A A

22 มีนาคม 2558

ทำทาน กับ ทำบุญ มันต่างกันตรงไหน

อ้างจาก: nAn

ทำทาน กับ ทำบุญ มันต่างกันตรงไหนคะ ป๋าพอลล์
ฟังธรรมมาว่า  พระสงฆ์ก็มีอาชีพ คือ อาชีพขอทาน  

คุณแนนถามได้ดีมาก  คนทั่วไปจะคิดว่า ทำทาน กับ ทำบุญ เหมือนกัน  แต่จริงๆไม่เหมือนกัน

ทำทานเป็นการให้เงิน ทรัพย์สิน และความช่วยเหลือแก่คนอื่นที่เขากำลังทนทุกข์จากวิบากกรรมของเขา  เช่น


1. คนที่กำลังรับวิบากกรรมของเขาโดยเป็นขอทาน  เราเอาเงินซึ่งเป็นบุญของเรา  เอาไปให้ขอทาน  เท่ากับช่วยทำให้เขาพ้นจากวิบากกรรมของเขาที่ต้องได้รับไป  โดยเราเข้าไปรับวิบากกรรมนั้นของเขาแทน  เพราะเงิน(บุญ)ของเรา  เราไปให้เขาแล้ว  บุญระยะสั้นของเราก็หายไป  เกิดเป็นบุญใหม่ที่ใหญ่ขึ้นเป็น 10,000-100,000 เท่าแทน  แต่จะได้รับผลในอีก 20-30 ปี หรือในชาติต่อๆไป

2. คนตาบอดกำลังรับวิบากกรรมของเขา  เราไปทำทานช่วยเขาข้ามถนน  เขาจึงปลอดภัย  แต่เราเสียเวลาข้ามถนนนานขึ้นหลายวินาที การช่วยคนตาบอดข้ามถนนจึงเป็นการช่วยลดกรรม(วิบากกรรม)ของเขาลง

3. สัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าตาย เราไปทำทานไถ่ชีวิตสัตว์  สัตว์นั้นจึงไม่ตาย = เราช่วยลดกรรม(วิบากกรรม)ของสัตว์นั้นลง

ทานก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง  เพราะ บุญ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิตใจใสสะอาด ปลดกิเลสตัณหาลง ซึ่งมี 3 อย่าง


1) ทาน คือการบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้  ซึ่งคือผู้อื่นที่กำลังรับวิบากกรรมของเขาอยู่  ส่วนที่เราไปทำบุญ 9 วัด  หรือทำบุญตักบาตร  ผู้ที่กำลังรับวิบากกรรมไม่ใช่พระนะครับ พระรับวิบากกรรมนิดหน่อย  แต่เป็นตัวเราเองที่กำลังรับวิบากกรรม  เราอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะผลกรรมนั้นยังมาไม่ถึงเรา  พระเหล่านั้นเป็นตัวกลางนำบุญกุศลของเราไปให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรของเรา  เคราะห์ร้ายของเราในปัจจุบัน และในอนาคต  จึงลดความรุนแรงลง

2) ศีล คือการสำรวมกาย วาจา ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น


3) ภาวนา คือการสวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ


สรุป

บุญ คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้  คือ ตัวเราเองและเหล่าเจ้ากรรมนายเวรของเรา  เราและเจ้ากรรมนายเวรของเรา  เป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรง   เพราะเป็นการที่เราจ่ายหนี้กรรมคืนให้เจ้าหนี้ คือ เจ้ากรรมนายเวรของเรา  ส่วนพระเป็นแค่ตัวกลางเท่านั้น

ทาน คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้  คือ ผู้คนที่กำลังตกทุกข์ และ เหล่าเจ้ากรรมนายเวรของเขา ดังนั้นผู้คนที่กำลังตกทุกข์ และ เหล่าเจ้ากรรมนายเวรของเขา เป็นผู้รับผลประโยชน์  แต่บุญนั้นตกถึงเราผู้เสียสละด้วย  พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องทำทานบารมี  ต้องช่วยผู้คนอื่นทั้งนั้น

- บุญก็จะกลับเข้าหาคนทำด้วย ถ้าทำบุญบารมีอย่างเดียว = ช่วยตนเองเท่านั้น  
- พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีสิทธิ์เลือกได้ว่า จะครองทรัพย์สมบัติทางโลก  หรือจะไม่ครองสมบัติทางโลก  ถ้าไม่ครองสมบัติทางโลก  ก็เป็นขอทานที่ไม่มีความทุกข์ไป  เพราะจิตของพวกท่านว่างเปล่าพ้นการยึดติดสิ่งใดในโลกแล้ว  ความทุกข์จึงไม่มี  มีแต่ความว่าง

ความว่าง = ความไม่ทุกข์

- สวรรค์ที่มี 6 ชั้น  
ชั้นดุสิต เป็นชั้นของผู้ที่ช่วยคนอื่น = โพธิสัตว์ ผู้ชอบสร้างทานบารมี   ส่วนสวรรค์ขั้นอื่นๆเป็นชั้นของผู้ชอบทำบุญบารมีมากกว่าทานบารมี

0 comments:

แสดงความคิดเห็น