์) และเป็นกายทิพย์ให้พวกที่อยู่ในภพภูมิอื่นเห็นได้ถ้าพวกท่านต้องการ

ด้วยเหตุนี้  ภพภูมิใน 3 โลกเป็นภพภูมิของผู้ยังมีอารมณ์และความหลงอยู่  อารมณ์และความหลงยิ่งลดลงเท่าไร  กายและจิตของผู้นั้นก็จะเลื่อนไปอยู่ในภูมิที่สูงขึ้น จนถึงขั้นพรหมอนาคามี ชั้นที่ 16 คือ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ แล้วก็ไปสู่ขั้นกายและจิตในพระนิพพาน

สรุป

มีสติตลอดเวลาไม่มีอารมณ์ปรุงแต่งแทรก จะทำให้เกิดกายแท้จริง คือ ธรรมกาย 

จิตของปุถุชน แม้แต่จิตวิญญาณของมัจจุราช ก็หาผู้ที่มีกายจิตแท้จริงไม่ได้ หาได้แต่ผู้ที่มีกายจิตเก๊ หรือกายจิตอนัตตา ที่เป็นกายจิตมายา  เป็นกายจิตที่เรียกว่า อัตตาอุปาทาน หรืออัตตาทิฎฐิ ซึ่งเป็นความว่างเปล่าที่จิตของผู้ที่ไปยึดถือสร้างมันขึ้นมา

เมื่อถอนความเห็นว่าจิตและกายของปุถุชนเป็นตัวตนเสียแล้ว  จะได้จิตและกายของพระอรหันต์ในนิพพานที่เรียกว่า ธรรมกาย อันเป็นจิตและกายที่เป็นตัวตนแท้จริง(อัตตา-อมตะนิรันดร)

0 comments:

แสดงความคิดเห็น