A A

5 กรกฎาคม 2558

ถ้าไม่รู้ว่าความทุกข์แท้จริงคืออะไร เราก็ไม่มีทางดับทุกข์ได้ถาวร‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏‏

ทุกข์  คือ ความคิดนี่แหละ...! ความคิดที่ส่งออกไปนอกสมองหรือนอกจิตของเรา  แล้วเราไปปรารถนาจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้  หรืออยากเป็นโน่นเป็นนี่  พอเราไม่ได้ดังที่ใจเราปรารถนา หรือไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการ  คือ  ไม่ได้สมดังใจหวัง เราก็จะเป็นทุกข์ทางใจ และจะเกิดความทรมานจิตใจ  เนื่องจากไม่สามารถได้สิ่งนั้นมาดับทุกข์ใจ หรือสนองความต้องการของเราได้

ทุกข์ทางความคิดที่สำคัญที่สุด คือ ทุกข์ที่ไม่ได้ปัจจัย 4 นั่นเอง  ไม่มีอาหารกิน ไม่มีเครื่องนุ่มห่มให้กันหนาวกันร้อน  ไม่มีที่อยู่อาศัย  ไม่มียามารักษาโรค ก็อยู่ไม่ได้  ถ้ามีน้อย ก็ขาดแคลนปัจจัย 4 เป็นคนจนไป

อย่างไรก็ตาม สมัยนี้อาจจะเพิ่มเป็นปัจจัย 5 ปัจจัย 6 หรือปัจจัย 7 หรือ 8 เข้าไปด้วยก็ได้  ตามความเจริญของโลกมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ ทุกข์  คือ ความคิดทุกข์  จึงแบ่งเป็น ๒ ทาง คือ

1.  ทุกข์กาย  เพราะขาดแคลนปัจจัย อย่างน้อยก็ปัจจัย 4 เมื่อไม่มีหรือมีน้อย  ใจมันก็เป็นทุกข์  กับ
2.   ทุกข์ใจ  เพราะเอาเรื่องราวภายนอก หรือเรื่องราวทางโลกมานึกคิด  แล้วไม่สมดังใจหวัง  เช่น อยากได้คนนี้เป็นแฟน แต่ไม่ได้, อยากเป็นรัฐบาล แต่ประชาชนไม่เลือก, อยากเลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่ได้เลื่อน, อยากสอบได้ แต่ดันสอบตก เป็นต้น

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ให้ความกระจ่างชัดเจนว่า  บุญกรรม และ บาปกรรม เป็นสิ่งกำหนดให้มนุษย์แต่ละคนได้รับปัจจัยทางกายและทางใจมาครอบครอง  ใครจะได้มากหรือได้น้อย  ก็เป็นผลมาจากบุญกรรม และ บาปกรรมที่เขาทำมาในอดีตชาติและชาติปัจจุบัน  เขาทำบุญทำบาปกรรมอย่างใดมา  สิ่งเหล่านั้นก็จะกลับมาตามสนองเขาเองในชาติปัจจุบัน และชาติอนาคต  เพราะไม่เคยมีใครตายจริงๆเลย แม้แต่รายเดียว

การคิดมาก การคิดไม่หยุด  การไม่ปล่อยวางความคิด ไม่ยอมเห็นความจริงว่า  ทุกอย่างที่เราประสพเจอมาในชีวิต  เป็นผลงานของกฎแห่งกรรม  ทำให้เราต้องประสพเรื่องราวร้ายดีไม่เหมือนกัน  การที่เรามีอคติลำเอียง  ไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม  เป็นตัวนำพาเรื่องราวต่างๆมาให้เราประสพเจอ  เราก็จะไม่มีทางมีความสุขใจได้  เนื่องจากเราพอใจแต่เรื่องที่ต้องการให้เป็น และไม่พอใจกับเรื่องที่เราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

แต่ถ้าเราหัดให้อภัยและอโหสิกรรมเสมอ  เมื่อเราประสพเจอเรื่องราวที่ทำให้เราไม่พอใจ  เราก็คิดว่า เป็นกรรมที่เราเคยทำกับคนอื่นมาก่อน  ความโกรธและความไม่พอใจในใจเราก็จะลดลง.... 
ช่างแม่งมันตลอด  อภัยให้มัน ถือว่าเรากำลังใช้บาปกรรมเก่าของเรา  ถ้าเราฝึกทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ  ความทุกข์ในใจเราจะค่อยๆสลายไป  ยิ่งถ้าเราหัดทำบุญทำทานบ่อยๆ แล้วอุทิศผลบุญนั้นในใจให้เจ้ากรรมนายเวรของเรา  ที่ทำให้เราเจอเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยแล้ว  ความทุกข์ในใจเราก็ยิ่งลดลง  เนื่องจากได้ใช้หนี้กรรมให้เจ้าหนี้เวรกรรมของเราแล้วนั่นเอง

0 comments:

แสดงความคิดเห็น