A A

15 เมษายน 2558

พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นพระเจ้า แต่ยอมลงมาอยู่ใน 31 ภพภูมิ สุดท้ายก็กลับไปเป็นพระเจ้าใหม่ เพราะอะไรกัน???

จากเดิมเราเคยเป็นพระเจ้า ที่จิตว่างไม่มีทุกข์ พวกเรายอมลงมาเป็นจิตสังขารที่จิตไม่ว่างและมีทุกข์  และอยู่ในทุกภพภูมิ  สุดท้ายเราก็จะกลับไปเป็นพระเจ้าใหม่ เพราะอะไรกัน???    อาจารย์ชิงไห่และผม Phonsak จะช่วยกันอธิบาย

ถาม: ท่านอาจารย์ ทำไมเราจึงยังคงตกมาที่โลกนี้อีก? ทำไมเราจึงไม่สามารถคงอยู่ในรูป จิตสำนึกที่บริสุทธิ์ดังเดิม สำหรับผู้ที่ตั้งแต่แรกเริ่มไม่ต้องการที่จะมาเกิด ฉันเข้าใจในเรื่องกรรม แต่ว่ากรรมเป็นหนี้และเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพระผู้สร้างหรือเปล่า? ทำไมพระองค์จึงต้องการให้เราได้รับทุกข์จากกรรมมากเช่นนั้น?

อนุตราจารย์ชิงไห่ตอบ: 1. พระองค์ไม่ได้ต้องการ เราต่างหากที่ต้องการ นั่นคือส่วนหนึ่งของการตกลงกัน เพื่อว่าเราจะได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นพระเจ้า และความไม่เป็นพระเจ้า เพื่อว่าเราจะได้รู้จักแสง เมื่อเรากลับคืนสู่แสงอีกครั้งหนึ่ง เราจงใจไปสู่ความมืดเพื่อว่าเราจะได้รู้จักแสงซึ่งสว่างเต็มที่ สำหรับผู้ที่ไม่เคยต้องการไปจากสวรรค์พวกเขาก็ไม่ได้มาที่นี่ มีบางคนอาจารย์บางคนที่ไม่เคยไปจากสวรรค์เลย นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน บางคนจากสวรรค์เพื่อมายังที่นี่ มาสอนเรา บางคนก็ได้กลับชาติมาเกิดหลายครั้งหลายหนและได้กลายเป็นอาจารย์ เรามีทางเลือกของเรา เราเลือกเพราะเราต้องการเช่นนั้น

2. มีคำตอบมากมายในเรื่องนี้ แต่พูดโดยสรุปมีจุดมุ่งหมายหลัก 2 อย่างที่เรามีกรรม เรื่องแรกก็คือเราต้องการรู้จักพระเจ้า เรามีจุดมุ่งหมายมายังที่นี่โดยมีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อให้ได้รู้จักพระเจ้า มีบางครั้งเรามีชีวิตอยู่ในสวรรค์ซึ่งเต็มไปด้วยแสง ทุกคนเป็นนักบุญ ทุกคนเป็นพระเจ้า แล้วเราก็พูดว่า
พระเจ้า พระเจ้าคืออะไรกัน?” พระเจ้าจึงพูดกับเธอว่า เธอคือพระเจ้า พระเจ้าคือเธอ พระเจ้าคือสิ่งนั้น ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร พระองค์พูดว่า เธอคือแบบนี้ มันคือพระเจ้า แต่วิญญาณก็ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้และได้ถามพระเจ้าว่า ฉันจะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไร? ฉันจะรู้ว่าตัวฉันเป็นพระเจ้าได้อย่างไร?” พระเจ้าได้บอกเขาว่า ถ้าเช่นนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างจากพระเจ้า แตกต่างจากตัวเธอก่อน แล้วเมื่อเธอมองย้อนหลังเธอก็จะทราบด้วยเหตุนี้เราจึงได้ลงมายังที่นี่ จุดมุ่งหมายที่เรามายังที่นี่ก็เพื่อจะรู้จักตัวเราให้ดีขึ้น

ผมจะอธิบายสิ่งที่อาจารย์ชิงไห่ตอบทีละข้อ

1. สำหรับผู้ที่ไม่เคยต้องการไปจากสวรรค์พวกเขาก็ไม่ได้มาที่นี่ มีบางคนอาจารย์บางคนที่ไม่เคยไปจากสวรรค์เลย ตอบ เช่น เง็กเซียนฮ่องเต้

บางคนจากสวรรค์เพื่อมายังที่นี่ มาสอนเรา ตอบ เช่น พระเยซู

บางคนก็ได้กลับชาติมาเกิดหลายครั้งหลายหนและได้กลายเป็นอาจารย์ ตอบ เช่น พระพุทธเจ้า


2. พวกเราจิตทั้งหมดแรกเริ่มเป็นพระเจ้า(จิตอรหันต์) หรืออสังขตธาตุ หรือนิพพานธาตุ แสดงออกเป็นแสงสว่างเต็มที่ สิ่งนี้เป็นความว่าง หรือเป็นจิตที่ปล่อยวางแล้ว สิ่งนี้ไม่มีทุกข์ และเราก็อยู่เป็นภาวะที่ดีที่สุดอยู่แล้ว คือ เป็นจิตว่างสงบและสว่าง แต่เนื่องจากไม่มีสิ่งอื่นใดมาเปรียบเทียบให้เรารู้เห็นจริงๆให้มันชัดๆ เราจึงยังกังขาอยู่ เหมือนเราจะรู้ว่านี่สีขาว ก็ต้องมีสีดำและสีอื่นๆมาเปรียบเทียบให้เห็น เราจึงจะรู้ว่าไอ้นี่คือสีขาว

แล้วเราจะรู้ว่า จิตที่ว่างปล่อยวางทุกอย่างเป็นภาวะที่ดีที่สุดแล้วได้ ก็ต้องมีภาวะอื่น ที่จิตไม่ปล่อยวาง ทำให้มีทุกข์มากและทุกข์น้อยมาเปรียบเทียบให้เรารู้เห็น เราจึงจะยอมรับ

3. เราซึ่งเป็นพระเจ้า(จิตอรหันต์)หรืออสังขตธาตุ ได้สร้างตัวเราซึ่งเป็นสังขตธาตุ(จิตที่ไม่ใช่อรหันต์หรือจิตสังขารขึ้นมา และให้จิตที่ไม่ใช่อรหันต์หรือจิตสังขาร ไม่อยู่ในสภาวะเดียวกับเราซึ่งเป็นพระเจ้า(จิตอรหันต์) หรืออสังขตธาตุ คือ ให้จิตเหล่านี้ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ให้มีสุข(ทุกข์น้อย) และมีทุกข์(ทุกข์มาก) จากผลบุญผลกรรมของตัวเองไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดเพื่อจะได้มาเปรียบเทียบกับตัวเราเองที่เป็นพระเจ้า(จิตอรหันต์)หรืออสังขตธาตุ(นิพพานธาตุ) หลังจากทุกจิตสังขารใช้ชีวิตอยู่ในทุกภพภูมิ จนเบื่อแล้วอยากกลับบ้านเป็นพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ดังที่ท่านอาจารย์ชิงไห่เขียนในในตอนท้ายดังนี้


อนุตราจารย์ชิงไห่ตอบต่อ:

อีกคำตอบหนึ่งก็คือเนื่องจากการสร้างโลกยังไม่ได้เริ่มต้น ไม่มีอะไรปรากฏในโลกนี้หรือในโลกอื่นๆ พระเจ้าจึงได้สร้างแผนการขึ้น พระองค์ต้องการให้การสร้างโลกนั้นเกิดขึ้นมาให้เป็นจริงขึ้นมาและให้เรามีส่วนร่วม เรามีความสุขที่ได้เล่นทุกส่วนของการออกแบบอันยิ่งใหญ่เพียงเพื่อความสนุกสนาน เพียงเพื่อทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น บางคนก็เล่นส่วนของเขาอย่างรู้ตัว และเพื่อจุดมุ่งหมายที่ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้กลายเป็นพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาจะได้รู้จักพระเจ้าอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะรู้จักพระเจ้า พวกเขาต้องเล่นบทบาทที่แตกต่างกันมากมาย และบทบาทหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับอีกบทบาทหนึ่ง เหมือนอย่างเช่นในภาพยนตร์เธอมีตัวเอก เธอมีตัวประกอบและอะไรแบบนั้น มิฉะนั้นแล้วมันก็จะไม่สำเร็จ ดังนั้นตอนนี้กรรมของเราจึงรู้สึกหนักมากและไม่มีเหตุผลเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนั้นสำหรับเราแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะเราคือพระเจ้า เราไม่ได้เห็นความทุกข์ยาก เราไม่ทราบปัญหา เราไม่ได้มองดูอุปสรรคว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนา

สำหรับเราแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่การละเล่น จนกระทั่งเราได้มาเล่นจริงๆ เราจึงรู้สึกถึงความทุกข์นั้น แต่นั่นก็คือส่วนหนึ่งของเกม ส่วนหนึ่งของแผนของจักรวาล ถ้าเราไม่เล่นบทบาทของเรา เราก็จะไม่ดำรงอยู่ จะไม่มีอะไรที่นี่ ฉันจะไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ได้นั่งอยู่ที่ตรงนั้น เธอจะไม่เป็นคนผมบลอนด์ ฉันจะไม่เป็นคนผมดำ จะมีอะไรล่ะ
? ทุกอย่างจะธรรมดามาก มันก็นับว่าดี ด้วยเหตุนี้อาจารย์ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งหลายจึงพูดว่าทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์นั้นมีความสมบูรณ์พร้อม

พระเยซูได้กล่าวว่าพวกเธอทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า พวกเขาได้ตระหนักว่าไม่มีอะไรที่จะต้องทำ ทุกคนนั้นสมบูรณ์พร้อม แต่เรายังไม่ได้ตระหนักในเรื่องนี้ เราจึงมีความทุกข์ เราจะต้องตระหนักรู้แบบเดียวกันกับที่พวกเขารู้ แล้วเราจึงจะรู้ว่าทำไม แล้วเราจะมองดูความทุกข์ว่าไม่ใช่ความทุกข์ มันยังคงเป็นความทุกข์ มันยังคงเจ็บปวดเมื่อใครบางคนหยิกเธอ แต่เธอเข้าใจว่ามันเป็นเพียงเพื่ออะไรบางอย่าง เธอไม่รู้สึกทุกข์ เธอไม่จมลงไปในความทุกข์ เพียงแต่ลอยขึ้นมาอยู่เหนือความทุกข์

อธิบาย:

4. พระเจ้าก็คือมนุษย์ที่จิตไม่คิดปรุงแต่งสิ่งใดให้เป็นทุกข์ จิตจะว่างและวางจากการเอาเรื่องภายนอกทั้งหมด มานึกคิดให้ตนเองเป็นทุกข์

คัมภีร์อุปนิษัท กล่าวว่า

"เราเปล่าเปลี่ยว เพราะมีมาก่อนสรรพสิ่งและดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครมาทำให้แปรผันได้ เราคืออมตะแต่ก็ไม่ทรงสภาวะอมตะ สามารถเล็งเห็นทุกอย่าง และไม่สามารถเล็งเห็น เราคือพรหม และเรามิใช่พรหม" = เราคือพระเจ้า และเราคือสรรพชีวิตในทุกภพภูมิ เราต้องอยู่ในจักรวาลตามลำพัง เราพระเจ้าจึงส่งตัวเองมาเป็นมนุษย์และสรรพชีวิตอื่นๆ ที่ยังมีทุกข์ และเป็นอนิจจัง เพื่อให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ไปสู่ความเป็นพระเจ้าที่เป็นอมตะและไม่มีทุกข์ โดยฝึกตัวเองให้ถึงขั้น ที่รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ทุกอย่างก็สักแต่ว่าทั้งนั้น ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้น

0 comments:

แสดงความคิดเห็น