A A

8 มีนาคม 2558

รู้ได้จริงว่าสติปัฏฐาน+พุทโธคืออะไร? ก็รู้แล้วว่า เดิมตนเองเป็นอรหันต์(พระเจ้า)

สติปัฏฐาน  ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องมีสติ ตั้งมั่นแน่วแน่ให้มีสติอยู่เสมอ  เพราะสติปัฏฐาน แปลว่า สติที่ตั้งมั่น  แล้วมีสัมมาสติระลึกรู้  สติระลึกรู้นั้นจะพ้นจากการคิดโดยตั้งใจ แต่เกิดจากจิตจำสภาวะเดิมแท้จริงของตนได้ แล้วระลึกรู้โดยอัตโนมัติได้เอง 

- คำว่า "สติ" หมายถึงความระลึกรู้  
- "ปัฏฐาน" ใน​​มหาสติปัฏฐานสูตร​ ​และ​ ​สติปัฏฐานสูตร​ ​หมาย​ถึง​ ​ความตั้งมั่น, ความแน่วแน่, ความมุ่งมั่น
- 
จิตจำสภาวะเดิมแท้จริงของตนได้ แล้วระลึกรู้โดยอัตโนมัติได้เอง จำสภาวะเดิมแท้จริงได้คืออะไร?

ก็จำสภาวะเดิมเบื้องต้นของพวกเราได้ว่า  พวกเราทั้งหมดนั่นแหละ แท้จริงเป็นจิตปภัสสร  เป็นพุทธะ = แท้จริงเราเป็นอรหันต์  แท้จริงเราเป็นพระเจ้า(พระบุตร)อยู่แล้ว  เราแค่ลงมาเล่นเกมส์ค้นหาตัวเองให้พบเท่านั้น  

- ถ้าเราพบโดยการปฏิบัติได้จริง  เราก็จะได้กลับนิพพาน(สวรรค์นิรันดร)บ้านเดิมของเราสักที   
- ถ้าเราไม่สามารถปฏิบัติได้จริง  เราก็ยังไม่พบตัวเราเองที่เป็นจิตปภัสสร  เป็นพระอรหันต์  ดังนั้นเราก็ยังกลับบ้านเก่าที่ไม่มีทุกข์ไม่ได้  เราจึงต้องวนเวียนเล่นเกมเวียนว่ายตายเกิดนี้ต่อไปใน 31 ภพภูมิ  

+++  ถ้าเป็นในศาสนาพุทธมหายานนิกายสุขาวดี   ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม  เขาก็ต้องอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างๆที่ไม่ใช่ชั้นสูงสุดในศาสนานั้นต่อไปเรื่อยๆ  เนื่องจากสวรรค์ของศาสนาทั้ง 3 - พุทธมหายานนิกายสุขาวดี คริสต์ อิสลาม  สวรรค์ของเขาเป็นพุทธเกษตรที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีก  จึงไม่ต้องลงมาเกิดรับกรรมเป็นมนุษย์อีก  +++

คำว่า "พุทโธ" ที่แปลว่า รู้แล้ว ตื่นแล้ว เบิกบานแล้ว หมายถึงอะไรกันแน่? 

คำว่า "พุทโธ" ที่แปลว่า รู้แล้ว ตื่นแล้ว เบิกบานแล้ว  ก็หมายถึง เราได้ปัญญาเห็นแจ้งสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงแล้ว  เราจึงเบิกบานมีความสุขบริสุทธิ์ที่แช่มชื่นปราศจากกิเลสทั้งปวงแล้ว 

เราเคยชินกับความสุขทางโลกที่ได้จากการเสพกิเลสตัณหามานาน  พอไปปฏิบัติสมาธิ  เราก็พบกับความสุขจากฌานในแต่ละระดับอีก  เราจึงมองไม่เห็นความสุขบริสุทธิ์แช่มชื่นจากความว่าง ไม่เสพอะไรเลย

ความจริงของเรื่องนี้ก็คือ เรามีตัวเราอีกตัวหนึ่งหรืออีกจิตหนึ่ง ที่เป็นพระอรหันต์ดับทุกข์ได้แล้ว  นอนรอเราอยู่ในนิพพาน  แต่เราก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเป็นท่านสักที  ตัวจริงของเราที่เป็นอรหันต์จึงต้องรอเก้อเป็นล้านๆๆๆๆๆๆปี  เพราะเราที่เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม เป็นเปรต เป็นสัตว์นรก หลงอยู่ในความฝันไม่ยอมตื่น  

กิเลสตัณหาและอวิชชาเป็นตัวทำให้เราฝันอยู่  และฝันไปเรื่อยๆในสังสารวัฏ  ข้ามภพข้ามชาติไปไม่มีวันสิ้นสุด  คือ ไม่ยอมตื่นขึ้น  เพื่อกลับเข้าไปในโลกนิพพาน ซึ่งเป็นสวรรค์นิรันดร

ตราบใดที่เรา(จิตสังขารไม่บริสุทธิ์อยู่ในโลกนี้)  ยังคงอยู่ในความฝันเสมือนจริงในโลกมนุษย์และใน 31 ภพภูมิ  ตราบนั้นเรา(จิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในโลกนิพพาน)ก็ตื่นขึ้นไม่ได้

พระพุทธเจ้าเตือนเราตลอดและเสมอให้ตื่นขึ้น  ให้รู้ตัวได้แล้ว  เมื่อเราทำสมถะหรือวิปัสสนากรรมฐานด้วยคำบริกรรมว่า "พุทโธ" แต่เราก็ไม่เคยสนใจเลยว่า  คำบริกรรม "พุทโธ" คืออะไรกันแน่  แล้วพระพุทธเจ้ายังเตือนเราอีกด้วยในความหมายของคำว่า "สติปัฏฐาน"  แต่กิเลสตัณหาหรือมารในใจของเรา  ก็ทำให้พวกเราก็ไม่เคยใส่ใจจะหาความหมายแท้จริงของคำว่า "สติปัฏฐาน" และ "พุทโธ" เลย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น