มี เขา กะ
เรา ในตอนนี้เท่านั้น เมื่อเข้าปรินิพพาน
เป็นจิตว่างจากสิ่งสมมุติทั้งหลาย เขา
กะ เรา มันก็หายไป เมืองพระนิพพานก็เป็นสิ่งสมมุติที่จิตมหาบริสุทธิ์สร้างขึ้นมาเช่นกัน
มันก็หายไปในชั้นปรินิพพาน กลายเป็นจิตว่างอย่างเดียว
แดนนิพพานแท้(ปรินิพพาน)จึงกลายเป็นสิ่งเดียวกันกับทุกจิต คือเป็นความว่าง
ความว่างนั้นทำให้จิตมหาบริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าพระเจ้าหรือซาตาน พระพุทธเจ้าหรือสาวกเมื่อเข้าสู่ปรินิพพาน มันก็เป็นจิตว่างทั้งนั้น
ความว่างในจิตนั้น นำความเสมอภาคมาให้ทุกอย่าง ชนชั้นไม่มีในความว่าง ทุกข์สุขไม่มีในความว่าง รวยจนไม่มีในความว่าง
หลวงตามหาบัวจึงเทศน์ว่า "พระพุทธเจ้า พระธรรมพระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นั่นมันเป็นแล้วนะนั่น พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันเดียวกันแล้วนะนั่น"
เราล้วนเป็นความว่าง เราต้องอยู่ในดินแดนแห่งความว่างชั่วนิรันดร แม้ว่าเราไม่เคยทุกข์ ไม่เคยเกิดแก่เจ็บตาย เมื่อเราเป็นความว่าง แต่เราก็อยากลองใช้ชีวิตแบบอื่นที่ไม่ได้เป็นความว่างบ้าง และใช้ชีวิตที่มี เขา กะ เรา บ้าง ซึ่งเราอาจจะชอบก็ได้
ด้วยฤทธานุภาพที่เรามีในการควบคุมเนรมิตแดนแห่งความว่างให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น เราจึงเนรมิตสร้างโลกและจักรวาล เนรมิตสร้างสวรรค์นรกและภูมิอื่นๆขึ้นมา 31 ภพภูมิ และก็เนรมิตสร้างสวรรค์นิรันดร(เมืองนิพพานสำหรับผู้มีกายอมตะ)ขึ้นมาด้วย
- ใครชอบอยู่ในแดนอมตะที่ไม่มีสมมุติ(เป็นความว่างอย่างเดียว)ก็เชิญอยู่ไป
- ใครชอบอยู่ในแดนอมตะที่เป็นสมมุติที่ไม่มีวันทุกข์ไม่มีวันตาย (สวรรค์นิรันดร เมืองนิพพานสำหรับผู้มีกายอมตะ)ก็เชิญอยู่ไป
- ใครชอบอยู่ในแดนไม่อมตะในโลก แดนไม่อมตะในสวรรค์ แดนไม่อมตะในพรหมโลก แดนไม่อมตะในนรก ฯลฯ ใครชอบใครรักสิ่งไหน ก็เลือกอยู่สิ่งนั้นไป
เพราะเราต้องอยู่ในนี้ชั่วนิจนิรันดร การไปอยู่ที่อื่นแม้จะชั่วกัลปาวสาน ก็ยังน้อยกว่าชั่วนิจนิรันดร แต่จุดมุ่งหมายสุดท้ายของเรา เราอาจต้องการเลือกอยู่เป็นจิตว่างเฉยๆเหมือนเดิมก็ได้ เพราะที่นั่นมีแต่สันติสุข จิตของเราไม่นึกนำเข้าสิ่งใด และไม่นึกส่งออกสิ่งใดออกไปจากความว่างทั้งนั้น
ความว่างนั้นทำให้จิตมหาบริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าพระเจ้าหรือซาตาน พระพุทธเจ้าหรือสาวกเมื่อเข้าสู่ปรินิพพาน มันก็เป็นจิตว่างทั้งนั้น
ความว่างในจิตนั้น นำความเสมอภาคมาให้ทุกอย่าง ชนชั้นไม่มีในความว่าง ทุกข์สุขไม่มีในความว่าง รวยจนไม่มีในความว่าง
หลวงตามหาบัวจึงเทศน์ว่า "พระพุทธเจ้า พระธรรมพระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นั่นมันเป็นแล้วนะนั่น พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันเดียวกันแล้วนะนั่น"
เราล้วนเป็นความว่าง เราต้องอยู่ในดินแดนแห่งความว่างชั่วนิรันดร แม้ว่าเราไม่เคยทุกข์ ไม่เคยเกิดแก่เจ็บตาย เมื่อเราเป็นความว่าง แต่เราก็อยากลองใช้ชีวิตแบบอื่นที่ไม่ได้เป็นความว่างบ้าง และใช้ชีวิตที่มี เขา กะ เรา บ้าง ซึ่งเราอาจจะชอบก็ได้
ด้วยฤทธานุภาพที่เรามีในการควบคุมเนรมิตแดนแห่งความว่างให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น เราจึงเนรมิตสร้างโลกและจักรวาล เนรมิตสร้างสวรรค์นรกและภูมิอื่นๆขึ้นมา 31 ภพภูมิ และก็เนรมิตสร้างสวรรค์นิรันดร(เมืองนิพพานสำหรับผู้มีกายอมตะ)ขึ้นมาด้วย
- ใครชอบอยู่ในแดนอมตะที่ไม่มีสมมุติ(เป็นความว่างอย่างเดียว)ก็เชิญอยู่ไป
- ใครชอบอยู่ในแดนอมตะที่เป็นสมมุติที่ไม่มีวันทุกข์ไม่มีวันตาย (สวรรค์นิรันดร เมืองนิพพานสำหรับผู้มีกายอมตะ)ก็เชิญอยู่ไป
- ใครชอบอยู่ในแดนไม่อมตะในโลก แดนไม่อมตะในสวรรค์ แดนไม่อมตะในพรหมโลก แดนไม่อมตะในนรก ฯลฯ ใครชอบใครรักสิ่งไหน ก็เลือกอยู่สิ่งนั้นไป
เพราะเราต้องอยู่ในนี้ชั่วนิจนิรันดร การไปอยู่ที่อื่นแม้จะชั่วกัลปาวสาน ก็ยังน้อยกว่าชั่วนิจนิรันดร แต่จุดมุ่งหมายสุดท้ายของเรา เราอาจต้องการเลือกอยู่เป็นจิตว่างเฉยๆเหมือนเดิมก็ได้ เพราะที่นั่นมีแต่สันติสุข จิตของเราไม่นึกนำเข้าสิ่งใด และไม่นึกส่งออกสิ่งใดออกไปจากความว่างทั้งนั้น
0 comments:
แสดงความคิดเห็น