เพราะว่านิพพานมี 3 อย่าง จึงต้องมีที่อยู่ 3 ที่....

คำถาม

จากเรื่องนิพพานมีบ้านมีเมือง และ นิพพานไม่มีบ้านมีเมือง(ปรินิพพาน)

แล้วผู้ที่อยู่ในนิพพานที่มีบ้านมีเมือง เขามีหลักเกณฑ์ใดว่าตอนไหนจะปรินิพพานครับ หรือว่าเข้าๆออกๆระหว่างนิพพานแท้กับนิพพานมีบ้านมีเมือง

มาฬปุกกิเลz โพสต์

คำตอบ ของผมPhonsak

ก่อนอื่นต้องย้ำว่า นิพพานมี 3 อย่าง

1. ปรินิพพาน เป็นจิตว่างเฉยๆ เรียกว่า "ธรรม" ไม่ใช้เจตสิกสร้างร่างกาย สร้างเมืองหรือสร้างอะไรออกมาจากความว่างเปล่าทั้งนั้น

2. นิพพานกายธรรม หรือ นิพพานธรรมกาย เจตสิกจะสร้างร่างกายขึ้นมาให้จิตว่างเฉยๆ(ธรรม) แล้วให้ "ธรรม"เข้าไปอยู่ในกายธรรมนั้น กายธรรมจะอยู่ในพุทธภูมิ ซึ่งเป็นเขตหนึ่งในพุทธเกษตร

พระพุทธเจ้าของเรา และ หลวงปู่ทวด พวกท่านก็อยู่ในปรินิพพาน แต่ก่อนท่านจะเข้าไปอยู่ในปรินิพพาน พวกท่านได้เนรมิตทั้งกายธรรมละกายทิพย์ของพวกท่านออกมามากมาย

3. นิพพานกายทิพย์(สัมโภคกาย) หรือนิพพานพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือนิพพานกายพระเจ้า นิพพานตัวนี้เป็นผู้เนรมิตโลก สวรรค์ นรก และทุกภพภูมิ ทุกมิติ รวมทั้งเนรมิตเมืองนิพพาน(พุทธเกษตร)ขึ้นมาด้วยจากเจตสิกของพวกท่าน

เจ้าแม่กวนอิมทุกองค์ พวกท่านจะเข้าๆออกๆระหว่างปรินิพพาน เมืองนิพพาน และโลกทุกมิติ เพราะพระโพธิสัตว์กวนอิมทุกองค์ทรงมีมหาปณิธานที่คล้ายกันอยู่ข้อหนึ่งว่า

“เมื่อใดที่เสียงคร่ำครวญทุกข์ร้อนของชีวิตทั้งหลายยังไม่หมดไปจากโลกนี้ เราจะไม่ขอ เข้าสู่ปรินิพพาน”

+++ เจ้าแม่กวนอิมทุกองค์ พวกท่านจึงจะเข้าไปกบดานเป็นจิตว่างสงบในปรินิพพานนานไม่ได้ +++

ส่วนพระโพธิสัตว์อื่น เช่น พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ก็ทรงมีมหาปณิธานอยู่ข้อหนึ่งว่า

“เมื่อใดที่วิญญาณผีทั้งหลายยังไม่หมดไปจากนรก เราจะไม่ขอเข้าสู่ปรินิพพาน”

+++ มหาปณิธานของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ทำไห้พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ก็เข้าไปกบดานเป็นจิตว่างสงบในปรินิพพานนานไม่ได้เช่นกัน +++

ในกรณีพระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านตั้งมหาปณิธานไว้ถึง 48 ข้อ พระอมิตาภะพุทธเจ้าจึงยังไม่สามารถเข้าปรินิพพานแบบถาวรจะๆ เข้าไปได้แค่สำรวจเท่านั้น เพราะท่านต้องการสงเคราะห์สรรพสัตว์ให้เข้าสู่นิพพานต่อไปเรื่อยๆ ตามมหาปณิธาน 48 ข้อของท่าน

สรุป

เพราะว่านิพพานมี 3 อย่าง จึงต้องมีที่อยู่ 3 ที่ คือ

1. ปรินิพพาน...เป็นจิตว่างเฉยๆ ที่อยู่ก็คืออยู่ในความว่าง ซึ่งคืออยู่ได้ทุกที่นั่นเอง
2. นิพพานกายธรรม...เพราะมีกายจึงต้องมีที่อยู่ คือ พุทธภูมิ
3. นิพพานกายทิพย์สัมโภคกาย หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์...ที่อยู่ของกายทิพย์บริสุทธิ์ ในศาสนาพุทธมหายานเรียกว่า “พุทธเกษตร” ในศาสนาพุทธเถรวาทเรียกว่า “เมืองนิพพาน” ในศาสนาอื่นๆ เรียกกันทั่วไปว่า “สวรรค์นิรันดร”

จิตที่ว่างจากการคิดนึกอันเกิดจากกิเลสตัณหา
555
แต่ไม่ว่างจากอวิชชา และอุปาทาน จ่ะ
ฉันทะยังมีเกิดได้ จั๊งได จ่ะ

dhammajak โพสต์

ตอบ

เข้าใจไม่ถูกแล้วครับ  คุณอย่าทำเป็นผู้รู้เลย  คุณไม่เคยรู้อะไรจริงๆสักเรื่องเดียว  มีอะไรก็ถามผมได้  จะอายห่าอะไรวะ  ดีกว่าไปแสดงความอวดตัวว่าข้าเก่งเหนือใคร  ทั้งๆที่คนอ่านในเว็บเขาก็รู้ทั้งนั้นว่า  เอ็งไม่ได้เรื่อง  ความอหังการเบื้องต้นยังไม่ปล่อยวาง จะไปรู้ธรรมะลึกๆได้อย่างไร

พระโพธิสัตว์กวนอิม  และพระอรหันต์โพธิสัตว์องค์อื่นๆ  พวกท่านได้ว่างจากอวิชชา และว่างจากอุปาทาน คือว่างจากการยึดมั่นถือมั่นแล้ว  พวกท่านมีฉันทะ(ความพอใจ)ได้  แต่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในความพอใจนั้น

คุณไม่เข้าใจอะไรเลย  เพราะดันไปลบกระทู้ต่างๆที่ผมอธิบายเรื่องนิพพานและปรินิพพานทิ้งไปหมด  ปิดหูปิดตาคนอื่น  แม้แต่ตนเองก็ไม่ให้รู้ความจริง

นิพพานนั้นมีบ้านมีเมือง  มีธรรมกาย(อายตนะนิพพาน) และพระวิญญาณบริสุทธิ์(กายทิพย์สัมโภคกาย)ที่เรียกว่า พระอรหันต์โพธิสัตว์อาศัยอยู่  สิ่งนี้เป็นจิตและเจตสิกบริสุทธิ์  ที่ว่างปราศจากกิเลส อยู่ร่วมกัน  เจตสิกบริสุทธิ์ เป็นส่วนที่เป็นกายหรือรูปของท่าน

หรือพูดอีกนัยหนึ่ง  นิพพานและเมืองนิพพาน  เป็นที่อยู่ของสังขารหรือสังขตะบริสุทธิ์ หรือธรรมกาย(อายตนะนิพพาน) และพระวิญญาณบริสุทธิ์(กายทิพย์สัมโภคกาย) โดยจิตของพวกท่านว่างบริสุทธิ์อาศัยอยู่ในร่างสังขตะบริสุทธิ์

ธรรมกายนั้น  ธรรม = จิตว่างบริสุทธิ์ กาย = เจตสิกบริสุทธิ์หรือสังขารบริสุทธิ์
ส่วนปรินิพพาน  เป็นเรื่องของจิตว่างบริสุทธิ์อย่างเดียว  ไม่เอาแล้วเจตสิก  คือ  ไม่สร้างส่วนที่เป็นกายออกมาอีก  และไม่สร้างเมืองนิพพานห่าอะไรออกมาทั้งสิ้น  อยู่เป็นจิตว่างๆในความว่างอย่างเดียว

ดังที่หลวงปู่ดู่เล่าให้ฟังว่า  นิพพานแท้ๆจริงๆแล้ว เป็นความว่าง ไม่มีอะไรเลย อีกท่อนหนึ่ง หลวงปู่ดู่ ก็ยืนยันว่า "แดน พระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก” ...แดนนิพพานที่ไม่มีอะไรเลย  เป็นที่อยู่ของจิตว่างเฉยๆ เรียกว่า  "ปรินิพพาน"

ส่วนนิพพานที่มีบ้านมีเมือง  อันนั้นก็เป็นนิพพานเหมือนกัน  แต่เป็นที่อยู่ของจิตว่างที่สร้างกาย คือ ธรรมกาย และกายทิพย์สัมโภคกาย(พระวิญญาณบริสุทธิ์)   จึงต้องเนรมิตสร้างที่อยู่และเครื่องมือเครื่องใช้ให้กายใช้งาน