A A

22 มีนาคม 2558

บันทึก(ไม่)ลับ : อริยสัจ 4 Phonsak อธิบายแบบไพร่สถุล

ก่อนอื่น ท่านต้องรู้ว่า ทางแห่งการพ้นทุกข์ คือ อริยสัจ 4  1. ทุกข์  2. สมุทัย 3. นิโรธ 4. มรรค  มันเป็นอย่างไร?  จึงจะสามารถหาทางออกจากความทุกข์ได้

1. ทุกข์ และ 2. สาเหตุของทุกข์(สมุทัย)

ทุกข์ คือ เอ็งดันทะลึ่งมี demand หรือ 
มีกิเลสตัณหาเอง  เอ็งเลยไปเอาสิ่งที่ปรากฏภายนอกทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นตัวของเอ็ง เพื่อนเอง เมียเอ็ง ลูกเอ็ง รถเอ็ง เงินเอ็ง งานเอ็ง ศัตรูเอ็ง ฯลฯ  เอ็งคิดไปเองว่า มันเป็นเอ็ง เป็นของของเอ็ง (= คิดเองว่า พวกมันเป็นโลกของเอ็ง)  พูดตามแบบพุทธทาส แต่แรงกว่า.....ก็คือ

... เอ็งดันเสือกไปคิดนึกเอาเองว่า  สิ่งภายนอกจิตว่าง(จิตปภัสสร)ของเอ็ง เป็น "ตัวกู ของกู"  ทั้งๆที่ประสบการณ์ภายนอกทั้งหมด  มันมาปรากฏให้เอ็งรู้ ให้เอ็งเห็น และให้เอ็งรับทราบ  เป็นผลมาจากกรรมดีกรรมชั่วที่พวกเอ็งที่ตอนนี้กลายเป็นจิตสังขารที่สกปรกไปแล้ว  แม่งเคยก่อเอาไว้เมื่อชาติปางก่อน  กรรมเวรเหล่านั้นเลยส่งวิบากกรรม หรือส่งผลกรรมกลับมาให้เอ็งในชาตินี้รับไว้.... แค่นิดหน่อยเท่านั้น  เสือกบ่นไปได้

ตอนนี้พอเอ็งไม่ได้สิ่งที่ 
กิเลส ตัณหา ความทะยานอยากหรือ demand ของเอ็งไปยึดติดว่า  มันต้องเป็นของกู กูต้องได้มันมาครอบครองจึงจะมีความสุข พอเองไม่ได้พวกมันมา  เอ็งเลยแทบดิ้นตายในตอนนี้  ไอ้ตัวกู แม่งเลยมีอารมณ์กังวล อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด อารมณ์เศร้าหมอง อารมณ์ไม่พอใจ ฯลฯ ขึ้นมาทันที ..... สาเหตุของทุกข์มันก็มีแค่นี้แหละ
3.ความดับสนิทของความทุกข์ (นิโรธ)และ 4.วิธีการความดับสนิทของความทุกข์(มรรค)

3. นิโรธ คือ นิพพาน / ความดับสนิทของความทุกข์
4. มรรค คือ ข้อปฏิบัติ หรือทางเดินให้ถึงความดับของความทุกข์  คือ ศีล/ สมาธิ / ปัญญา  


ภาษาไพเราะอย่างนี้  ไพร่สถุลแบบผมไม่เข้าใจว่ะ

ภาษาไพร่สถุลอย่างผม ต้องบอกว่า  วิธีการความดับความทุกข์ให้แม่งหมดไป  คือ  กูต้องไม่เอาเรื่องราวภายนอกจิตเดิมแท้ที่ว่างเปล่าของกูเอามาเป็น "ตัวกูของกู" อีก  แค่นั้นกูก็ไม่ทุกข์แล้ว  เพราะจิตของกูจะว่างเปล่าหมด  เนื่องจากตัวกูดั่งเดิม มันเป็นจิตว่าง(จิตปภัสสร)อยู่แล้ว  เรื่องราวในโลกทั้งหมด  แม่งมันเป็นแค่ฉากละครที่กฎแห่งกรรม เอามาให้กูเล่น  กูเป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งเท่านั้น

- ตัวกูจิตว่าง(จิตปภัสสร)เป็นจิตมหาบริสุทธิ์  และเป็นตัวโคลนนิ่งของตัวกูแท้จริงที่เป็นพุทธะ(อรหันต์)  ที่แม่งอยู่ในนิพพาน(นิโรธ)

แต่..นิพพาน  ถ้าไม่มีบ้านเมือง ไม่มีตัวกูที่ไม่มีวันตายอยู่ที่นั่น  และอยู่แบบกูไม่มีความทุกข์เลย  กูไม่อยู่โว๊ย  ตัวกูแบบนั้น กูไม่เอาเพราะกูไม่เคยชิน  กูเคยชินแต่ตัวกูที่มีบ้านเมือง ที่มีตัวกู และ มีของกูเท่านั้น  แม้ตัวกูของกูเหล่านั้นจะอยู่ได้ชั่วคราวในโลกมนุษย์ก็ตาม 

อาทิพุทธ พระพุทธเจ้าองค์ปฐมที่ไม่ใช่มนุษย์ 
(พระบิดาแท้จริง) ซึ่งเป็นจิตหมาบริสุทธิ์สูงสุด เป็นพระอรหันต์ที่มีอำนาจสูงสุด  เลยต้องใช้พลังจิตสูงสุด เนรมิตเมืองนิพพานและกายนิพพาน(ธรรมกาย)ออกมาให้พวกกูอยู่

- อนึ่ง  นิพพานที่เป็นแคจิตว่าง....ไม่มีกาย   พระพุทธเจ้าเรียกว่า "ปรินิพพาน หรือ นิพพานแท้" 

แต่..ไอ้ธรรมกาย
(อายตนะนิพพาน) แม่งดันอยู่แบบเข้าสมาธิในนิโรธ  วันๆ แม่งไม่ค่อยทำอะไรเลย  (พระบิดา)พระอาทิพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกองค์ เลยต้องเนรมิตสร้างกายทิพย์อมตะออกมาจากธรรมกายอีกตัวหนึ่ง พุทธมหายานเรียกว่า "สัมโภคกาย" ศาสนาอื่นเรียกว่า "พระเจ้าบ้าง  พระวิญญาณบริสุทธิ์บ้าง"  
"สัมโภคกาย"  ที่ศาสนาอื่นเรียกว่า "พระเจ้าบ้าง  พระวิญญาณบริสุทธิ์บ้าง"  ออกมาทำอะไร  ก็ออกมาเพื่อจะได้มีพูดคุยสนทนากันได้สะดวก  และช่วยดำเนินกิจกรรมต่างๆ  โดยเฉพาะพาไอ้พวกมนุษย์ ซึ่งกลายเป็นจิตสังขารอันสกปรกไปแล้ว  กลับคืนสู่ความเป็นจิตปภัสสรเหมือนเดิม  เมื่อจิตสกปรกของพวกมันโยนทิ้งจิตปภัสสร
(จิตโคลนนิ่งของจิตมหาบริสุทธิ์อรหันต์) อันเป็นจิตสะอาดบริสุทธิ์ออกไปเมื่อไร  มันก็จะเข้าไปอยู่ในเมืองนิพพาน บ้านเดิมของมันได้  

ตอนนี้ก็ให้จิตปภัสสร(จิตโคลนนิ่งของจิตมหาบริสุทธิ์,อรหันต์) ซึ่งเป็นพระเจ้า   อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์เพื่อช่วยโลกไปก่อน

ความจริง...ผมตั้งใจจะอธิบายเรื่องจิตเห็นจิตนะว่า  จิตอะไรเห็นจิตอะไร  แต่ไปอารัมภบทเสียยาว และอาจจะยากแก่การเข้าไจมากไปสักหน่อย  เลยต้องยกเรื่องจิตเห็นจิตไปคราวหน้านะครับ  คราวหน้าผมจะใช้ภาษาผู้ดีหน่อย  ใช้ภาษาไพร่สถุล  เดี๋ยวก็โดนผู้ดูแลเว็บธรรมะต่างๆแบนกระทู้  และไล่ผมออกไปอีก  เพราะไอ้พวกนี้เป็นสมุนของพญามารทั้งนั้น  แต่แม่งไม่รู้ตัวเอง...5555

0 comments:

แสดงความคิดเห็น