A A

14 เมษายน 2558

ใครไม่ได้อ่าน ถ้าเอ็งลงนรกแล้ว ข้าช่วยอะไรเอ็งไม่ได้แล้วนะโว๊ย‏

1.  เถรวาทเอามหายานมาผสม  ก็รอดทุกคน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

อ้างถึง

ก็แนวคิดของมหายานเขา สบายกว่าเราไงท่าน ถ้ามันเป็นจริง เราก็เอามาผสมกัน เราก็พยามนิพพานในชาตินี้เลย แต่ถ้าไม่ได้ ก็หาทางไปฟังธรรมกับพระอมิตาภพุทธเจ้าเอา

tsukino โพสต์

พระพุทธเจ้าของเราเป็นผู้สอนเรื่องพระอมิตาภะพุทธเจ้า และพุทธเกษตรแดนสุขาวดีเองให้พระนางเวเทหิมเหสีคนแรกของพระเจ้าพิมพิสารฟังเอง มีพระอานนท์  พระสารีบุตร  พระมหากัสสปะ และศิษย์ฝ่ายมหาสังฆิกะ  ฟังอยู่เต็มไปหมด .....จะไม่จริงได้อย่างไร

ผมสงสัยอย่างหนึ่ง  ไว้ต้องถามพระพุทธเจ้าว่า  ทำไมท่านไม่ชี้ทางหนีอนันตริยกรรมตัวนี้ให้พระเจ้าอชาติศัตรูรู้  ชี้ให้แต่แม่รู้  แต่ไม่ชี้ให้ลูกรู้  หรืออนันตริยกรรมมันบังตาบังจิตให้พระเจ้าอชาตศัตรูไม่รู้  และให้แม่ตนเองไม่บอกเรื่องแดนสุขาวดีให้ฟัง

เรื่องแดนสุขาวดีนี้  พญามารกลัวว่าจะมีการถูกเปิดเผยอย่างแพร่หลายให้ฝ่ายเถรวาทฟัง  และจะเป็นเหตุให้อำนาจการปกครองของพญามารที่รุ่งเรืองทรุดฮวบลงทันที  เพราะชาวพุทธเถรวาทที่รู้ตัวว่าปฏิบัติหนีนรกและอบายไม่พ้น  จะพากันหนีเข้าไปพึ่งพระอมิตากันหมด

คุณtsukinoฉลาดทางธรรมมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว  จึงสามารถเข้าใจประเด็นได้ชัดแจ้ง   คุณtsukino  จะเล่นผสมผสานเลย  แต่ไม่คิดจะกราบขอบคุณผมเลยนะ  ที่ชี้ทางสว่างให้  ความรู้ของผมมีค่า 100,000 ล้านบาท......  แหม! ไอ้นี่น่าเตะก้านคอจริงๆ

ก็เมื่อปฏิบัติเข้านิพพานในชาตินี้มันลำบาก  เราก็ไปปฏิบัติต่อในแดนสุขาวดีดีกว่ามาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏต่อไป  เพราะแม่งโคตรเสี่ยงเลยว่า  ชาติใดชาติหนึ่ง  กูจะลงนรกอเวจี

พระเยซูพูดถูกแล้วว่า  
จงเข้าไปทางประตูแคบ  เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก

ประตูใหญ่ = ประตูที่ต้องพึ่งตัวเอง  ปฏิบัติเอาเอง ปฏิบัติสำเร็จก็เป็นพระอรหันต์  เข้านิพพาน(สวรรค์นิรันดร)ไป  แล้วในแต่ละยุค ใน 10 ล้านคน  มันมีอรหันต์ไม่ถึง 100 คน = 0.00001%

ประตูแคบ = พึ่งบารมีพระพุทธเจ้าและพระมหาโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

- พึ่งบารมีพระพุทธเจ้าองค์นั้นในศาสนาพุทธคือ พระอมิตาภะพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าฝ่ายขาว ที่เน้นทางเมตตากรุณาสถานเดียว  และ
- พึ่งบารมีอัลเลาะห์
(พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า) ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าฝ่ายดำ หรือฝ่ายเที่ยงธรรม รักษากฎแห่งกรรม  
- พึ่งบารมีพระมหาโพธิสัตว์ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป  คือ
พระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นจิตหนึ่งของพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์(พระอชิตะ) ปางสร้างทานบารมีด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของตนเอง

2.  อนันตริยกรรมมี 2 แบบ ถ้าไม่ได้ฆ่าพ่อแม่  ยังแก้อนันตริยกรรมได้

อ้างอิง

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ จิตเปโม

อธิบายยากจัง
เทวทัต ทำอนันตริยกรรมไปแล้วหลายอย่าง เช่น ยุยงให้สงฆ์แตกกัน กล่าวร้ายพระพุทธเจ้า ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต

มันแก้ไม่ได้แล้ว นอกจากจะไปขอขมาพระพุทธเจ้า แต่ไปไม่ถึงโดนธรณีสูบเสียก่อน

แต่องค์คุลิมาล ยังไม่ได้ฆ่าแม่เพราะพระพุทธเจ้าขัดขวางไว้ แล้วท่านได้บรรลุพระอรหัตผล
ซึ่งปิดการเกิดแล้ว จะไปเกิดที่ไหนได้อีก


ความจริงน่ะปิดอบายภูมิกันตั้งแต่เป็นพระโสดาบันแล้วด้วยซ้ำไปครับ

ตอบ

ขออภัยนะครับ ผมไม่ค่อยเห็นด้วย แม้ว่าเทวทัต ทำอนันตริยกรรมไปแล้วหลายอย่าง เช่น ยุยงให้สงฆ์แตกกัน กล่าวร้ายพระพุทธเจ้า ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต

แต่ว่าเทวทัตสำนึกบาป เพียงแต่ที่เทวทัตทำไม่ทันคือ ไม่ได้ตั้งจิตเจตนาว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป กูจะไม่ทำบาปเช่นนั้นอีก ซึ่งเป็นหลักการก้าวล่วงบาปกรรม และเป็นหลักการไถ่โทษบาปที่ทุกศาสนากล่าวไว้ตรงกัน ต้องทำให้ครบ 2 ข้อนี้ จึงจะไถ่โทษบาปได้

เพราะว่า บาปยุยงให้สงฆ์แตกกันมันก็สลายไปได้ = คืนดีกันเองได้

บาปที่ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิตมันก็สลายไปได้ = แผลของพระพุทธเจ้าหายได้


แต่การฆ่าพ่อของพระเจ้าอชาติศตรู = พ่อคืนมาไม่ได้ จึงไม่มีทางรอดจากอนันตริยกรรม

ถ้าองคุลิมาลฆ่าแม่ = แม่คืนมาไม่ได้ จึงไม่มีทางรอดจากอนันตริยกรรม

อีกอย่าง
องคุลิมาลไม่ได้บรรลุพระอรหัตผลตอนเป็นพระบวชใหม่นะครับ ถึงแม้ว่าตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "กรรมที่จะให้ผลไปหมกไหม้ในนรกเป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นอันท่านได้รับผลในปัจจุบัน" องคุลิมาลตอนนั้นยังไม่ได้บรรลุธรรมห่าอะไรทั้งสิ้น องคุลิมาลไม่ต้องตกนรกหมกไหม้เป็นเวลาหลายหมื่นหลายแสนปี เป็นเพราะเหตุเดียวเท่านั้น คือ ท่านสำนึกบาป และตั้งใจแน่วแน่จริงๆว่าจะไม่ทำบาปนั้นอีก (ทำการก้าวล่วงบาปกรรมอย่างสมบูรณ์)

สรุป

อนันตริยกรรมมี 2 แบบ
1. แบบที่ทำไปแล้ว ทำการก้าวล่วงบาปกรรมไม่ได้ เช่น ฆ่าพ่อฆ่าแม่ด้วยจิตอกุศล
2. แบบที่ทำไปแล้ว ทำการก้าวล่วงบาปกรรมได้ เช่น ยุยงให้สงฆ์แตกกัน หรือทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต

อนึ่ง การกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นบาปขั้นอนันตริยกรรมนะครับ

3.  เงื่อนไขในการเข้าสู่แดนสุขาวดี ให้สำหรับมนุษย์ที่ยังไม่ได้ตาย  ถ้าม่องเท่งไปแล้ว เกมส์มันoverไปแล้ว  เข้าแดนสุขาวดีไมได้จ่ะ

ฉัตรชัย:  หากแม้นว่าระลึกถึงพระอมิตาพระพุทธเจ้า ในสิบขณะจิตด้วยภาวะจิตบริสุทธิ์ และแม้นว่าระลึกได้เพียงหนึ่งขณะจิตเดียวด้วยจิตบริสุทธิ์ก็ย่อมได้เข้าถึงสุขาวดีพุทธเกษตรนั้น หากแต่ในภาวะของโลหะกุมภี หรืออเวจีมหานรก สัตว์นั้นก็หาได้มีสติระลึกได้ไม่เพราะในขณะจิตนั้นย่อมเสวยทุกขเวทนาอยู่ทุกขณะจิตด้วยอกุศลกรรมเสวยอยู่แล ( ความเห็นที่ได้อ่านมาจากหลวงพ่อ )

ตอบ

เงื่อนไขเข้าสู่แดนสุขาวดี  เป็นเงื่อนไขให้กับมนุษย์ที่ยังไม่ตาย  ยังมีโอกาสอยู่  แต่ถ้าม่องเท่งไปแล้ว เกมส์มันoverไปแล้ว  อย่าว่าแต่โลหะกุมภี หรืออเวจีมหานรกเลย  แม้แต่เปรตก็หมดโอกาสแล้ว

คุณฉัตรชัยเมาอยู่หรือเปล่าครับ  ถ้าผู้ที่อยู่ในนรก  สามารถมีสติระลึกได้  คงไม่ลงนรกหรอก  แค่มีสติระลึกท่องคำว่า  พุทโธ หลายๆครั้ง ก่อนตายได้  ก็ไม่ไปในอบายภูมิแล้ว  เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า

   "ผู้ถือเอา
พระรัตนตรัยอันประกอบด้วยอุดมคุณอย่างนี้นั้น ชื่อว่าพ้นจากอบาย ทั้งยังจะได้เกิดในเทวโลก"

  "ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว จักไม่เข้าสู่อบายภูมิ ครั้นละจากอัตภาพของมนุษย์แล้ว ย่อมยังกายของเทพให้บริบูรณ์"

  "ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้ ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้นย่อมไม่มี อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ"

  “คนที่ไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยฟังเทศน์ ไม่เคยยกมือไหว้
นึกถึงชื่อตถาคตอย่างเดียว ตายแล้วไปสวรรค์ไม่ใช่นับร้อย นับพัน นับเป็นโกฏิ
                             
อ้างจาก: ฉัตรชัย พรหมแก

อ่านให้มันละเอียดแล้วค่อย ๆ ตอบก็ได้ครับ ผมเขียนว่า สัตว์นั้นได้รับทุกขเวทนาอยู่ทุกขณะจิต แล้ว สัตว์นั้น จะเอาขณะจิตใดมาระลึกถึงบุญกุศลได้อ่ะครับท่าน

ผมน่ะอ่านดีแล้ว  หลวงพ่อองค์นั้นสอนผิด หรือสอนถูกก็ไม่รู้  แต่ที่รู้แน่ๆ คือคุณมั่ว  คนที่ทำอนันตริยกรรมบนโลก  เขายังไม่ได้รับทุกขเวทนาอยู่ทุกขณะจิต จึงมีสิทธิบริกรรมระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้า 10 ครั้งได้ 
คุณโดนมารสิงอยู่  และกำลังเป็นเครื่องมือของมาร  มารเขาต้องการให้คนหลงผิด  แล้วให้คุณช่วยพาคนอื่นหลงผิดด้วย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น