1. ฮวงโป กล่าวว่า:
"จิตหนึ่งซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้
เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้
ไม่มีทั้งปรากฏการณ์ อยู่เหนือการเปรียบเทียบทั้งหมด"
จิตหนึ่ง ที่ฮวงโปกล่าวข้างต้น ก็คือ จิตว่างเฉยๆที่ปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกทุกอย่าง) จิตหนึ่งตัวนี้จึงไม่มีทางมีกิเลสตัณหา และไม่มีทางติดกิเลสตัณหาใดๆทั้งสิ้น ศาสนาพุทธเถรวาทเรียกจิตหนึ่งในสภาพที่เป็นความว่างเพียงอย่างเดียวว่า "ปรินิพพาน หรือ ธรรม" ศาสนาพุทธมหายานเรียกว่า "พุทธภาวะเริ่มแรก" หลวงปู่ดู่เรียกว่า "นิพพานจริงๆ, นิพพานแท้" แต่ไม่ใช่สูญนะแก
หลวงปู่ดู่: "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก”
2. จากปรินิพพาน(นิพพานจริงๆ)แต่ไม่ใช่สูญนะแก ที่จิตว่างเฉยๆต้องอยู่กับความว่างชั่วนิจนิรันดร จิตหนึ่งจึงเปล่าเปลี่ยว เพราะจักรวาลล้วนไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่าอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อนกาลเวลา จิตว่างเฉยๆตัวนี้จึงตัดสินใจเปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกต่างๆ) เพื่อจะเริ่มเล่มเกมส์แก้เซ็ง ไม่ต้องการอยู่เป็นจิตว่างเฉยๆชั่วนิรันดรอีกต่อไป
การที่จิตว่างเฉยๆตัวนี้ มีฤทธานุภาพอันไม่จำกัด เริ่มต้น...จิตว่างก็แปลงจิตตัวเองเป็นจิตว่างจากกิเลสตัณหาแทนการเป็นจิตว่างเฉยๆ โดยการเปิดswitchเจตสิกให้มีการคิดนึกปรุงแต่งได้นั่นเองแต่การคิดนึกปรุงแต่งได้นี้ปราศจากกิเลสตัณหาทั้งสิ้น
- หลังจากจิตว่าง(ปรินิพพาน)จะได้แปลงจิตตัวเองเป็นจิตปราศจากกิเลสตัณหาแล้ว จิตหนึ่งก็ยังเนรมิตกายหนึ่งเดียวออกมาให้จิตตนเองอยู่ด้วย เรียกว่า อาทิพุทธะ อันเป็น "ธรรมกายต้นกำเนิด หรือ อายตนะนิพพานต้นกำเนิดหนึ่งเดียว" ต่อมา ธรรมกายหนึ่งเดียวที่มีฤทธานุภาพไร้ขอบเขต ก็แยกร่างธรรมกายออกไปอีกมากมายก่ายกอง นอกจากนี้ เมื่อมีกายแล้ว กายก็ต้องการที่อยู่ จึงต้องเนรมิตสร้างพุทธภูมิขึ้นมาเป็นที่อาศัยของกายธรรมเหล่านี้
- การที่จิตและเจตสิกใดๆ ปราศจากหรือว่างจากกิเลสตัณหา เป็นเหตุให้ตัว ธรรมกายเป็นอมตะ คงอยู่ตลอดกาลชั่วนิรันดร
3. ธรรมกาย(อายะตนนิพพาน)องค์แรก หลังจากเนรมิตสร้างธรรมกายอื่นๆมากมายก่ายกองออกมาแล้ว ธรรมกายเหล่านั้น ต่างก็ไปนั่งในสมาธิสูงสุดขั้นนิโรธเกือบตลอดเวลา เหล่าธรรมกายจึงไปทำงานการสร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเพื่อเล่นเกมส์ค้นหาตัวเองแก้เซ็ง ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้ เหล่าธรรมกาย จึงเนรมิตสร้างตัวเองออกมาอีกตัว เพื่อทำการสร้างทุกสรรพสิ่งใน 3 ภพภูมิ ทั้งในโลกและปรโลก แทนตนเอง คือ สร้างพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายขึ้นมาดำเนินงานการสร้าง ดำเนินการทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นตั้งอยู่ และดำเนินการทำลายพวกมันไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย ในศาสนาพุทธเรียกว่า พระโพธิสัตว์อรหันต์ หรือพระวิสุทธิเทพ
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย ในศาสนาอื่นทั่วโลกเรียกว่า พระเจ้า หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้า หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าแยกชื่อตามศาสนาก็คือ
1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) = พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ หรือ ตรีมูรติ
2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาคริสต์เรียกว่า พระยะโฮวา(พระบิดา) ซึ่งแยกออกเป็นพระบุตร และพระจิต
3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาอิสลาม ไม่มีการแยกเป็นพระบุตรและพระจิต มีแต่อัลเลาะห์ อัลลอฮฺ,ซึ่งเป็นพระบิดาเท่านั้น [112.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ
- พระบุตร ศาสนาอิสลามเรียกว่า รอซูล(ผู้แทนพระเจ้า)แทน เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่า อัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ สามารถอวตารหรือแบ่งตัวของพระองค์เอง จะออกเป็นกี่องค์ก็ได้ ไปนึกคิดว่าบุตรต้องมาจากการผสมพันธุ์แบบมนุษย์และสัตว์เท่านั้น พวกอิสลามจึงไม่ยอมรับพระเยซูในฐานะพระบุตร แล้วแย้งด้วย simple reason ว่า พระเจ้าจะเป็นบุตรของพระเจ้าอีกยังไง....งงว่ะ
- ส่วนพระจิตในศาสนาคริสต์ คือ ตัวมโนธรรม ผู้สอนธรรมในจิตให้มนุษย์ มโนธรรมก็เป็นการอวตารแบ่งตัวแบ่งภาคของอัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะเช่นเดียวกัน อิสลามยอมรับว่าพระยะโฮวาก็คืออัลเลาะห์ แต่ไม่ยอมรับอำนาจของอัลเลาะห์ว่า สามารถอวตารแบ่งตัวแบ่งภาคเป็นพระบุตรและพระจิตได้ การไปเรียกรอซูล(ผู้แทนพระเจ้า) เป็นแค่การเบี่ยงประเด็นออกไปเท่านั้น จะเรียกว่า บุตร หรือ ผู้แทนพระเจ้า หรือจะเรียกว่า อวตาร ทุกคำก็ล้วนหมายถึงพระเจ้าแยกพระองค์ออกมาทั้งนั้น
- แม้แต่นิยามอัลลอฮ์ ถ้าเทียบไปเทียบมาก็ตรงกับคำว่า พระพุทธเจ้าภาคดำ(ผู้ทรงความเมตตาปราณี+ความยุติธรรมสูงสุด) ในขณะที่พระยะโฮวา ถ้าเทียบไปเทียบมาก็ตรงกับคำว่า พระพุทธเจ้าภาคขาว(ผู้ทรงความเมตตาปราณีสูงสุดสำคัญกว่าความยุติธรรมสูงสุด)
สุดท้าย ธรรมกายก็เนรมิตที่อยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์(กายทิพย์อมตะ)ขึ้นมา เรียกว่าเมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตร หรือสวรรค์นิรันดร และให้พุทธภูมิ ที่อยู่ของธรรมกาย เป็นแดน(เขต)หนึ่งในพุทธเกษตร
สรุป
จากจิตหนึ่ง ที่เป็นจิตว่างเฉยๆ ที่ปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกทุกอย่าง) ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อนกาลเวลา พอจิตว่างเปิดswitch การคิดนึกทุกอย่าง อย่างแรกก็นึกคิด คือ...ให้ตัวเองมีรูปหรือร่างที่ไม่มีใครในทุกภพภูมิมองเห็นได้ เรียกว่า "ธรรมกาย" แต่ธรรมกายอยู่ในสมาธิฌานเกือบตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ธรรมกายจึงเนรมิตสร้างตัวเองออกมาอีกตัว เพื่อทำการแทน คือ สร้างพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย...จำนวนมากมายขึ้นมา เพื่อดำเนินงานการสร้างทุกสรรพสิ่งใน 3 ภพภูมิ ทั้งในโลกและปรโลก และควบคุมดูแลปกครองทุกสรรพสิ่งด้วย
"จิตหนึ่งซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้
เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้
ไม่มีทั้งปรากฏการณ์ อยู่เหนือการเปรียบเทียบทั้งหมด"
จิตหนึ่ง ที่ฮวงโปกล่าวข้างต้น ก็คือ จิตว่างเฉยๆที่ปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกทุกอย่าง) จิตหนึ่งตัวนี้จึงไม่มีทางมีกิเลสตัณหา และไม่มีทางติดกิเลสตัณหาใดๆทั้งสิ้น ศาสนาพุทธเถรวาทเรียกจิตหนึ่งในสภาพที่เป็นความว่างเพียงอย่างเดียวว่า "ปรินิพพาน หรือ ธรรม" ศาสนาพุทธมหายานเรียกว่า "พุทธภาวะเริ่มแรก" หลวงปู่ดู่เรียกว่า "นิพพานจริงๆ, นิพพานแท้" แต่ไม่ใช่สูญนะแก
หลวงปู่ดู่: "แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก”
2. จากปรินิพพาน(นิพพานจริงๆ)แต่ไม่ใช่สูญนะแก ที่จิตว่างเฉยๆต้องอยู่กับความว่างชั่วนิจนิรันดร จิตหนึ่งจึงเปล่าเปลี่ยว เพราะจักรวาลล้วนไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่าอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อนกาลเวลา จิตว่างเฉยๆตัวนี้จึงตัดสินใจเปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกต่างๆ) เพื่อจะเริ่มเล่มเกมส์แก้เซ็ง ไม่ต้องการอยู่เป็นจิตว่างเฉยๆชั่วนิรันดรอีกต่อไป
การที่จิตว่างเฉยๆตัวนี้ มีฤทธานุภาพอันไม่จำกัด เริ่มต้น...จิตว่างก็แปลงจิตตัวเองเป็นจิตว่างจากกิเลสตัณหาแทนการเป็นจิตว่างเฉยๆ โดยการเปิดswitchเจตสิกให้มีการคิดนึกปรุงแต่งได้นั่นเองแต่การคิดนึกปรุงแต่งได้นี้ปราศจากกิเลสตัณหาทั้งสิ้น
- หลังจากจิตว่าง(ปรินิพพาน)จะได้แปลงจิตตัวเองเป็นจิตปราศจากกิเลสตัณหาแล้ว จิตหนึ่งก็ยังเนรมิตกายหนึ่งเดียวออกมาให้จิตตนเองอยู่ด้วย เรียกว่า อาทิพุทธะ อันเป็น "ธรรมกายต้นกำเนิด หรือ อายตนะนิพพานต้นกำเนิดหนึ่งเดียว" ต่อมา ธรรมกายหนึ่งเดียวที่มีฤทธานุภาพไร้ขอบเขต ก็แยกร่างธรรมกายออกไปอีกมากมายก่ายกอง นอกจากนี้ เมื่อมีกายแล้ว กายก็ต้องการที่อยู่ จึงต้องเนรมิตสร้างพุทธภูมิขึ้นมาเป็นที่อาศัยของกายธรรมเหล่านี้
- การที่จิตและเจตสิกใดๆ ปราศจากหรือว่างจากกิเลสตัณหา เป็นเหตุให้ตัว ธรรมกายเป็นอมตะ คงอยู่ตลอดกาลชั่วนิรันดร
3. ธรรมกาย(อายะตนนิพพาน)องค์แรก หลังจากเนรมิตสร้างธรรมกายอื่นๆมากมายก่ายกองออกมาแล้ว ธรรมกายเหล่านั้น ต่างก็ไปนั่งในสมาธิสูงสุดขั้นนิโรธเกือบตลอดเวลา เหล่าธรรมกายจึงไปทำงานการสร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเพื่อเล่นเกมส์ค้นหาตัวเองแก้เซ็ง ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้ เหล่าธรรมกาย จึงเนรมิตสร้างตัวเองออกมาอีกตัว เพื่อทำการสร้างทุกสรรพสิ่งใน 3 ภพภูมิ ทั้งในโลกและปรโลก แทนตนเอง คือ สร้างพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายขึ้นมาดำเนินงานการสร้าง ดำเนินการทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นตั้งอยู่ และดำเนินการทำลายพวกมันไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย ในศาสนาพุทธเรียกว่า พระโพธิสัตว์อรหันต์ หรือพระวิสุทธิเทพ
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย ในศาสนาอื่นทั่วโลกเรียกว่า พระเจ้า หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้า หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าแยกชื่อตามศาสนาก็คือ
1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) = พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ หรือ ตรีมูรติ
2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาคริสต์เรียกว่า พระยะโฮวา(พระบิดา) ซึ่งแยกออกเป็นพระบุตร และพระจิต
3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกายในศาสนาอิสลาม ไม่มีการแยกเป็นพระบุตรและพระจิต มีแต่อัลเลาะห์ อัลลอฮฺ,ซึ่งเป็นพระบิดาเท่านั้น [112.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ
- พระบุตร ศาสนาอิสลามเรียกว่า รอซูล(ผู้แทนพระเจ้า)แทน เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่า อัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ สามารถอวตารหรือแบ่งตัวของพระองค์เอง จะออกเป็นกี่องค์ก็ได้ ไปนึกคิดว่าบุตรต้องมาจากการผสมพันธุ์แบบมนุษย์และสัตว์เท่านั้น พวกอิสลามจึงไม่ยอมรับพระเยซูในฐานะพระบุตร แล้วแย้งด้วย simple reason ว่า พระเจ้าจะเป็นบุตรของพระเจ้าอีกยังไง....งงว่ะ
- ส่วนพระจิตในศาสนาคริสต์ คือ ตัวมโนธรรม ผู้สอนธรรมในจิตให้มนุษย์ มโนธรรมก็เป็นการอวตารแบ่งตัวแบ่งภาคของอัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะเช่นเดียวกัน อิสลามยอมรับว่าพระยะโฮวาก็คืออัลเลาะห์ แต่ไม่ยอมรับอำนาจของอัลเลาะห์ว่า สามารถอวตารแบ่งตัวแบ่งภาคเป็นพระบุตรและพระจิตได้ การไปเรียกรอซูล(ผู้แทนพระเจ้า) เป็นแค่การเบี่ยงประเด็นออกไปเท่านั้น จะเรียกว่า บุตร หรือ ผู้แทนพระเจ้า หรือจะเรียกว่า อวตาร ทุกคำก็ล้วนหมายถึงพระเจ้าแยกพระองค์ออกมาทั้งนั้น
- แม้แต่นิยามอัลลอฮ์ ถ้าเทียบไปเทียบมาก็ตรงกับคำว่า พระพุทธเจ้าภาคดำ(ผู้ทรงความเมตตาปราณี+ความยุติธรรมสูงสุด) ในขณะที่พระยะโฮวา ถ้าเทียบไปเทียบมาก็ตรงกับคำว่า พระพุทธเจ้าภาคขาว(ผู้ทรงความเมตตาปราณีสูงสุดสำคัญกว่าความยุติธรรมสูงสุด)
สุดท้าย ธรรมกายก็เนรมิตที่อยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์(กายทิพย์อมตะ)ขึ้นมา เรียกว่าเมืองนิพพาน หรือพุทธเกษตร หรือสวรรค์นิรันดร และให้พุทธภูมิ ที่อยู่ของธรรมกาย เป็นแดน(เขต)หนึ่งในพุทธเกษตร
สรุป
จากจิตหนึ่ง ที่เป็นจิตว่างเฉยๆ ที่ปิดswitchเจตสิก(การคิดนึกทุกอย่าง) ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อนกาลเวลา พอจิตว่างเปิดswitch การคิดนึกทุกอย่าง อย่างแรกก็นึกคิด คือ...ให้ตัวเองมีรูปหรือร่างที่ไม่มีใครในทุกภพภูมิมองเห็นได้ เรียกว่า "ธรรมกาย" แต่ธรรมกายอยู่ในสมาธิฌานเกือบตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ธรรมกายจึงเนรมิตสร้างตัวเองออกมาอีกตัว เพื่อทำการแทน คือ สร้างพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือกายทิพย์อมตะ หรือสัมโภคกาย...จำนวนมากมายขึ้นมา เพื่อดำเนินงานการสร้างทุกสรรพสิ่งใน 3 ภพภูมิ ทั้งในโลกและปรโลก และควบคุมดูแลปกครองทุกสรรพสิ่งด้วย
0 comments:
แสดงความคิดเห็น