พญามารตัวใหญ่สุด
= อวิชชา ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในจิตใต้สำนึกของสรรพชีวิตใน
31 ภพภูมิ พญามารตัวใหญ่สุด เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
อภิสังขารมาร - ความคิดนึก อันประกอบกับอารมณ์ของเรา
ความคิดนึกจากอารมณ์ เป็นหัวหน้าพญามารที่ใหญ่ที่สุด
การเข้านิพพาน คือ การเข้าไปในแดนแห่งความนึกคิดที่ไม่มีอารมณ์โลภ โกรธ หลง นี่แหละคือ เมืองนิพพาน หรือสวรรค์นิรันดร
- โลกและปรโลก ทั้ง 31 ภพภูมิ ล้วนเป็นโลกแห่งความนึกคิดจากอารมณ์ อารมณ์ยิ่งน้อยยิ่งพ้นอำนาจพญามาร จึงกล่าวได้ว่า สังสารวัฏทั้ง 31 ภพภูมิ ยังหนีพญามารที่เป็นอวิชชา หรืออภิสังขารมารไม่พ้น
ในโลกนี้ ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้ใดเข้าใจความลับสูงสุดของพระพุทธศาสนาเรื่องนี้ไหม???
- เมืองนิพพาน หรือโลกนิพพาน เป็นเมืองหรือโลกแห่งความนึกคิด ที่ปราศจากอารมณ์ อวิชชา พญามารจึงไม่มีอำนาจในเมืองนิพพาน พูดง่ายๆ อภิสังขารมาร ไม่มีอำนาจในเมืองนิพพาน
- นิพพาน เป็นคนละตัวกับ ปรินิพพาน ปรินิพพาน นั้นเป็นจิตที่ว่างเฉยๆ ดำรงอยู่ในความว่าง ที่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เสพอยู่แต่ความสงบและว่างเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุขใดๆจะหาเท่าความสงบนั้นไม่มี" หรือ "ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ"
พระศาสดาตรัสด้วยว่า
" ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร
ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโค
บุคคลย่อมเศร้าโศกเพราะมีสิ่งยึดมั่นถือมั่น
เมื่อปล่อยวางได้แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่น ความทุกข์ก็ไม่มี ความโศกก็สิ้นสูญ"
นิพพาน - ไม่ยึดถือกายและจิตมนุษย์ เป็นตัวตนของเราแล้ว จึงเกิดตัวตนที่อยู่ถาวรไม่มีทุกข์ออกมา เรียกว่า ธรรมกาย และสัมโภคกาย
ปรินิพพาน - ไม่ยึดถือแม้ธรรมกาย และสัมโภคกายว่าเป็นตัวตนของเราแล้ว เลยกลายเป็นจิตว่างอย่างเดียว
แต่ไม่ว่าจะมีตัวตนเป็นธรรมกายและสัมโภคกาย(กายทิพย์อมตะ) หรือเป็นจิตว่างอย่างเดียว มันก็สุขพอๆกัน เพราะใจมันว่างและสงบจากสิ่งภายนอกแล้ว จะ นิพพาน หรือจะ ปรินิพพาน ก็ช่างแม่งมัน ผมแค่มาเปิดเผยความลับสูงสุดของพุทธศาสนาเท่านั้น ใครจะรู้ จะสนใจ หรือไม่สนใจ ผมไม่สนใจทั้งนั้น ช่างแม่งมันอย่างเดียว
ปีพ.ศ. 3000 พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์(พระอชิตะ)ท่านต้องมาเองแล้วนะครับ จะมาใช้ผม Phonsak โดยบอกว่า เข้าถึงความเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์เช่นเดียวกัน จะอ้างอย่างนี้ ไม่ได้แล้วนะครับ หน้าที่เปิดเผยเรื่องที่เป็นใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า เป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมช่วยท่านได้แค่ชาตินี้ชาติเดียว
ความคิดนึกจากอารมณ์ เป็นหัวหน้าพญามารที่ใหญ่ที่สุด
การเข้านิพพาน คือ การเข้าไปในแดนแห่งความนึกคิดที่ไม่มีอารมณ์โลภ โกรธ หลง นี่แหละคือ เมืองนิพพาน หรือสวรรค์นิรันดร
- โลกและปรโลก ทั้ง 31 ภพภูมิ ล้วนเป็นโลกแห่งความนึกคิดจากอารมณ์ อารมณ์ยิ่งน้อยยิ่งพ้นอำนาจพญามาร จึงกล่าวได้ว่า สังสารวัฏทั้ง 31 ภพภูมิ ยังหนีพญามารที่เป็นอวิชชา หรืออภิสังขารมารไม่พ้น
ในโลกนี้ ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้ใดเข้าใจความลับสูงสุดของพระพุทธศาสนาเรื่องนี้ไหม???
- เมืองนิพพาน หรือโลกนิพพาน เป็นเมืองหรือโลกแห่งความนึกคิด ที่ปราศจากอารมณ์ อวิชชา พญามารจึงไม่มีอำนาจในเมืองนิพพาน พูดง่ายๆ อภิสังขารมาร ไม่มีอำนาจในเมืองนิพพาน
- นิพพาน เป็นคนละตัวกับ ปรินิพพาน ปรินิพพาน นั้นเป็นจิตที่ว่างเฉยๆ ดำรงอยู่ในความว่าง ที่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เสพอยู่แต่ความสงบและว่างเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุขใดๆจะหาเท่าความสงบนั้นไม่มี" หรือ "ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ"
พระศาสดาตรัสด้วยว่า
" ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร
ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโค
บุคคลย่อมเศร้าโศกเพราะมีสิ่งยึดมั่นถือมั่น
เมื่อปล่อยวางได้แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่น ความทุกข์ก็ไม่มี ความโศกก็สิ้นสูญ"
นิพพาน - ไม่ยึดถือกายและจิตมนุษย์ เป็นตัวตนของเราแล้ว จึงเกิดตัวตนที่อยู่ถาวรไม่มีทุกข์ออกมา เรียกว่า ธรรมกาย และสัมโภคกาย
ปรินิพพาน - ไม่ยึดถือแม้ธรรมกาย และสัมโภคกายว่าเป็นตัวตนของเราแล้ว เลยกลายเป็นจิตว่างอย่างเดียว
แต่ไม่ว่าจะมีตัวตนเป็นธรรมกายและสัมโภคกาย(กายทิพย์อมตะ) หรือเป็นจิตว่างอย่างเดียว มันก็สุขพอๆกัน เพราะใจมันว่างและสงบจากสิ่งภายนอกแล้ว จะ นิพพาน หรือจะ ปรินิพพาน ก็ช่างแม่งมัน ผมแค่มาเปิดเผยความลับสูงสุดของพุทธศาสนาเท่านั้น ใครจะรู้ จะสนใจ หรือไม่สนใจ ผมไม่สนใจทั้งนั้น ช่างแม่งมันอย่างเดียว
ปีพ.ศ. 3000 พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์(พระอชิตะ)ท่านต้องมาเองแล้วนะครับ จะมาใช้ผม Phonsak โดยบอกว่า เข้าถึงความเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์เช่นเดียวกัน จะอ้างอย่างนี้ ไม่ได้แล้วนะครับ หน้าที่เปิดเผยเรื่องที่เป็นใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า เป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมช่วยท่านได้แค่ชาตินี้ชาติเดียว
0 comments:
แสดงความคิดเห็น