A A

29 พฤษภาคม 2558

ทุกข์ เป็นของจริง หรือเป็นของไม่จริงกันแน่

ทุกข์ เป็นของจริงครับ 

shart.com โพสต์

ตอบ

ถ้าทุกข์เป็นของจริง จะไม่มีใครพ้นทุกข์ไปได้เลย แต่เพราะทุกข์เป็นของไม่จริง เราจึงสามารถพ้นทุกข์ได้

ทุกข์เป็นของที่เราไปนำเรื่องภายนอกใจ มาใส่ไว้ในใจ แล้วนั่งคิด ยืนคิด นอนคิด ในสิ่งที่เราไม่ได้มา หรือเสียมันไป เราจึงทุกข์

แต่ถ้าเราช่างหัวแม่งมันอย่างเดียว ทำให้มันได้จริงๆ ความทุกข์มันจะเข้ามาได้อย่างไร แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พูดง่ายมาก แต่ทำยากที่สุด เพราะเราไม่ใช่เป็นผู้เดียวที่ควบคุมจิตใจของเรา แต่เจ้ากรรมนายเวรของเรา มันร่วมควบคุมจิตใจของเราด้วย เราเคยทำให้พวกเขารับสภาพแบบใด เขาก็ต้องทำให้เรารับสภาพแบบนั้นด้วย

เช่น เราเคยทิ้งคนที่รักเราในอดีตชาติ ชาตินี้เจ้ากรรมนายเวรของเรา ก็จะทำให้เรารักผู้ชายหรือผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเราจะต้องถูกทิ้งให้อกหัก พอเราพยายามลืมคนที่เรารัก เจ้ากรรมนายเวรของเราก็ไม่ยอม จะให้เราไม่สามารถลืมรักนั้นไปได้

เราต้องขออโหสิกรรม หรือทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของเราก่อน พอเขารับผลบุญของเราแล้ว และพอใจ เท่ากับเราใช้กรรมให้เขาหมดแล้ว เจ้ากรรมนายเวรของเราก็จะปล่อยใจที่ถูกขยี้ในความรักของเราไป พิษสงของความรักนั้นจะค่อยๆมลายหายไป

สรุป

เราทุกคนเป็นเจ้าหนี้กรรมและเป็นลูกหนี้กรรมของคนอื่นทั้งนั้น เมื่อเราเป็นหนี้กรรมใคร เขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา ส่วนตัวเราเองเป็นลูกหนี้กรรมของเขา
 

- มีเจ้าหนี้บาปกรรม ก็ต้องมีลูกหนี้บาปกรรม
- มีเจ้าหนี้บุญกรรม ก็ต้องมีลูกหนี้บุญกรรม

ทุกฝ่ายต้องชดใช้หนี้บุญกรรม และใช้หนี้บาปกรรมกันก่อน เมื่อใช้หนี้บุญกรรม และใช้หนี้บาปกรรมหมดแล้ว ใจเราจึงจะเป็นอิสระเสรีภาพจริงๆ
 

แต่เนื่องจากมหาสมุทรบุญกรรมและมหาสมุทรบาปกรรมของเรา มันมีไม่สิ้นสุด แม้แต่พระอรหันต์ต่างๆ ก็ใช้หนี้บุญกรรมและบาปกรรมไม่มีทางหมด พระอรหันต์เหล่านี้ จึงใช้วิธี ใช้หนี้บุญกรรมและบาปกรรมที่ส่งผลมาให้ในชาตินี้เท่านั้น แล้วท่านก็ออกจากวงจรการเวียนว่ายตายเกิด เข้านิพพานไป ไม่ลงมาเกิดอีก
 

กติกาการเล่นของพวกเราเหล่าพระเจ้า ที่ออกมาเล่นเป็นมนุษย์และสรรพจิตต่างๆมีอยู่ว่า
 

" เมื่อจิตใดเข้านิพพานแล้ว หนี้บุญกรรมและหนี้บาปกรรมทั้งหมดที่เหลืออยู่ ถือว่าเป็นอโหสิกรรมหมด "

0 comments:

แสดงความคิดเห็น